“ผึ้งโพรง” ส่งสัญญาณ ภูมิอากาศเปลี่ยน แหล่งอาหารขาดแคลน

จากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงทางภาคใต้ ฝนตกยาว น้ำท่วมส่งผลต่อแหล่งอาหารผึ้งโพรงไทย ผึ้งโพรงไม่สามารถแยกรังสร้างนางพญาได้ จังหวัดพัทลุง แหล่งผลิตรายใหญ่น้ำผึ้งโพรง เหลือประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หาย 70 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงพีกประมาณ 12 ตันต่อปี กลุ่มเลี้ยงผึ้งพัทลุงจึงจำเป็นต้องหนีสภาพภูมิอากาศฝนตก อพยพปักหลักฝั่งอันดามัน จังหวัดกระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี ส่งสัญญาณการเลี้ยงผึ้ง สภาพดินฟ้าอากาศ และสารเคมี ปัจจัยอุปสรรคต่อการเลี้ยงผึ้งโพรง โดยมีทางออกต้องสำรองแหล่งอาหาร พืชล้มลุก โดยเฉพาะข้าวโพด หากหมดโอกาสจริงคือผลของกล้วยสุกจะเป็นแหล่งอาหาร เพื่อความอยู่รอดของผึ้งโพรง

คุณวีระพล ห้วนแจ่ม ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรงตำบลปันแต ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดแปลงใหญ่ผึ้งโพรงปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง บอกว่า การเลี้ยงผึ้งโพรงไทยปี 2565 ที่ผ่านมานี้ได้มีผลผลิตที่น้อยมาก เหลืออยู่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งเทียบจากช่วงที่พีกนั้นสามารถเก็บผลผลิตได้กว่า 10 ตัน

ซึ่งมีสาเหตุจากฝนตกยาวต่อเนื่อง ส่งผลกระทบจากการที่ผึ้งโพรงไม่สามารถจะแยกรังสร้างนางพญาได้ ประชากรผึ้งโพรงจึงไม่ขยายและเพิ่มรังผึ้งโพรง และประการสำคัญแหล่งอาหารผึ้งโพรง ทั้งสวนยางพารา สวนทุเรียน สวนมังคุด สวนลองกอง สวนเงาะ ดอกไม้ซึ่งเป็นอาหารของผึ้งโพรงขาดแคลนจากกระทบฝนตกยาว ปริมาณอาหารผึ้งโพรงจึงลดไปครึ่งต่อครึ่ง

“และอนาคตผึ้งโพรงยังได้รับผลกระทบกับการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพราะมีการใช้ยาเคมีฉีดจะส่งผลต่อผึ้งโพรงที่จะไปตอมกับเกสรกับดอกไม้ จะได้รับความเสียหายด้วย”

สภาพดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง แหล่งอาหารของผึ้งโพรงเปลี่ยนแปลง จะส่งผลกระทบการเลี้ยงผึ้งโพรงที่อยู่กับพื้นและผู้เลี้ยงรายย่อย หากไม่มีการพัฒนารองรับป้องกันความเสี่ยง

ทางวิสาหกิจชุมชนจึงมีแผนรองรับป้องกันความเสี่ยง โดยมีพันธมิตรเครือข่ายในพื้นที่เพื่อโยกย้ายรังผึ้งโพรงหนีฝนจากจังหวัดพัทลุง ไปยังพื้นที่สภาพภูมิอากาศที่มีผลต่อการเลี้ยงยังโซนอันดามัน จังหวัดกระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะอำเภอนาสาร เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตเงาะรายใหญ่ทางภาคใต้ ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ภาวะปกติฝนแล้ง

“บริหารจัดการรองรับป้องกันวัตถุขาดแคลน ที่จะต้องสต๊อกวัตถุดิบเอาไว้เพื่อให้พอเพียงจะสร้างความเชื่อมั่นให้คู่ค้าและผู้บริโภค”

คุณวีระพล บอกอีกว่า ปีที่แล้ว 2565 ในวิสาหกิจชุมชนมีประมาณ  5 ตันต่อปี ทั้งของกลุ่มที่ผลิตได้และหาซื้อจากเครือข่ายผึ้งโพรงไปยังจังหวัดต่างๆ และค่อนข้างจะหาไม่ได้ เพราะมีน้ำผึ้งโพรงรายย่อยๆ ขนาด 10 กิโลกรัม แต่ทางกลุ่มต้องการแต่ละล็อตไม่ต่ำกว่า 500 กิโลกรัม

“ตอนนี้ยังขาดแคลนอยู่ประมาณ  60 เปอร์เซ็นต์ เพราะจากปีที่ผ่านมาหาน้ำผึ้งโพรงได้แต่ 5 ตันเศษ ซึ่งความต้องการน้ำผึ้งโพรงประมาณกว่า 10 ตันถึงสนองตอบต่อตลาดได้ ส่วนแนวทางที่จะทำเป็นอุตสาหกรรมผึ้งโพรงหรือจะส่งออกต่างประเทศ ค่อนข้างจะเป็นไปไม่ได้”

ส่วนราคาผึ้งโพรง ราคาค้าปลีกขณะนี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 550-600 บาทต่อกิโลกรัมต่อขวด ราคานั้นถือว่ายังไปได้ดีและก็ดีมาตลอดทุกปี

สำหรับแนวโน้มทิศทางการเลี้ยงผึ้งโพรงปี 2566 นี้ สำหรับคนที่ยังทำผึ้งโพรง ก็ต้องดูสภาพภูมิอากาศหลังเดือนมกราคม 2566 นี้เป็นต้นไป หากว่าหมดฝนแล้วเข้าภาวะแล้งยาวพืชผลไม้ได้ออกดอก ก็จะได้น้ำผึ้งโพรงที่ดี แต่หากฝนยังตกเหมือนกับปีที่แล้ว 2565 ก็จะพบกับสภาพเดิมต้องขาดแคลนน้ำผึ้งโพรงต่อ แล้วคาดว่ารายย่อยคงจะต้องทิ้งรังผึ้งโพรงไปอีก จากภาพน้ำผึ้งโพรงที่มีปริมาณนับหมื่นรังในหลายพื้นที่หลายจังหวัด

“การเลี้ยงผึ้งโพรง เป็นอาชีพเสริมที่มีรายได้ที่ดี จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10-15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี”

คุณไพรวัลย์ ชูใหม่ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุง บอกว่า ภาพรวมน้ำผึ้งโพรง จังหวัดพัทลุง ที่ผ่านจากช่วงที่สภาพภูมิอากาศและผลไม้สมบูรณ์ดีมาก สามารถจัดเก็บน้ำผึ้งได้กว่า 10 ตันต่อปี เป็นเงินค้าส่งประมาณ 3,600,000 บาท และถ้าเป็นค้าปลีกประมาณ 6 ล้านบาท

เห็นได้ว่าผึ้งโพรงสามารถสร้างเป็นอาชีพเสริมที่ดีได้ และหากเป็นอาชีพหลักก็ทำได้ แต่จะต้องเลี้ยงผึ้งโพรงและอุ้งควบคู่ไปด้วย โดยผึ้งโพรงประมาณ 100 รัง และอุ้งไม่ต่ำกว่า 300 รัง โดยแต่ละรังมีผลผลิตมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3 กิโลกรัมต่อปี ส่วนราคา เช่น ค้าส่ง 300 บาทต่อกิโลกรัม และค้าปลีก 500 บาทต่อกิโลกรัม มูลค่าค้าส่งประมาณกว่า 360,000 บาทต่อปี ถ้าค้าปลีกมีมูลค่าประมาณ 600,000 บาทต่อปี

“ปัจจัยสำคัญที่ผันแปรที่สุดในการเลี้ยงผึ้งโพรงไทย คือสภาพดินฟ้าอากาศ การใช้สารเคมี และต้องมีความพร้อมเรื่องแหล่งอาหารไว้รองรับด้วย”

คุณไพรวัลย์ บอกอีกว่า สภาพอากาศจะส่งผลต่อแหล่งอาหารของผึ้งโพรง เพราะหากฝนตกยาวนานจะขาดแหล่งอาหาร ผู้เลี้ยงจะต้องเตรียมความพร้อมในการสำรองอาหารไว้ เช่นปลูกพืชล้มลุก เช่น ข้าวโพด ฯลฯ และหากขาดแคลนจริงๆ แล้วก็นำกล้วยสุกต่างๆ สำหรับกล้วยนั้นเป็นน้ำผึ้งในผลไม้ ฟรักโทส มาจัดวางไว้ให้ผึ้งโพรงได้บริโภค และยังสามารถป้องกันผึ้งโพรงอพยพได้

แต่สวนที่น่าเลี้ยงผึ้งโพรงได้และป้องกันความเสี่ยงได้ จะเป็นสวนปาล์ม สวนหมาก สวนมะพร้าว เพราะฝนตกก็ออกผลผลิต สามารถเป็นอาหารของผึ้งโพรงที่ดี