“ ข้าวอาร์เจ22 ”ทนโรค ผลผลิตสูง ชาวนาอยุธยาปลูกป้อนตลาดอียู ท้าชนข้าวนุ่มเวียดนามราคาถูก

“ ณฎล สว่างญาติ”  จากอดีตวิศวกรก้าวเข้าสู่เกษตรกรชาวนาต้นแบบ ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรรม (ส.ป.ก.) ณฎลเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของครอบครัวที่น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาปรับใช้บนที่ดินพระราชทาน ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียง ต.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา

” ณฎล สว่างญาติ” จากอดีตวิศวกรก้าวเข้าสู่เกษตรกรชาวนาต้นแบบ

ณฎล ( ชื่อเดิม :  นพดล ) และคุณพ่อ “ นายประมาณ สว่างญาติ ” เป็นแกนนำหลักในการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อยกระดับการผลิตข้าวอย่างครบวงจร ในชื่อ กลุ่มศูนย์ข้าวชุมชนตำบลช้างใหญ่ ปลูกข้าวหลากหลายสายพันธุ์ เช่น ข้าวสายพันธุ์ กข.43  พันธุ์ กข.79  ข้าวหอมปทุม และพันธุ์ข้าว RJ22 มุ่งผลิตเมล็ดพันธุ์ใช้กันเองภายในกลุ่มแปลงใหญ่ และจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนพันธุ์ข้าวไทย ดำเนินธุรกิจการตลาด เปิดโอกาสให้เกษตรกรเป็นผู้กำหนดราคาขายร่วมกับผู้ซื้อ เชื่อมโยงสู่ตลาดระดับต่าง ๆ มากขึ้น  รวมถึงการพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเกษตรปลอดภัย สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง

แปลงนาข้าวอาร์เจ 22
รวงข้าวพันธุ์ อาร์เจ 22

“ ข้าวอาร์เจ22 ” ข้าวนุ่มคุณภาพดี

ท้าชิงส่วนแบ่งตลาดข้าวนุ่มในอียู

ณฎล กล่าวว่า  ข้าวหอมมะลิไทย โดดเด่นในเรื่องความหอมและนุ่มของข้าว แต่มีราคาแพง  หลายประเทศจึงหันไปซื้อข้าวนุ่มราคาถูกของเวียดนามและกัมพูชาที่คล้ายคลึงกับข้าวหอมมะลิแทน “บริษัท รวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด ” ได้ปรับปรุงพันธุ์ขาวพื้นนุ่มเพื่อการส่งออก  คือ  พันธุ์ข้าวอาร์เจ 22 (RJ 22) สำหรับปลูกในเขตนาชลประทาน ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง โดยให้ผลผลิตสูงสุด  1,260 กก.ต่อไร่

พันธุ์ข้าวอาร์เจ 22 ข้าวเจ้าขาวพื้นนุ่มไม่ไวแสง อายุสั้น ทรงต้นตั้งตรง ลำต้นแข็งแรง แตกกอดี ต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และโรคขอบใบแห้ง เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าพันธุ์ กข47 เป็นสายพันธุ์แม่ และข้าวเจ้าลูกผสมเป็นสายพันธุ์พ่อ อายุการเก็บเกี่ยว 105 วันหลังปักตำ ต้นข้าวมีความสูง 105 เซนติเมตร เมล็ดข้าวเปลือกสีฟาง ข้าวขาวและนุ่มเมื่อหุงสุก ปัจจุบันข้าวอาร์เจ 22 เป็นที่ยอมรับและขายดีในตลาดยุโรป เพราะมีคุณภาพดีไม่แพ้ข้าวนุ่มของเวียดนาม

เมล็ดข้าวเปลือกพันธุ์ อาร์เจ 22
เมล็ดข้าวสาร พันธุ์อาร์เจ 22
ข้าวสารพันธุ์ อาร์เจ 22

ณฎล กล่าวว่า ข้าวอาร์เจ 22  ปลูกได้ทุกฤดูกาล ใช้ปุ๋ยน้อยลง 20-30%  ทนโรคได้ดี ประหยัดต้นทุนค่ายาถึง 50% สามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยค่ายาเฉลี่ย 900 บาทต่อตัน ข้าวพันธุ์นี้ ให้ผลผลิตสูงกว่า ข้าวหอมปทุมธานี  และขายได้ราคาสูงกว่าข้าวขาว 200-300 บาทต่อตัน ปัจจุบันทางกลุ่มฯ หันมาปลูก  “ ข้าวอาร์เจ22 ” กันอย่างแพร่หลาย เพราะปลูกดูแลง่ายและให้ผลตอบแทนที่ดี ที่สำคัญตอบโจทย์ความต้องการตลาด ที่นิยมบริโภคข้าวนุ่ม ราคาขายส่งออกก็ใกล้เคียงกับข้าวนุ่มเวียดนาม  คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดส่งออกข้าวไทยในตลาดอียูได้อีกทางหนึ่ง

อาร์เจ 22 เนื้อข้าวขาวและนุ่มเมื่อหุงสุก