สับปะรดยักษ์ รสชาติหวานฉ่ำเหมือนกินแตงโม พืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้เฉียดล้าน

ผลไม้ที่ชื่อว่าสับปะรด ที่ทุกคนร้องอ๋อ เป็นผลไม้พื้นบ้านของบ้านเราก็ว่าได้ ปลูกสับปะรดก็มักจะได้ยินว่าสับปะรดล้นตลาด ราคาถูก เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะมองข้าม แต่ถ้าเรียกว่าสับปะรดแตงโมยักษ์ ต้องหยุดฟังสักหน่อยว่าคงเป็นของแปลก แต่ก็แปลกจริงๆ ไม่ใช่แปลกแค่ชื่อต่อท้าย ยังแปลกเรื่องรสชาติที่ความฉ่ำหวานคล้ายกัดกินแตงโม สับปะรดแตงโมมีสายพันธุ์นำเข้ามาจากไต้หวันราคาก็ลูกละร้อยกว่าบาท

สับปะรดแตงโมยักษ์เป็นสับปะรดสายพันธุ์ใหม่ ลูกใหญ่ ที่ผสมผสานหลากหลายสายพันธุ์จากไต้หวันและข้อพิเศษอีกอย่างการที่นำมาปลูกกับดินในเขตร้อนเมืองไทย ทำให้สายพันธุ์นี้โดดเด่น ลูกใหญ่ 1.5-3 กิโลกรัม และ มีจุดเด่นเรื่องรสชาติ ผลใหญ่ เปลือกบาง ไม่กัดลิ้น หวานฉ่ำ เนื้อละเอียดเหมือนกินแตงโม จึงเรียกว่าสับปะรดแตงโม หรือสับปะรดสวนโม ที่เป็นคำที่ติดตลาดว่าสับปะรดแตงโมยักษ์สวนโม ในวงการตลาดสับปะรดเป็นที่รู้จักกันว่าอย่างนี้ คำว่าสับปะรดแตงโมมาจาก คุณกาญจนา หงส์ ที่เป็นเจ้าของสวนเอง และเป็นผู้นำเข้าสายพันธุ์นี้

คุณกาญจนา หงษ์ เจ้าของสวนสับปะรดแตงโมยักษ์

คุณกาญจนา บอกว่า ตนเองเป็นผู้ตั้งชื่อและนำเข้าสายพันธุ์มาจากไต้หวัน แต่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน เพราะเพิ่งปลูกได้เพียง 3 ปีเท่านั้น ในเนื้อที่ 300 ไร่ แต่ได้ผลผลิตคุ้มค่า เป็นสับปะรดที่มีคุณสมบัติ ผลใหญ่ น้ำหนักต่อผล 3-5 กิโลกรัม สามารถเก็บผลกินได้ในสวนขณะผลยังดิบมีสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลือง เป็นสับปะรดเปลือกบาง เนื้อมาก รสชาติหอม หวาน นุ่มนวล ไม่กัดลิ้น แต่มีรสชาติหวานจัด แม้ผลยังดิบสีเขียวยังสามารถเก็บกินได้ เมื่อสุกแล้วเนื้อจะหวานชื่นใจ และยังได้ราคาดี

คุณกาญจนา บอกว่า สับปะรดพันธุ์แตงโมยักษ์ ขายผลสดกิโลกรัมละ 25 บาท ถ้าเกรดเอ (เกรดส่งออก กิโลกรัมละ 35 บาท) 1 ผลขายได้ 100-175 บาทเลยทีเดียว ซึ่งสับปะรดสายพันธุ์อื่นขายในราคา กิโลกรัมละ 12-15 บาท ปัจจุบันผลผลิตไม่พอขายให้ลูกค้า ด้วยราคาที่แตกต่างและรสชาติที่โดดเด่น ทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

สีสวย เนื้อละเอียด หวานฉ่ำ

ที่สวนสับปะรดเนื้อที่ กว่า 300 ไร่ ของคุณกาญจนา สาวสวยเก่ง วัย 32 ปี และสามีชาวไต้หวัน ผู้นำสายพันธุ์สับปะรดจากไต้หวันมาปลูกที่อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ได้ผลเป็นอย่างดีและส่วนใหญ่ส่งออกไปประเทศจีน ยังไม่ค่อยแพร่หลายในตลาดเมืองไทย คาดว่าจะส่งเสริมให้ขยายพื้นที่ปลูกโดยเฉพาะเกษตรกรที่สนใจ จะได้มีสับปะรดแตงโมวางขายในตลาดในเมืองไทยเรามาก

“เราสามารถปลูกสับปะรดแตงโมเอาไว้กินเองในบ้านได้เหมือนกัน จะปลูกลงดินหรือปลูกในกระถางก็ได้ เพราะพื้นที่เล็กๆ ก็ปลูกได้ โดยการปลูกด้วยหน่อหรือแขนงสับปะรด ให้เนื้อหวานฉ่ำและผลใหญ่ หลายครัวเรือนที่ปลูกแล้วได้ผลดี มีสับปะรดไว้กินในครัวเรือนได้ แถมเป็นได้ทั้งไม้ประดับสวนอีกด้วย”

หน่อพันธุ์สับปะรด

การปลูกสับปะรดและการขยายพันธุ์

การปลูกด้วยหน่อเป็นวิธีที่นิยมในการปลูกสับปะรด โดยหลังจากเก็บเกี่ยวผลสับปะรดออกแล้ว 6-7 วัน ก็จะปลิดหน่อออกจากต้น หน่อที่มีขนาดเหมาะแก่การขยายพันธุ์ควรมีความยาว 50-75 เซนติเมตร หลังจากตัดหน่อสับปะรดมาแล้ว ให้นำมาผึ่งลมโดยคว่ำยอดลงสู่พื้นดิน ให้รอยตัดแห้ง เป็นการฆ่าเชื้อโรคแล้วนำมามัดรวมกันเพื่อรอปลูกหรือส่งขาย ก่อนปลูกควรลอกกาบออกสัก 2-3 ชั้นเพื่อให้รากแทงออกมาได้สะดวกและเร็วขึ้น การปลูกสับปะรดปลูกได้ทั้งหน่อและจุก แต่ส่วนใหญ่จะปลูกโดยใช้หน่อ สำหรับดินปลูกเติบโตได้ดีในดินแทบทุกชนิดที่ระบายน้ำได้ดี และชอบที่ลาดเท เช่น ที่ลาดเชิงเขา ธรรมชาติของสับปะรดไม่ชอบน้ำขัง แต่ต้องการน้ำสม่ำเสมอ

หน่อพันธุ์เตรียมลงปลูก

การดูแล

1.1 แสงแดด และอุณหภูมิที่เหมาะสม เนื่องจากสับปะรดเป็นพืชเขตร้อน และควรรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ประมาณ 24-30 องศาเซลเซียส หรือถ้าวันไหนที่แดดดีก็จะดีมาก เพราะช่วยเสริมให้สับปะรดเติบโตอย่างมีชีวิตชีวามากขึ้น อีกทั้งยังเสริมภูมิคุ้มกันโรคพืช และศัตรูพืชได้ด้วย

1.2 การรดน้ำ ควรหมั่นรดน้ำสม่ำเสมอ อย่างน้อยประมาณ 1 ลิตรต่อต้น ยกเว้นในช่วงฤดูฝน ควรระวังไม่ให้น้ำเยอะเกินไปจนดินแฉะ เพราะอาจทำให้รากเน่าได้ สับปะรดไม่ชอบน้ำขัง แต่ชอบน้ำพอดินชุ่ม แต่อย่าให้ดินแห้งจนเกินไป

ผลผลิตจากสวนที่เก็บตั้งแต่เปลือกสีเขียวจนถึงส้ม

1.3 การให้ปุ๋ย เคล็ดลับที่ทำให้สับปะรดหวานฉ่ำก็คือ ควรให้ปุ๋ยฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และไนโตรเจนอย่างสม่ำเสมอเดือนละ 1 ครั้ง โดยให้ปุ๋ยในปริมาณเล็กน้อยก็พอ ซึ่งจะเลือกให้ปุ๋ยทางกาบใบ ด้วยการโรยปุ๋ยบริเวณกาบใบล่างของต้น หรือให้ปุ๋ยชนิดเหลว ด้วยการฉีดพ่นกาบใบ หรือราดบนหน้าดินรอบๆ ได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องระวังอย่าใส่ปุ๋ยที่โคนต้นโดยตรง เพราะอาจจะทำให้รากเกิดความเสียหายได้ และหากให้ปุ๋ยน้อยเกินไปก็อาจจะส่งผลต่อรสชาติของสับปะรด

1.4  โรคพืชและศัตรูพืช ศัตรูพืชที่มักจะมาก่อกวนต้นสับปะรดคือ ไร เชื้อรา และอาการตกสะเก็ด แนะนำให้ตัดและนำไปทำลายทิ้ง ส่วนโรคพืชที่พบบ่อยจะเป็นโรครากเน่า รากเกิดเชื้อรา สังเกตได้ง่ายๆ จากการที่กาบใบตรงกลางเป็นสีน้ำตาลคล้ำออกดำ และเวลาที่ดึงจุกสับปะรด รากก็จะหลุดออกมาได้โดยง่าย ซึ่งสาเหตุของโรคพืชเหล่านี้ก็มาจากการรดน้ำมากเกินไป รวมทั้งการใส่ปุ๋ยตรงกลางลำต้น ทำลายเนื้อเยื่อของรากให้เน่าตายนั่นเอง และนี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงต้องระมัดระวังการรดน้ำและการให้ปุ๋ยต้นสับปะรดให้มาก สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในไทยมี หลายสายพันธุ์ แต่ที่จะแนะนำสายพันธุ์ใหม่ๆ นี้ก็คือลูกผสมจากไต้หวันหรือเรียกจากการตลาดว่า สับปะรดสวนโม

ผลใหญ่ยักษ์ลูกนี้ใหญ่เกือบ 5 กิโลกรัม

การบังคับออกผลตามต้องการหรือตามคำสั่งซื้อ

สับปะรดสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่ผลิตตามความต้องการของตลาดได้ดี รสชาติดีสม่ำเสมอ เพราะสับปะรดพันธุ์นี้อากาศยิ่งเย็นยิ่งหวาน การบังคับออกดอกเป็นสิ่งที่สำคัญมากหมายถึง การแข่งขันราคา สับปะรดนอกฤดูกาลย่อมได้ราคาดี แต่นั่นก็ต้องมีความรู้ในเรื่องการให้น้ำให้ปุ๋ย แล้วแต่เทคนิคของแต่ละสวน แต่ถ้าสวนไหนที่ทำแบบธรรมชาติ โดยใช้เคมีน้อยที่สุดก็จะทำให้ได้ราคาดีและขายดีที่สุด

สวนคุณกาญจนาจะบริหารการตลาดโดยบังคับให้ออกดอกหลังจากที่เรียกว่า บ่มแก๊ส หลังจากการทำการบ่มแก๊สจะเริ่มแตกดอกสับปะรดให้นับไป 5 เดือนกับอีก 20 วันโดยประมาณ ก็จะได้ผลสับปะรดตามต้องการหรือตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ สำหรับการบริหารให้มีสับปะรดขายภายในประเทศตลอดปี ก็จะทำการบังคับวิธีเดียวกันคือการบ่มแก๊ส ให้มีผลสับปะรดเก็บขายได้ตลอดปีโดยไม่ขาดตลาด เพราะที่สวนจะแบ่งพื้นที่เป็นโซนสำหรับปลูกหมุนเวียนเพื่อให้ได้ผลผลิตที่เก็บได้ทั้งปี

สับปะรดแตงโมยักษ์ ผลใหญ่ 1.5-3.5 กิโลกรัม

ฉะนั้นการบริหารพื้นที่ปลูกให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อเพื่อให้มีผลผลิตป้อนตลาดให้เพียงพอจึงจำเป็นมาก แต่ถ้าปลูกตามฤดูกาลการดูแลก็จะง่ายขึ้น ลดต้นทุนในเรื่องปุ๋ยเรื่องยา แต่ถ้าการตลาดที่ผูกกับต่างประเทศย่อมสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้แก่เจ้าของสวน โดยเฉพาะเทคนิคของการปลูกของแต่ละสวน เพราะสับปะรดนอกฤดูส่วนใหญ่รสชาติจะออกเปรี้ยว แต่สับปะรดแตงโมนี้รสชาติจะดีมากถ้าอยู่ในช่วงอากาศเย็นในบ้านเราคือช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ แต่รสชาติจะดรอปลงในช่วงหน้าฝนที่มีฝนตกชุก ส่วนใหญ่จะปลูกและเน้นส่งออกในช่วงเทศกาล เช่น ตรุษจีนหรือสิ้นปี ตลาดส่งออกคือประเทศจีน นี่แหละเป็นสิ่งที่ท้าทายเรื่องเทคนิคของแต่ละสวนที่จะมีเคล็ดลับในการใช้ฮอร์โมนหรือสูตรปุ๋ย นอกจากสายพันธุ์แล้วการปลูกและการดูแลที่จะให้รสชาติดีเหมือนในฤดูกาลย่อมได้เปรียบเรื่องราคา

การหาความรู้และหาวิธีการใหม่ๆ ที่ให้ผลผลิตสูงจึงจำเป็นมากสำหรับชาวสวนในปัจจุบัน โดยเฉพาะการใช้ฮอร์โมนสำหรับการเร่งดอก การปลูกสับปะรดเป็นการสร้างรายได้ เป็นพืชที่ใช้การดูแลเอาใจใส่ไม่มาก อีกอย่างเป็นพืชทนแล้งได้ดี เหมาะกับประเทศเขตร้อนอย่างบ้านเรา

สับปะรดคุณภาพบนเนื้อที่ปลูกทั้งหมด 300 ไร่ โดยแบ่งปลูกหมุนเวียน

การเพาะกิ่งพันธุ์ จะเพาะเลี้ยงจากต้นที่เก็บเกี่ยวผลแล้ว จะให้แตกหน่อออกมาเพื่อทำต้นพันธุ์ต่อไป ใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือนก็นำไปทำเป็นต้นพันธุ์ได้ ที่สวนจะขายทั้งลูกและต้นพันธุ์ ราคาต้นละ 15 บาท ไม่รวมค่าขนส่ง

สับปะรดแตงโมยักษ์เป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่เป็นสายพันธุ์ใหม่ลูกใหญ่ หวานฉ่ำ น่าปลูก เพราะเนื้อเยอะ ปอกง่าย รสชาติดี ถือว่าเป็นสับปะรดทำเงินมาใหม่เลยก็ว่าได้ เป็นทางเลือกใหม่ของเกษตรกร แต่ยังแพร่หลายไม่มาก  เพราะแปลงหลักที่ปลูกอยู่ที่จังหวัดตราด ที่ส่วนใหญ่ผลผลิตส่งไปขายที่ประเทศจีน เพราะได้ราคาดี ต้องการให้เกษตรกรไทยได้ปลูกและทำเงินกัน เพราะความหวานและหอม ฉ่ำน้ำ การปลูกและการดูแลยังเหมือนสับปะรดในบ้านเรา สายพันธุ์ยังมีการปรับตัวได้ดีทีเดียว แต่ยังมีการปลูกยังไม่แพร่หลายมากนัก

สีสวย เนื้อฉ่ำ และละเอียด

สำหรับรายได้นั้นถือว่าได้ราคาค่อนข้างดี ด้วยรสชาติของสายพันธุ์ น้ำหนักของผลที่ค่อนข้างใหญ่ ให้ผลที่คุ้มค่ากับการปลูก ยิ่งเป็นตลาดส่งออกแล้ว ถือว่าทำรายได้ให้สวนค่อนข้างมากและพอใจมาก ปัจจุบันจึงผลิตทั้งหน่อพันธุ์ขายซึ่งตอนนี้ต้องสั่งจองเท่านั้น ส่วนที่สวนก็จะขยายการปลูกเพิ่มขึ้น

การปลูกสับปะรดเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยเฉพาะพื้นที่ลาดชัน การปลูกก็ง่าย โอกาสเติบโตของสับปะรดนั้นง่าย โดยเฉพาะการปลูกโดยการใช้หน่อ เพื่อให้ได้ปริมาณและคุณค่าและความสดของผลไม้ การบรรจุหีบห่อที่เหมาะสมและสวยงามก็สำคัญมาก ทำให้เพิ่มคุณค่าทางการตลาด ปลูกสับปะรดพันธุ์ดี การให้ปุ๋ยที่สม่ำเสมอ ทำให้ผลผลิตคุ้มค่า ได้ทั้งรสชาติและราคา

ผลผลิตเตรียมจัดส่งออกต่างประเทศ

 

สับปะรดสายพันธุ์แตงโมยักษ์มีราคาสูงเพราะรสชาติที่ดี เพราะฉะนั้นการเลือกสายพันธุ์ปลูกจำเป็นมากสำหรับเกษตรกร โดยเฉพาะความต้องการของตลาดในต่างประเทศย่อมได้ราคาที่แตกต่างกว่าตลาดในบ้านเรา การปลูกสับปะรด ถ้าเลือกปลูกสับปะรดสายพันธุ์เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ นี่แหละพืชทำเงินให้แก่เกษตรกร

คุณกาญจนา บอกว่า สับปะรดพันธุ์แตงโมขายผลสดเกรด เอ กิโลกรัมละ 35 บาท 1 ผลขายได้ 100-175 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นสับปะรดตกไซซ์หรือเกรดรองลงมาจะขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 25 บาท ส่วนสับปะรดพันธุ์อื่นขายในราคากิโลกรัมละ 12-15 บาท ตลาดต่างประเทศต้องการผลสับปะรดที่มีขนาด 1.5-2.5 กิโลกรัม

ผลผลิตที่สวยงามสมบูรณ์จากสวน

ปัจจุบันผลผลิตไม่พอขายให้ลูกค้า ขณะที่หน่อพันธุ์สับปะรดก็มีจำหน่ายให้ลูกค้า นำไปปลูกเพื่อเป็นทางเลือกในการปลูกสับปะรดกันได้ โดยจำหน่ายหน่อพันธุ์ต้นละ 15 บาท ท่านที่สนใจติดต่อได้ที่ สับปะรดสวน M_O บ้านหนองบอน ตำบลหนองบอน อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด โทรศัพท์ 099-115-6244 เฟซบุ๊ก : กลุ่มสับปะรดไต้หวัน

คุณกาญจนากับผลผลิตที่น่าภูมิใจ