ปลูกผักขายยกถุง ไอเดียสร้างเงินหมื่น พื้นที่น้อยทำได้ ต้นทุนต่ำ ขายได้เร็ว

ด้วยกระแสรักสุขภาพยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีชาวบ้านจึงไม่พลาดโอกาสที่จะหยิบยกเรื่องราวการทำเกษตรดีๆ มาฝากกันอีกแล้ว โดยฉบับนี้ขอนำเสนอไอเดียการปลูกผักสร้างรายได้ของเกษตรกรสาวอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่พลิกวิกฤตจากความล้มเหลว สู่ความสำเร็จ ด้วยไอเดีย “ปลูกผักขายยกถุง” สร้างรายได้ให้เธอหลายหมื่นบาทต่อเดือน

คุณเอรี ถนอมวรากุล หรือ คุณแอน เกษตรกรเจ้าของฟาร์มผักสดจากสวน ที่อยู่บ้านแม่สาน้อย ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จากแม่ค้าขายของตลาด ไนท์บาซาร์เชียงใหม่ สู่เกษตรกรสาวผู้ปิ๊งไอเดียปลูกผักขายยกถุง ฟันรายได้ 30,000-40,000 บาทต่อเดือน พร้อมต่อยอดทำธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว ควบคู่กันไป มีความสุขล้นเหลือ

คุณเอรี ถนอมวรากุล หรือ คุณแอน

คุณแอน เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาเป็นเกษตรกร ตนเองประกอบอาชีพเป็นแม่ค้าขายของอยู่ที่ตลาด ไนท์บาซาร์เชียงใหม่ แต่ต้องเลิกราอาชีพแม่ค้าไป จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน เริ่มต้นประกอบอาชีพเกษตร ด้วยคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรเป็นหลัก ในช่วงแรกก็ปลูกพืชผักแบบชาวบ้านทั่วไป คือเน้นการปลูกลงดินบนพื้นที่เยอะๆ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนมาก แต่พอถึงเวลาเก็บขายรายได้ไม่คุ้มรายจ่าย ก็อดทนทำมาได้ระยะหนึ่ง จนไม่มีกำลังใจและเงินทุนที่จะทำต่อ ในขณะที่ต้นกล้าที่เพาะไว้ก็ยังเหลืออยู่จำนวนมาก จึงตัดสินใจนำต้นกล้าที่เหลือมาทดลองเพาะใส่ถุงขาย กลับกลายเป็นว่าผักที่ปลูกลงถุงกลับขายดี เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกผักขายยกถุงมาจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ปี

โรงเรือนเพาะปลูกผักยกถุง พื้นที่ไม่มาก แต่สร้างรายได้ดี

โดยชนิดของผักที่ปลูกหลักๆ ได้แก่ เคลใบหยิก เคลไดโนเสาร์ เคลโยโกฮาม่า สวิสชาร์ด ปูเล่ โรสแมรี่ ทาร์รากอน ไทม์ ผักสลัด และพืชผักสวนครัวอีกหลากหลายชนิด ทุกอย่างสามารถปลูกลงถุงได้ทั้งหมด รวมไปถึงการปลูกลงกระถางไซซ์ 8-10 นิ้ว เป็นไซซ์ที่ลูกค้าสามารถซื้อแล้วไปกินต่อได้เลย ซึ่งข้อดีของการปลูกผักขายยกถุง หรือว่ายกกระถางนั้นคือ 1. ช่วยลดความเสี่ยง ประหยัดต้นทุน สามารถวางแผนการเพาะปลูกได้เลย หากต้องการขายเท่าไหร่ก็เพาะเท่านั้น เช่น ต้องการขาย 100 ต้น ก็ทำการเพาะแค่ 100 ต้น แต่ถ้าปลูกแบบทั่วไปอาจต้องปลูกในจำนวนเยอะเป็นพันต้น แต่พอเฉลี่ยรายได้แล้วได้เท่ากัน และใช้เงินลงทุนที่มากกว่า 2. ประหยัดพื้นที่ มีพื้นที่มากน้อยสามารถจัดการได้สบายๆ หากใครต้องการปลูกเป็นอาชีพเสริม เริ่มต้นปลูกสัก 20-30 ต้น ช่วยสร้างรายได้เสริมต่ออาทิตย์ไม่น้อย 3. ประหยัดน้ำ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง สามารถควบคุมปริมาณการรดน้ำได้อย่างทั่วถึง 4. ประหยัดเวลาในการดูแลจัดการ และ 5. ประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ย เมื่อเทียบกับการปลูกผักทั่วไปบนพื้นที่ 1 ไร่ ต้องใช้ปุ๋ยประมาณ 1 กระสอบ แต่ของที่ฟาร์มการปลูกในถุงใช้ปุ๋ยไม่ถึง 1 กิโลกรัมต่อการปลูก 1 รอบ รอบละประมาณ 200-300 ต้น เพราะต้นหนึ่งใส่ปุ๋ยไม่ถึง 10 เม็ด “ตอนนี้เรามีพื้นที่ปลูกไม่ถึง 1 ไร่ แต่เราสามารถทำเงินได้ 30,000-40,000 บาทต่อเดือน

ปลูกได้ในภาชนะหลากหลาย

เทคนิคการปลูกผักขายยกถุง
ดูแลง่าย ต้นทุนต่ำ รายได้ดี

คุณแอน บอกว่า การปลูกผักในถุงมีขั้นตอนการดูแลที่ไม่ยุ่งยาก แต่ต้องอาศัยความพิถีพิถันดูแลเอาใส่ใจสักหน่อย เพราะเป้าหมายคือต้องการขายให้ได้ทุกต้น ซึ่งที่ฟาร์มไม่นับเป็นปัญหาเนื่องจากปลูกบนพื้นที่ไม่มาก สามารถดูแลผักทุกต้นให้ออกมาดีที่สุดได้อยู่แล้ว

การปลูก เริ่มจากการเพาะเมล็ดก่อนย้ายต้นกล้าลงถุงปลูกประมาณ 25-28 วัน ซึ่งข้อดีของการอยู่บนดอย คือดินปลูกค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์ ที่ฟาร์มก็จะใช้ดินในพื้นที่ที่มาใช้เป็นวัสดุในการเพาะเมล็ดได้เลย

เมื่ออายุกล้าพร้อมย้ายลงถุงปลูกแล้ว จัดการกรอกดินลงถุงปลูกตามขนาดถุงที่ต้องการ โดยสูตรผสมดินปลูกของที่ฟาร์มประกอบไปด้วย 1. ดินปลูก 2. กาบมะพร้าวสับ 3. แกลบ 4. มูลสัตว์ แนะนำให้ใช้เป็นปุ๋ยขี้ไก่ เพราะมีธาตุอาหารเยอะกว่าปุ๋ยขี้วัว และปุ๋ยขี้หมู ซึ่งเป็นสูตรดินปลูกนี้สามารถใช้ปลูกได้กับผักทุกชนิด

เคลใบหยิก ไซซ์ใหญ่พร้อมให้เก็บ

ปัจจุบันที่ฟาร์มจำหน่ายผักยกถุงหลากหลายขนาดด้วยกัน เริ่มต้นตั้งแต่ 1. ถุงขนาด 2 นิ้วครึ่ง แยกเป็นผักสลัดราคาต้นละ 20-25 บาท และในส่วนของผักเคล และสมุนไพรฝรั่ง ราคาต้นละ 30 บาท 2. ถุงขนาด 4 นิ้วครึ่ง ราคาต้นละ 60 บาท 3. กระถางขนาด 8-10 นิ้ว ราคาต้นละ 150-200 บาท เป็นขนาดที่ลูกค้าสามารถซื้อไปเก็บกินได้เลย ซึ่งการปลูกผักลงถุง หรือการปลูกในกระถางถือเป็นไอเดียสร้างรายได้ที่ดีมากๆ เมื่อเทียบกับการดูแล อย่างเช่น ถุงขนาด 2 นิ้วครึ่ง ใช้เวลาในการปลูกก่อนจำหน่ายให้ลูกค้าเพียง 2-3 สัปดาห์ เป็นไซซ์เล็ก หรือถ้าเป็นต้นขนาดไซซ์กลาง ถุง 4 นิ้วครึ่ง ใช้เวลาในการปลูกเพียง 1 เดือน และสุดท้ายลงในกระถางไซซ์ใหญ่ ใช้เวลาดูแลประมาณ 1 เดือนครึ่งถึง 2 เดือน สามารถขายได้

แพ็กจัดส่งอย่างพิถีพิถัน

การบำรุงใส่ปุ๋ย หลังย้ายกล้าลงถุงปลูก 7 วัน ใส่ปุ๋ยครั้งแรก ด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ปริมาณต้นละไม่เกิน 10 เม็ด สลับกับการฉีดพ่นทางใบด้วยจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ที่ฟาร์มจะวางแผนปลูกเป็นรอบ รอบละ 200-300 ต้น จะใช้ปุ๋ยไม่เกิน 1 กิโลกรัมต่อรอบการผลิต

ระบบน้ำ หากปลูกในช่วงหน้าฝน อากาศไม่ร้อนมาก จะรดน้ำวันเว้นวัน แต่ถ้าช่วงไหนที่อากาศร้อนจัดๆ จะปรับการให้น้ำทุกวัน และจะรดน้ำเฉพาะช่วงเช้าหรือเย็นเท่านั้น จะไม่รดน้ำตอนเที่ยงเนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศร้อนมากที่สุด ถ้าผักโดนน้ำจะทำให้ผักใบไหม้เสียหายได้

วิธีการจัดส่งผักยกถุง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผักยกถุงมักจะมีปัญหาในเรื่องของการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องของดินอยู่ในถุงปลูกกระเด็นออกมานอกถุง หรือบางครั้งเกิดข้อผิดพลาดในเรื่องของวันและเวลาการจัดส่งที่ช้ากว่าที่กำหนดไว้ ก็ทำให้ผักเน่าเสียหายก่อนถึงมือลูกค้า ซึ่งทางฟาร์มก็พยายามหาวิธีการจัดส่งที่ดีและปลอดภัยที่สุด

กรีนคอส ในถุงปลูก ต้นละ 20-25 บาท

“การจัดส่งของเราจะทำอย่างพิถีพิถันมาก คือเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเย็นก่อนวันจัดส่งของให้ลูกค้า เราก็จะต้องรดน้ำให้ผักได้รับน้ำเต็มที่ พอถึงตอนเช้าผักก็ยังมีความชุ่มชื้นอยู่ เราก็จะแพ็กส่งให้ลูกค้าเลย ซึ่งกว่าของจะส่งถึงลูกค้าใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ความชื้นก็ยังมีไม่ทำให้ผักตาย ก่อนแพ็กเราจะเลือกต้นที่สมบูรณ์ก่อน แล้วก็พันสก็อตช์เทปปิดปากถุงดำเพื่อไม่ให้ดินกระเด็นออก หลังจากพันสก็อตช์เทปเสร็จ เราจะใช้กล่องกระดาษแข็งพันที่ต้นไม้อีกรอบหนึ่ง แล้วการแพ็กส่งเราพยายามทำกล่องให้แน่นที่สุด เพื่อไม่ให้ของภายในล้มเสียหาย แต่ถ้าไปถึงมือลูกค้าแล้วใช้ไม่ได้เราจะเคลมให้ แล้วแต่ความต้องการของลูกค้าว่าต้องการรับคืนเป็นเงิน หรือให้เราจัดส่งต้นใหม่ไปให้”

สวิสชาร์ดสีแดง ต้นละ 25 บาท

กลุ่มลูกค้าหลากหลาย

เมื่อถามถึงกลุ่มลูกค้าของผักยกถุงเป็นลูกค้ากลุ่มไหน คุณแอน บอกว่า กลุ่มลูกค้าของผักยกถุงตอนนี้มีหลากหลายประเภท ได้แก่ 1. กลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ อาศัยตามบ้าน หรือคอนโดฯ ที่มีพื้นที่น้อย แต่อยากปลูกผักกินเอง ก็สามารถซื้อผักของที่ฟาร์มไปปลูกต่อได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะเลี้ยงแล้วไม่โต เพราะก่อนถึงมือลูกค้าผักค่อนข้างที่เจริญเติบโต แข็งแรงได้ในระดับหนึ่งแล้ว 2. กลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานออฟฟิศ มีเวลาน้อย สามารถซื้อไปปลูกได้สบายๆ และ 3. กลุ่มลูกค้าที่ซื้อไปเพาะขายต่อก็มี เพาะทางฟาร์มไม่ได้จำหน่ายเฉพาะผักยกถุงเพียงอย่างเดียว แต่มีจำหน่ายในส่วนของต้นกล้าขนาดเล็ก ไว้สำหรับคนที่ต้องการนำไปปลูกสร้างรายได้หลักหรือรายได้เสริม สำหรับต้นกล้าผักสลัด ราคาต้นละ 3 บาท ผักเคล ราคาต้นละ 5 บาท หรือถ้าซื้อในจำนวน 100 ต้นขึ้นไป ทางฟาร์มมีราคาส่งให้

ต้นไทม์ สมุนไพรฝรั่ง

โดยทางฟาร์มเน้นขายตลาดออนไลน์เป็นหลัก เริ่มต้นหาตลาดโดยการเข้าไปโพสต์แนะนำสินค้าในกลุ่มเกษตรต่างๆ รวมถึงกลุ่มคนรักสุขภาพ ซึ่งได้การตอบรับที่ดีมากๆ ทำให้ตอนนี้ลูกค้าผักยกถุงของเรามีอยู่ทั่วประเทศ สร้างรายได้เดือนละ 30,000-40,000 บาท หรือถ้าช่วงไหนงานอย่างอื่นเยอะไม่ค่อยมีเวลาทำ รายได้จะลดลงมาอยู่ที่ 20,000 บาทต่อเดือน

“หากท่านใดสนใจอยากทำเป็นอาชีพเสริมสามารถทำตามได้ไม่ยาก ขอเพียงมีใจรักก่อนเป็นอย่างแรก คือให้เริ่มจากตัวเราก่อน แล้วพอทำได้ก็แบ่งปันให้กับคนอื่น จากนั้นค่อยต่อยอดเป็นรายได้ สำหรับมือใหม่อยากทำไม่ต้องมีพื้นที่มากก็สามารถทำได้ เพราะมีลูกค้าหลายคนซื้อต้นกล้าจากเราเพื่อไปขายต่อ แล้วใช้เวลาไม่ต้องเยอะ หลังเลิกงานมาดูแลได้ ถ้าอยากทดลองปลูกสร้างรายได้เสริม แนะนำให้เริ่มปลูกสัก 20-30 ต้น อาทิตย์หนึ่งมีรายได้หลักพันบาทน่าสนใจไม่น้อย” คุณเอรี กล่าวทิ้งท้าย

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทร. 093-262-6398 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : ผักสดจากสวน

กล้าผักสลัด กรีนคอส 3 บาท
กล้าเคลใบหยิก ต้นละ 5 บาท
เตรียมจัดสินค้าตามออร์เดอร์
ออร์เดอร์จัดส่งวันนี้ เจ้าของฟาร์มยิ้มออก