เกษตรกรรุ่นใหม่ หัวใจสีเขียว ปลูกขจรตัดดอกขาย กิโลกรัมละ 200 บาท

ดอกขจร มีชื่อเรียกอื่นๆ ด้วยนะ เช่น ดอกสลิด ผักสลิดคาเลา สลิดป่า ผักสลิด กะจอน ขะจอน หรือผักขิก ดอกขจรจัดเป็นไม้เลื้อยวงศ์เดียวกับดอกรัก เป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดเล็ก ความสูงของต้นประมาณ 3-6 เมตร มักเลื้อยพาดพันต้นไม้ขนาดใหญ่ หรือขึ้นตามร้านต้นไม้ ยอดอ่อนมีขนปกคลุม เปลือกมีรอยแตกลึก และมีน้ำยางสีขาวในทุกส่วนของต้น

ใบต้นขจรเป็นใบเดี่ยวขนาดเล็ก ปลายใบแหลม โคนใบเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ ใบมีสีเขียวอมแดงเล็กน้อย ส่วนดอกขจรจะออกช่อเป็นกระจุก คล้ายพวงอุบะ ดอกมีสีเขียวอมเหลือง ส่งกลิ่นหอมเย็น สามารถทานเป็นผักได้ ส่วนผลเป็นรูปไข่แกมรูปหอก ตรงเมล็ดจะมีขนเพื่อช่วยในการกระจายพันธุ์

ดอกขจร เป็นผักพื้นบ้านที่หาทานได้ง่าย และยังนิยมนำดอกขจรมาทำอาหารหลายเมนู เพราะดอกขจรหรือดอกสลิดมีรสชาติอร่อย แต่นอกจากความอร่อยของดอกขจรแล้ว ทราบไหมว่า ดอกขจรก็มีดีต่อสุขภาพหลายอย่าง และอุดมไปด้วยวิตามินเอ และวิตามินซีสูง

เมนูอาหารจากดอกขจร

เมนูยอดฮิตที่ไม่สามารถขาดดอกขจรได้เลยคงต้องยกให้เมนู น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอดร้อนๆ กับดอกขจรลวก ใครที่ได้ลองทานก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นรสชาติที่ลงตัวอร่อยมากๆ

คุณวัชรินทร์ สาพันธุ์ หรือ คุณลูกกอล์ฟ

คุณวัชรินทร์ สาพันธุ์ หรือ คุณลูกกอล์ฟ อายุ 31 ปี เจ้าของไร่คุณแม่สายใจ สุพรรณบุรี เกษตรกรรุ่นใหม่ที่กลับมาสานต่อไร่ขจรจากคุณพ่อและคุณแม่ คุณวัชรินทร์ กล่าวว่า คุณพ่อคุณแม่เริ่มมีอายุที่มากขึ้น ทำให้รู้สึกอยากกลับมาอยู่บ้านเกิด และสานต่ออาชีพเกษตรต่อจากครอบครัว เนื่องจากดอกขจรยังสามารถเก็บดอกเพื่อจำหน่ายได้ และต่อยอดด้วยการขยายต้นพันธุ์ขจรจำหน่าย ซึ่งเป็นรายได้เพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ไร่คุณแม่สายใจ สุพรรณบุรี ยังมีการทำเกษตรในรูปแบบอื่นๆ อีกด้วย เปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ให้ศึกษาดูงานปรึกษาด้านการทำเกษตร เข้าชมฟรี พร้อมให้คำปรึกษาจากประสบการณ์ที่ผ่านมา 5 ปี

คุณวัชรินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันขจรของทางสวนเป็นสายพันธุ์เกษตรดอกใหญ่ โดยเกิดจากการคัดแยกสายพันธุ์เอง และพัฒนาสายพันธุ์ให้ได้ดอกที่ใหญ่ เริ่มแรกของการดูแลนั้นก็ต้องยอมรับว่ามีการใส่ปุ๋ยสูตรบำรุงดินบ้าง เพราะสารอาหารในดินไม่เพียงพอต่อพืช และในช่วงเวลาต่อมาก็ได้หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้รักสุขภาพ และป้องกันดินไม่ให้ดินเสีย ในปัจจุบันทางสวนทำเกษตรในรูปแบบอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ปลอดภัย ไร้สารเคมี

การขยายพันธุ์ต้นขจร

ทางสวนปลูกต้นขจรบนพื้นที่ 5 ไร่ โดย 3 ไร่ จะปลูกเพื่อเก็บดอกขายเท่านั้น อีก 2 ไร่ จะเก็บทั้งดอกและตัดกิ่งเพื่อขยายพันธุ์ การขยายพันธุ์ต้นขจรเริ่มจากการตัดกิ่ง ให้มีขนาด 10-15 เซนติเมตร จากนั้นนำกิ่งมาแช่ในน้ำที่ผสมกะปิ ให้กิ่งพันธุ์เปียกพอหมาดๆ และแช่ในอีกน้ำที่ผสมปูนใส เพื่อป้องกันไม่ให้มีโรคเชื้อรา รากเน่า จากนั้นป้ายปูนแดง ที่โคนด้านล่าง นำมาตากแดดให้แห้ง

ปักชำต้นขจรลงในถุงเพาะ วัสดุปลูกมาจากขี้เถ้า

เมื่อแห้งแล้วให้ปักชำลงถุงเพาะที่ใส่วัสดุปลูกคือ ขี้เถ้า รดน้ำที่เหลือจากน้ำผสมกะปิให้ชุ่ม 1 ครั้ง ก่อนนำใส่ตู้อบเป็นระยะเวลา 7 วัน จะเห็นได้ว่าตอนนั้นจะมีตาใสๆ ด้านบนต้นพร้อมกับออกใบอ่อนออกมา สังเกตจากในอ่อน หากใบอ่อนกางออกประมาณ 2 ใบ ก็จะค่อยๆ เปิดช่องเล็กๆ ให้อากาศค่อยๆ เข้าไปในตู้อบทีละนิด เพื่อให้พืชคุ้นชินกับสภาพอากาศด้านนอกก่อน

ตู้อบต้นพันธุ์ขจร

ค่อยๆ เปิดช่องให้อากาศเข้าไปในตู้อบทีละนิด ต้นพันธุ์จะอยู่ในตู้อบเป็นระยะเวลา 20 วัน เมื่ออายุครบ 20 วัน จึงสามารถนำออกมาเลี้ยงต่อนอกตู้อบได้ เมื่อนำออกมาเลี้ยงแล้วจำเป็นต้องรดน้ำ 2-3 วันต่อครั้ง หรือสังเกตจากวัสดุปลูกว่าขี้เถ้าแห้งไหม ไม่จำเป็นต้องรดน้ำทุกวัน เมื่อต้นเริ่มแตกยอด มีหนวดเลื้อยออกมาแล้ว นั้นหมายถึงต้นสมบูรณ์ พร้อมลงดินปลูก

การปลูกต้นขจร

1. เตรียมพื้นที่เพาะปลูก และคัดเลือกพันธุ์ เป็นสายพันธุ์เกษตรดอกใหญ่ของทางสวน จากต้นแม่พันธุ์ที่แข็งแรง

2. ตรวจดูสภาพดิน หากมีความเป็นกรดเล็กน้อย ให้ทำการไถกลบหน้าดิน 2 ครั้ง แล้วตากแดดทิ้งไว้ ประมาณ 1 สัปดาห์ และทำการหว่านปูนขาวปรับสภาพดิน จากนั้นคลุมหน้าดินด้วยฟาง

3. การขุดหลุม เว้นระยะห่างระหว่างต้น 1×1 เมตร เพราะฉะนั้นใน 1 ไร่ สามารถปลูกต้นขจรได้ประมาณ 500-600 หลุม

4. ก่อนนำต้นกล้าลงหลุมปลูก ใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุม หลุมละ 0.5 กิโลกรัม เมื่อใส่ปุ๋ยคอกลงหลุมแล้ว ทำการพรวนดินภายในหลุม ให้ปุ๋ยคอกและดินภายในหลุมคลุกผสมกัน

5. การนำต้นกล้าลงหลุมปลูก จะใช้ต้นกล้า 2 ต้นต่อหลุม เพื่อเป็นการเผื่อเอาไว้หากมีต้นใดต้นหนึ่งตาย ก็จะยังเหลือต้นที่รอดอยู่ 1 ต้น เอาไว้ทดแทนกัน แต่หากต้นที่ปลูกไม่ตายเลย การปลูกทั้ง 2 ต้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ

ไร่ขจร

การรดน้ำและใส่ปุ๋ย

ถึงแม้ต้นขจรจะไม่ชอบน้ำ แต่ก็ไม่สามารถขาดน้ำได้เลย ควรรดน้ำวันละ 1 ครั้ง เพื่อให้ดอกเติบโตได้ดี และต้นไม่เหี่ยวเฉา

การบำรุงรักษาต้นขจร ต้องหมั่นตรวจดูต้นขจรว่ามีแมลงมารบกวนไหม หากมีแมลงมารบกวน สามารถฉีดพ่นได้ด้วยน้ำส้มควันไม้หรือสามารถฉีดน้ำส้มควันไม้ได้ทุกๆ 15 วันต่อครั้ง 

โรคพืชและแมลง

ส่วนใหญ่ที่มักพบเจอคือ เพลี้ยไฟ เนื่องจากต้นขจรเป็นพืชไม้เลื้อยที่ต้องการดูแลในทุกๆ วัน ถ้าหากพบเจอเพลี้ยไฟให้ตัดทิ้งและนำไปทิ้งนอกสวนเพื่อป้องกันการระบาด แต่หากต้องการป้องควรฉีดน้ำส้มควันไม้ ทุก 15 วันต่อครั้ง

การทำค้าง

ทางสวนจะทำค้างโดยใช้ไม้ไผ่ สูงประมาณ 1.5-2 เมตร ปักต่อกันเป็นเส้นตรง โดยแต่ละเสาห่างกัน 1 เมตร และขึงตาข่ายเป็นแนวยาว ตรงตามร่องที่ทำการปลูกไว้ และหลังจากการลงดินปลูกไปอีก 3 เดือน ต้นขจรก็จะออกดอกชุดแรกให้เก็บจำหน่ายได้แล้ว

ต้นขจรออกดอกแล้ว

ตลาด

การตลาดขจรของทางสวนเป็นไปด้วยดีเสมอมาตลอดระยะเวลา 5 ปี มีราคาที่ดีตลอดมา ตลาดดอกขจร ตัดดอกขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง เข้ามารับหน้าสวน ราคาเฉลี่ย 50-100 บาทต่อกิโลกรัม แต่หากมีเวลามาพอก็จะนำดอกขจรมาขายเองที่ตลาดนัดหมู่บ้าน โดยราคาขายอยู่ที่ ขีดละ 20 บาท กิโลกรัมละ 200 บาท และนอกจากการเก็บดอกขายแล้ว ทางสวนยังต่อยอดธุรกิจด้วยการขยายต้นพันธุ์จำหน่ายด้วย เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจ ในตลาดออนไลน์และผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมไร่ ทั้งบุคคลทั่วไปและหน่วยงานต่างๆ

คัดแยกดอกขจรที่เก็บมา

ขจรเป็นพืชที่มีอนาคตไปได้อีกไกล ปลูกง่าย ขายได้ราคา เกษตรกรมือใหม่ที่สนใจขจร สิ่งแรกที่ควรทำคือการศึกษาข้อมูลพฤติกรรมของขจรก่อนปลูก และดูพื้นที่เพาะปลูกของตนเองว่าสามารถปลูกขจรได้ไหม หากปลูกในดินที่ไม่สมบูรณ์ อาจต้องเริ่มจากการบำรุงดินก่อนปลูก หากมีความพร้อมในทุกด้านแล้ว การปลูกขจรไม่ใช่เรื่องยาก ถือเป็นรายได้หลักและรายได้เสริมที่ดี ต้นทุนไม่สูง ใช้แรงงานคนน้อยมาก ตลาดมีความต้องการอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับท่านใดที่สนใจ ดอกขจร ต้นพันธุ์ขจร ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวัชรินทร์ สาพันธุ์ หรือ คุณลูกกอล์ฟ ตำบลดอนมะสังข์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โทรศัพท์ 095-146-2242 ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก : ดอกขจร-ดอกสลิด ผักพื้นบ้าน ขายกิ่งพันธุ์

คุณวัชรินทร์ สอนชาวบ้านเพาะพันธุ์ต้นขจร เพื่อสร้างอาชีพ
จัดส่งต้นพันธุ์ขจรให้แก่ลูกค้า

เผยแพร่ออนไลน์ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566