ผู้เขียน | ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อเอ่ยถึง จังหวัดนครปฐม สิ่งสำคัญทางพุทธศาสนาที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดี แล้วมักแวะเวียนไปนมัสการคือ องค์พระปฐมเจดีย์ นอกจากนั้นแล้ว ของหวานอย่าง ข้าวหลาม และผลไม้ประจำถิ่น อย่างส้มโอ ยังนับเป็นของรับประทานที่ขึ้นชื่อในจังหวัดนี้ด้วย
ส้มโอนครปฐม เป็นไม้ผลประจำถิ่นที่ชาวบ้านปลูกกันมากในอำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน และอำเภอพุทธมณฑล แล้วมักเรียกกันโดยรวมว่า ส้มโอนครชัยศรี
ส้มโอนครชัยศรี ที่นิยมปลูกและบริโภค มีอยู่ 5 สายพันธุ์ ได้แก่
ส้มโอพันธุ์ทองดี มีรสหวานนำอมเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่ขมและซ่า มีเนื้อสีขาวอมชมพูฉ่ำ เปลือกผิวบาง มีเนื้อสีคล้ายทับทิม จึงทำให้ชาวจีนนิยมนำไปไหว้เจ้า
ส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อสีขาวอมเหลืองเล็กน้อยคล้ายสีน้ำผึ้ง เปลือกผิวบาง เนื้อแน่น น้ำหนักดี ไม่ขมและซ่า ผลแก่จัดเนื้อแห้งถูกคอคนไทย และชาวต่างชาติ
ส้มโอพันธุ์ขาวพวง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ถ้าแก่จัดรสหวานมากกว่าเปรี้ยว ด้วยลักษณะลูกหัวจุกยาว (คล้ายลูกน้ำเต้า) จึงเป็นอีกพันธุ์ที่ชาวจีนนิยมนำไปไหว้เจ้า
ส้มโอพันธุ์ขาวแป้น รสชาติหวานอมเปรี้ยว ลักษณะผลคล้ายพันธุ์ทองดี เนื้อสีขาว ไม่ค่อยได้รับความนิยม และ
ส้มโอพันธุ์ขาวหอม มีรสเปรี้ยวนำ ลักษณะผลใหญ่ เปลือกบาง น้ำหนักดี
นำ ทองดี และ ขาวน้ำผึ้ง จด “ผลไม้บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” หรือ GI
ปัจจุบัน กรมทรัพย์สินทางปัญญา ออกสิทธิบัตรให้ส้มโอนครชัยศรี เป็น “ผลไม้บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” หรือ GI โดยเฉพาะอย่างยิ่งส้มโอพันธุ์ทองดีและขาวน้ำผึ้ง เพื่อประโยชน์สำหรับใช้เป็นการค้า
คุณประวิทย์ บุญมี ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนส้มโอนครชัยศรี กล่าวว่า กลุ่มนี้ตั้งมาประมาณ ปี 2548 ปัจจุบัน มีสมาชิก จำนวน 122 ราย ส่วนความจำเป็นที่ต้องนำส้มโอมณฑลนครชัยศรีไปขึ้นทะเบียน GI เพราะพบว่าในพื้นที่มีร้านค้าหลายแห่งนำส้มโอจากแหล่งอื่นมาวางขายร่วมกับส้มโอนครชัยศรี แล้วอาจเกิดความเข้าใจผิดพลาดของลูกค้าเมื่อซื้อไปบริโภค หากได้ส้มโอที่ขาดคุณภาพไปรับประทาน
สำหรับพันธุ์ส้มโอที่นำไปจดขึ้นทะเบียน GI คือ ขาวน้ำผึ้ง กับ ทองดี เนื่องจากพบว่าลักษณะเด่นของพันธุ์ทั้งสองมีคุณสมบัติที่ดีทางการค้า โดยขาวน้ำผึ้งมีเนื้อที่มีสีคล้ายน้ำผึ้ง รสหวาน กรอบ ติดเปรี้ยวเล็กน้อย ส่วนทองดีจะหวานฉ่ำเนื้อมีสีส้มผสมชมพู ซึ่งนอกจากลูกค้าจะซื้อไปบริโภคแล้ว ยังนิยมซื้อเพื่อนำไปใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาอีกด้วย
ประธานวิสาหกิจฯ เผยว่า เดิมทีเนื้อที่ปลูกส้มโอก่อนน้ำท่วมใหญ่ มีพื้นที่ปลูกรวม ประมาณ 7,000 ไร่ แต่หลังน้ำท่วม เหลืออยู่พันไร่ จากนั้นชาวบ้านได้ร่วมมือกันฟื้นฟูอนุรักษ์การปลูกส้มโอท้องถิ่นขึ้นมา จนทำให้ตอนนี้มีพื้นที่ปลูกส้มโอในพื้นที่เกาะลัดอีแท่น อยู่จำนวน 5,000 ไร่ เพราะพื้นที่ปลูกบริเวณดังกล่าวมีลักษณะดินดำ น้ำฉ่ำ หรือน้ำไหล ทรายมูล มีแม่น้ำล้อมรอบ ทำให้เกิดแร่ธาตุสำคัญที่มีประโยชน์ต่อพืช จึงทำให้ได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ จนทำให้ชื่อเสียงเอกลักษณ์ของส้มโอนครชัยศรีที่มีรสอร่อย และมีเนื้อแน่น
คุณประวิทย์ บอกว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดจีนเข้ามาซื้อส้มโอในพื้นที่กันเป็นจำนวนมาก โดยใช้วิธีเข้าถึงสวน และที่น่าเป็นห่วงคือ ถ้าต่อไปหากจีนเข้ามามีบทบาทต่อวงการผลไม้ไทยชนิดผูกขาดแล้วหยุดซื้อหรือชะลอซื้อก็จะทำให้ชาวสวนได้รับความเดือดร้อนทันที ดังนั้น แนวทางคือ ตอนนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหาทางเปิดตลาดใหม่เพื่อรองรับการขายให้มีการกระจายไปทั่ว เพื่อป้องกันการผูกขาดของจีน
เคยปลูกแต่ส้มปี พอตลาดราคาดี ปรับเพิ่มเป็นปลูกส้มทะวาย
สมัยก่อนชาวสวนปลูกแต่ส้มปี แต่ในระยะหลังพบว่า ราคาส้มมีทิศทางปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งไปขายต่างประเทศที่ได้ราคาดีมาก อีกทั้งมีเทศกาลสำคัญอย่างสารทจีนหรือตรุษจีน ซึ่งมักหาส้มยาก ทำให้ชาวสวนเริ่มปรับเปลี่ยนมาปลูกส้มทะวายร่วมกับส้มปีในพื้นที่เดียวกัน จึงทำให้สามารถบริหารจัดการให้มีส้มขายได้ตลอดทั้งปีในราคาที่น่าพอใจ
ในปัจจุบัน ตลาดต่างประเทศที่ส่งขายประจำ ได้แก่ จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ มีจำนวนรวมประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของผลผลิตทั้งหมด แล้วยังมีไม่เพียงพอกับตลาด จนทำให้ต้องไปหาส้มจากจังหวัดอื่นมาด้วย อย่าง ขาวน้ำผึ้ง ราคาส่งออกไปจีน ลูกละ 100-150 บาท ที่เป็นขนาดผลใหญ่ น้ำหนัก 1.5-2 กิโลกรัม ส่วนทองดี ราคาขายส่ง ผลละ 80-120 บาท อย่างไรก็ตาม ส้มที่ขายในพื้นที่คุณภาพ อาจลดลงมาตามราคา แต่เนื้อและรสชาติยังดีเช่นเดิม
“ถ้าต้องการลองลิ้มชิมรสส้มโอนครชัยศรีของแท้ ให้สังเกตจากผลส้มโอที่มีสติ๊กเกอร์ GI ติดไว้ทุกผล แล้วควรหาซื้อตามสถานที่กำหนด อย่าง ที่วัดไร่ขิง พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง หรือที่ร้านส้มโอนครชัยศรีภายในปั๊ม ปตท. (กม. ที่ 26) ถนนบรมราชชนนีขาออกเลยเซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา ประมาณ 2 กิโลเมตร นอกจากนั้น ทางกลุ่มยังเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเป็นหมู่คณะเข้าเยี่ยมชมสวนส้มโอพร้อมทำกิจกรรมต่างๆ” คุณประวิทย์ กล่าว
สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณประวิทย์ บุญมี บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ที่ 8 ตำบลท่าตลาด อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โทรศัพท์ (081) 340-2867
แวะเข้าสวน ดูชาวสวนปลูก ส้มโอขาวน้ำผึ้งที่มีคุณภาพ
คุณอนันต์ วัฒนา อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 6 ตำบลทรงคะนอง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นอีกหนึ่งชาวสวนที่ช่วยพ่อ-แม่ ปลูกส้มโอมาตั้งแต่เด็ก หลังจากนั้น แยกมาปลูกเองเมื่อมีครอบครัว แล้วยังคงยึดอาชีพปลูกส้มโอจนถึงทุกวันนี้
พื้นที่ปลูกส้มโอของคุณอนันต์มี 2 แห่ง คือที่สวนตัวเอง มีพื้นที่ปลูก 15 ไร่ และเช่าที่ดินปลูกอีก 10 ไร่ และส้มโอที่ปลูกเป็นพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง โดยบอกว่า ก่อนปี 2554 ได้ปลูกพันธุ์ทองดีมาก่อน แต่ขณะนั้นประสบปัญหาต้นทุนการปลูกสูง ประกอบกับปริมาณส้มโอในตลาดมีมากจนล้น ทำให้ราคาเหลือเพียงลูกละ 15 บาท เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคามะพร้าวแห้งเสียอีก แต่ถ้าต้องการให้มีราคาสูง จะต้องปลูกแบบเป็นระบบเพื่อส่งออกนอกจึงจะได้ราคาดี ถึงลูกละ 40 บาท ซึ่งมองดูแล้วคงสู้ไม่ไหว
ภายหลังน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 ปรากฏว่าสวนส้มหลายแห่งเสียหาย สวนที่เหลือรอดก็ต้องพยุงตัวต่อไป นับจากนั้นจึงทำให้ส้มโอในพื้นที่มีน้อยแล้วหายาก และที่วางขายตามแผงค้ามีราคาสูง ลูกละ 60 บาท ยิ่งถ้าเน้นปลูกขายต่างประเทศยิ่งมีราคาสูงมากถึงลูกละ 80-90 บาท
คุณอนันต์ บอกถึงเหตุผลที่เปลี่ยนมาปลูกส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งอย่างเดียว เพราะไม่เพียงเป็นพันธุ์ส้มที่ปลูก/ดูแลง่าย จนมีต้นทุนที่ไม่สูงแล้ว ส้มโอพันธุ์นี้ยังมีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อสวย รสหวานปนเปรี้ยวเล็กน้อย เป็นที่ต้องการของตลาดฮ่องกงและไต้หวัน จนทำให้มีราคาดี
ผลเสียหายของสวนส้ม หลังปี 2554 ทำให้ขาดแคลนต้นพันธุ์ ดังนั้น กิ่งพันธุ์จึงมีราคาถึง 100 บาท ต่อกิ่ง แล้วหาได้ยาก เลยทำให้จำเป็นต้องปลูกเพียง 300 ต้นก่อน จากนั้นค่อยใช้วิธีขยายพันธุ์ด้วยการตอนจากต้นรุ่นแรกเพิ่มขึ้นมาอีก จำนวน 400 ต้น
ดังนั้น สวนของคุณอนันต์ที่มีเนื้อที่ปลูก จำนวน 15 ไร่ ปลูกส้มแบบร่องน้ำ แบ่งปลูก 2 รุ่น คือ รุ่นอายุ 5 ปี ปลูกจำนวน 6 ไร่ มีส้มโอ จำนวน 300 ต้น ส่วนที่เหลือภายในพื้นที่เดียวกัน จำนวน 400 ต้น เป็นส้มอายุราวปีเศษ
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
คุณอนันต์ บอกว่า แปลงที่ปลูกมา 5 ปี มีผลผลิตตลอดตั้งแต่ปีที่ 2 ของอายุต้น แล้วได้เก็บผลผลิตไว้บ้างเล็กน้อยต้นละ 2-3 ผล ได้ปีละประมาณ 2,000 กว่าผล เพื่อนำมาขายเป็นค่าปุ๋ย/ยา และคิดว่าในช่วงหน้าแล้งที่จะมาถึงตั้งใจว่าจะทำเป็นการปลูกแบบให้มีระบบที่ต้องมีการสกัดน้ำ ควบคุมการให้ปุ๋ย เพื่อบังคับให้ออกดอกมากกว่าช่วงปกติ แล้วทำให้มีผลผลิตจำนวนมากด้วย
แล้วเพิ่มเติมอีกว่าโดยปกติทางธรรมชาติส้มโอจะให้ผลผลิตได้ปีละ 4 ครั้ง โดยเริ่มมีผลผลิตตั้งแต่ปีที่ 2 เพียงแต่อาจไม่สมบูรณ์ แล้วชาวสวนมักทิ้งลูกเพื่อปล่อยให้ต้นมีขนาดใหญ่ สมบูรณ์ เพื่อรอการทำชุดใหญ่ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปีที่ 5 หรือบางรายอาจปล่อยไปถึงปีที่ 8 เพื่อให้ต้นสมบูรณ์มากที่สุด แล้วถ้าบริหารจัดการอย่างดีในช่วงนั้นจะได้ผลผลิต ต้นละ 120-200 กิโลกรัม โดยมีน้ำหนักเฉลี่ย ผลละ 2 กิโลกรัม
เขาบอกต่ออีกว่า ส้มโอนครชัยศรีมีตลอดทั้งปี ทั้งนี้เพราะชาวสวนมีการปลูกแบบทะวาย เนื่องจากมีลำต้นใหญ่แข็งแรง หรือบางสวนที่ปลูกแบบบริหารจัดการน้ำ/ปุ๋ย ไปแล้วยังคงได้ผลผลิตต่อเนื่อง แต่มักไม่เก็บไว้ เพราะต้องการพักต้น เตรียมการปลูกในรุ่นต่อไปเพื่อให้มีคุณภาพดี
ลักษณะการขายส้มโอในพื้นที่นครชัยศรีนิยมขายเป็นผล แตกต่างจากที่อื่น ที่ขายโดยคิดเป็นน้ำหนัก คุณอนันต์บอกว่า ปกติถ้าปลูกอย่างมีคุณภาพมักได้ผลที่มีขนาดน้ำหนัก 1.8-2 กิโลกรัม กำหนดราคาขายจากสวน ผลละ 120 บาท หรือถ้าน้ำหนักสักผลละ 1.5 กิโลกรัม ขายผลละ 60 บาท
การปลูก
เจ้าของสวนรายนี้บอกว่า ควรจะเลือกกิ่งพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ โดยชี้ว่าควรจะเลือกจากสวนที่รู้จัก หรือหากไม่รู้จักต้องสอบถามจากเจ้าของสวนว่า เป็นสวนที่ปลูกเพื่อเก็บลูกหรือสวนที่ตอนกิ่งขายอย่างเดียว ซึ่งถ้าปลูกตอนกิ่งขายอย่าไปซื้อ เพราะไม่เคยไว้ลูก ถ้าซื้อมาปลูกต้องรอถึง 5 ปี กว่าจะรู้ได้ว่าเมื่อมีผลแล้วขั้วหลุดง่าย เพราะคนทำกิ่งขายจะเน้นความสมบูรณ์ของกิ่งเป็นหลัก จึงควรเลือกสวนที่เก็บผลขายแล้วตอนกิ่งขายด้วยจึงจะปลอดภัยกว่า เพราะลงทุนไปถึง 5 ปีแล้ว
คุณอนันต์ ให้รายละเอียดการขยายพันธุ์ด้วยการตอนว่า เมื่อกิ่งมีการแตกใบอ่อน ให้ทิ้งไว้สัก 3 เดือน ให้มีรากเต็มที่ จากนั้นจะตัดกิ่งตอนลงปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ทันที
สำหรับหลุมปลูก มีขนาดความลึก ประมาณ 10 เซนติเมตร กว้าง ประมาณ 50 เซนติเมตร คุณอนันต์ บอกว่า สวนอื่นอาจต้องมีการใส่ปุ๋ยรองก้นหลุม แต่สำหรับสวนของเขาไม่ต้องใส่อะไร และเมื่อนำต้นลงหลุมแล้วให้ใช้ไม้รวกปักยึดต้นสัก 3 อันครึ่งท่อนเพื่อป้องกันลมพัดต้นล้มหรือเอียง อันมีผลต่อระบบรากทำให้ต้นเจริญเติบโตช้า
ระหว่างที่ต้นส้มมีขนาดเล็ก แล้วถ้าไม่ใช่หน้าฝนต้องหมั่นรดน้ำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง ควรรดให้ท่วมขัง ให้ทำเช่นนี้ประมาณ 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นต้นจะเริ่มฟื้น จึงค่อยเว้นวันรด
พอแตกใบอ่อนรุ่นแรกให้ฉีดยาป้องกันหนอนชอนใบ เพลี้ย ไร แล้วให้ใส่ฮอร์โมนด้วย สำหรับปุ๋ยที่ใส่ ควรใช้ตัวหน้าสูง เช่น 30-20-0 เพื่อเร่งการเจริญเติบโตทั้งต้นและใบ ให้ใส่ จำนวน 1 ช้อนแกง โรยบริเวณรอบต้นให้ห่างสักฝ่ามือ แล้วรดน้ำตาม
พอเริ่มเข้าฤดูแล้งให้ใส่ปุ๋ยคอก เพื่อรักษาความชื้นหน้าดินในช่วงขาดน้ำแล้วเป็นการช่วยในเรื่องการแตกใบอ่อนด้วย ปุ๋ยคอกที่ใช้จะเป็นมูลไก่หรือมูลหมูก็ได้ตามความสะดวก แต่สำหรับคุณอนันต์เลือกใช้มูลไก่ โดยซื้อมาเป็นกระสอบ ขนาด 25 กิโลกรัม จากนั้นนำมาพักไว้สัก 5 เดือน จนกว่าจะหมดกลิ่น แล้วแนะว่าห้ามซื้อมาแล้วใส่ต้นทันที เพราะจะทำให้ต้นตายได้
การใส่มูลไก่ ต้นละประมาณ 5 กิโลกรัม ในช่วงที่ต้นส้มโอมีอายุปีกว่า จากนั้นจะเริ่มใส่ปุ๋ยสูตรอีก อาจจะเป็นสูตรเดิม คือ 30-20-0 หรือจะเปลี่ยนเป็น 20-20-0 ก็ได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเร่งระบบรากให้แข็งแรงพร้อมกับสร้างลำต้นให้มีขนาดใหญ่ ใส่ปุ๋ยต้นละสัก 3 ขีด โรยรอบต้นแล้วรดน้ำตาม ควรใส่ทุกเดือน แล้วให้ใส่ไปตลอดจนถึงอายุต้น 5 ปี จากนั้นจึงปรับเป็นปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 เพื่อเป็นการบำรุงผลกับต้น อย่างไรก็ตาม สูตรปุ๋ยอาจมีการสลับได้ตามความเหมาะสม
ระหว่างที่ต้นเจริญเติบโตควรมีการตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ต้นมีความสมบูรณ์ สามารถรับแสงและอากาศได้อย่างเต็มที่ การตัดแต่งกิ่งใบควรสังเกตว่า กิ่ง/ใบ อันไหนที่มีลักษณะไม่งาม ดูโทรม ให้ตัดทิ้ง อาจไล่ตั้งแต่กิ่งใบด้านล่างขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ควรตัดแต่งพอสมควร อย่าไปตัดออกมาก เพราะจะส่งผลต่อการเจริญเติบโต รวมถึงจะตักโคลนในร่องขึ้นมาใส่ที่ต้นปีละครั้ง เพื่อนำสารอาหารขึ้นมาหล่อเลี้ยงต้นให้สมบูรณ์
เจ้าของสวนระบุว่า โรค/แมลง ที่พบและสร้างปัญหามากคือ เพลี้ยไฟ แมงมุมแดง ไรแดง ซึ่งมักมาดูดน้ำเลี้ยงจากใบ ตั้งแต่ต้นยังเล็กทำให้ใบซีด เหี่ยวแล้วตาย ดังนั้น จึงเริ่มป้องกันตั้งแต่ต้นยังเล็ก ให้ฉีดทุก 7 วัน ในช่วงแรก จากนั้นขยับเป็นเดือนละครั้ง อีกทั้งจะต้องหมั่นทำความสะอาดใต้ต้นด้วย อย่าปล่อยให้มีหญ้าหรือวัชพืชขึ้น ควรถางออกบ่อยๆ
ยืนยัน…ส้มโอนครชัยศรี ยังเป็นไม้ผลที่สร้างรายได้ดี
คุณอนันต์ ชี้ว่าส้มโอเป็นไม้ผลที่มีอนาคต เพราะถ้าคุณปลูกอย่างมีคุณภาพและใส่ใจ ก็จะได้ค่าตอบแทนที่เกินคุ้ม อย่างในกรณีปลูกไว้สัก 5 ไร่ ได้ผลผลิตสักหมื่นลูก ก็ได้จับเงินล้านต่อปีทันที เพราะอย่างตอนนี้ปลูกเท่าไรก็ไม่พอ มีลูกค้าต้องการมาก แม้อาจมีราคาถึงผลละ 100-130 บาท จากสวน ยังมีคนมารับซื้อ หรือบางรายเข้ามาติดต่อเองถึงสวน เพื่อส่งไปต่างประเทศ แต่คงต้องปฏิเสธเพราะยังไม่พร้อม
“ฉะนั้น ถ้าคิดจะลงทุนทำสวนส้มโอ ถ้ามีพื้นที่สัก 5 ไร่ จะต้องเตรียมเงินไว้สัก 500,000 บาท หรือเฉลี่ยไร่ละแสนบาท ต่อปี สำหรับเป็นทุนตั้งแต่เริ่มปลูก นับไปจนถึงเวลา 5 ปี”
มีคนพูดแล้วมักเข้าใจว่าส้มโอเป็นไม้ผลที่ใช้สารเคมีมาก คุณอนันต์ บอกว่า ก็จริง แต่ไม่ถูกทั้งหมด เพราะถ้าคุณรู้ถึงกระบวนการปลูกอย่างลึกแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากช่วงเวลาที่ใช้เคมีทุกวันคือเฉพาะช่วงติดดอกเท่านั้น หลังจากนั้นพอมีผลขนาดเท่ามะนาวก็จะเว้นเกือบ 2 สัปดาห์ จนเมื่อผลขนาดกำปั้นจะเว้นไปถึงครึ่งเดือน ต่อจากนั้นแล้วยิ่งทิ้งห่าง จนเมื่อก่อนเก็บผลผลิตจะหยุดฉีดพ่นยานานเป็นสัปดาห์ ซึ่งสารเคมีก็ไม่ได้หลงเหลือแล้ว
คุณอนันต์ เล่าว่าหลายปีที่ผ่านมาชาวสวนส้มโอเลิกปลูกกันเป็นจำนวนมาก อย่างถ้าก่อนน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 ก็เหลือที่ปลูกกันสัก 60 เปอร์เซ็นต์ พอหลังน้ำท่วมใหญ่ชาวสวนส้มโอได้รับความเดือดร้อน จึงเลิกทำอย่างสิ้นเชิง จะเหลือไว้สัก 10 เปอร์เซ็นต์ ที่อดทนทำต่อ แล้วทำให้รายที่เหลือรู้จักกันอย่างดี
“ตอนนี้แม้หลายพื้นที่ทั่วประเทศสามารถปลูกส้มโอได้ แต่ด้วยความได้เปรียบทางธรรมชาติ ซึ่งทำให้ดิน น้ำ อากาศ ในบริเวณพื้นที่นครชัยศรีปลูกส้มโอได้รสชาติอร่อย มีหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีเนื้อแน่น สีสวย อันเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ประจำพันธุ์ จนเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก และนับว่าส้มโอยังคงเป็นไม้ผลที่สร้างเงินให้แก่ชาวสวนทุกคนได้อย่างดี” คุณอนันต์ กล่าว
สนใจสั่งซื้อส้มโอขาวน้ำผึ้ง จากสวน คุณอนันต์ วัฒนา สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์ (086) 165-6507