เกษตรกรชุมพร ทำสวนผสมผสาน ลดความเสี่ยง มีรายได้ตลอดปี

ด้วยสภาพของดิน ฟ้า อากาศที่มีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลทำให้เกษตรกรในบ้านเราได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก เกษตรกรบางคนต้องจบอาชีพการเกษตรลงและหันไปเป็นลูกจ้างแทน  นอกจากปัญหาที่เกิดจากธรรมชาติที่ไม่สามารถแก้ไขได้แล้วนั้น เกษตรกรยังพบกับปัญหาราคาตลาดรับชื้อที่มีการเปลี่ยนแปลง ทำไม่สามารถกำหนดราคาขายได้แน่นอน ปัญหาโรคแมลงที่เข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตรทำให้ผลผลิตเสียหาย  แต่ด้วยความมุ่งมั่นและรักในอาชีพ เกษตรกรในบ้านเราจึงมีการพัฒนา ศึกษาหาแนวทางการทำการเกษตรที่ลดความเสี่ยงแต่สามารถสร้างรายได้ตลอดปีเข้ามาปรับใช้  ซึ่งการทำสวนผสมผสานนั้นเป็นทางออกหนึ่งที่เกษตรนั้นได้เลือกและหันมาให้ความสนใจ ลงมือทดลองปฏิบัติในพื้นที่ของตัวเองกันเป็นจำนวนมาก

คุณบุญธรรม นาคนิยม  ชายวัย 41 ปี ชาวจังหวัดชุมพร อยู่บ้านเลขที่ 363 / 1 หมู่ 6 ตำบลสวี    อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เป็นเกษตรกรคนหนึ่งที่ทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยวและประสบกับปัญหาของโรคแมลง ราคาผลผลิตที่ไม่แน่นอน เหมือนกับเกษตรกรคนอื่นๆ ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยวมาเป็นการทำการเกษตรแบบผสมผสานแทน

“ครอบครัวมาจากอาชีพเกษตรกร ทำการเกษตรมาตั้งแต่จบประถม พอโตขึ้นมีครอบครัว พ่อและแม่ก็แบ่งพื้นที่ให้ทำการเกษตรให้จำนวน 20 ไร่  ในช่วงแรกจะเน้นทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว คือปลูกกาแฟทั้งหมด ปลูกได้ระยะหนึ่งราคากาแฟก็ถูกลงก็เลยเอากาแฟออกและมาปลูกทุเรียนแทน พอปลูกมาได้สักพักทุเรียนก็ราคาไม่ดี เกิดโรคและแมลงบ่อย ทำให้เปลี่ยนจากทุเรียนมาทำส้มโชกุน  หลังจากนั้นก็หันมาทำส้มโชกุนมาได้ประมาณ 10 ปี ส้มก็เริ่มโทรมหมดอายุลง ทำให้ต้องดูแลบำรุงรักษาอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งต้องใช้ต้นทุนในการผลิตที่สูง อีกทั้งยังต้องพบกับปัญหาจากธรรมชาติ โรคแมลง ทำให้ได้ผลผลิตไม่มีคุณภาพ”

 

จากเชิงเดี่ยว เป็นผสมผสาน

ประสบกันปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกๆปี ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ด้วยความเป็นเกษตรกรที่ชอบทดลอง กล้าคิดและกล้าทำ สามารถพัฒนาและปรับเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตรใหม่ ด้วยการหันมาทดลองทำการเกษตรแบบผสมผสาน สามารถลดความเสี่ยงและทำให้มีรายได้หมุนเวียนตลอดปี

“การปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นการทำการเกษตรที่ไม่มั่นคง ความเสี่ยงก็เยอะ เกิดโรคขึ้นมาผลผลิตก็เสียหายส่งผลต่อราคาผลผลิตทำให้ขาดทุน ผมเลยหันมาทดลองทำการเกษตรแบบผสมผสาน แทนการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว  ซึ่งในช่วงแรกผมจะแบ่งพื้นที่จำนวน 5 ไร่ มาทดลองปลูกพืชประมาณ 3-4 ชนิด ประกอบด้วย กาแฟ  ปาล์ม ทุเรียน  ซึ่งเป็นพืชที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่และสามารถอยู่ร่วมกันได้ ”

“จะปลูกปาล์มเป็นตัวยืนพื้นโดยมีระยะห่างระหว่างต้น 6 เมตร ระหว่างแถว 18 เมตร จะได้ทั้งหมด  5 แถว ส่วนตรงกลางระหว่างแถวของต้นปาล์มก็จะปลูกทุเรียน 4 แถว ด้านข้างต้นทุนเรียนทั้งสองด้านก็จะปลูกกาแฟ 8 แถว และระหว่างปาล์มกับกาแฟ ก็จะปลูกกล้ายเสริม ซึ่งทั้งหมดนี้จะปลูกพร้อมกัน ในส่วนพื้นที่รอบๆแปลงจะปลูกไม้ยืนต้นพวกไม้จำปา ตะเคียนทอง เป็นตัวเสริม เพื่อช่วยป้องกันลม และในขณะที่รอปาล์ม ทุเรียน กาแฟ ให้ผลผลิต พื้นที่ว่างก็จะปลูกกล้วยแซม ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง”

“การดูแลรักษาและการให้ปุ๋ยจะมีระบบการดูแลที่เหมือนกัน ปุ๋ยที่ให้ก็จะเป็นปุ๋ยอินทรีย์ โดยจะให้ทุกๆ 3 เดือน ซึ่งวิธีการให้นั้นจะใช้วิธีการหว่านให้ทั่วพื้นที่ จะไม่หว่านรอบโคนต้น ส่วนน้ำก็จะรดบ้างไม่รดล้างเพราะพื้นที่บริเวณค่อนข้างชุมชื้น”

3 ปี มีผลผลิต

มีการดูแลที่ดีบวกกับความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่มีในพื้นที่ ส่งผลทำให้พืชที่ปลูกให้ผลผลิตหมุนเวียนออกมาจำหน่ายส่งขายให้กับตลาดได้ส่วนหนึ่ง

“ผ่านมา 3 ปี กาแฟเริ่มให้ผลผลิตออกขายให้กับพ่อค้าที่มารับชื้อ ต่อมาไม่นานก็ตามด้วยปาล์ม ซึ่งจะไปส่งขายให้กับโรงงานในพื้นที่ ซึ่งในปีแรกได้ราคาดีเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ซึ่งในส่วนนี้หากพื้นที่ 5 ไร่นี้มีความชัดเจนมากขึ้นทุเรียนเริ่มให้ผลผลิต  พืชแต่ละชนิดที่ปลูกเจริญเติบโตเต็มทีแล้ว ผมก็จะขยายเพิ่มขึ้น”

“พื้นที่ 15 ไร่ที่เหลือ ก็จะค่อยปรับเปลี่ยนทำเป็นสวนผสมผสาน ซึ่งตอนนี้ใช้ปลูก ลองกอง มังคุด     แก้วมังกร  ไม้สัก ไม้ตะเคียนอยู่ ตอนนี้ก็เริ่มจะเอาสละเข้ามาทดลองปลูกดู เพราะเห็นว่าพื้นที่การผลิตยังมีน้อย ตลาดยังมีความต้องการอยู่”

ทุกวันนี้คุณบุญธรรมทำการเกษตรแบบไม่มีขาดทุน มีแต่จะได้มากหรือน้อยได้เท่านั้นเอง  ตอนนี้เขาสามารถลดรายจ่าย ลดความเสี่ยง  มีรายได้เพิ่มขึ้นกับการทำอาชีพการเกษตร

สนใจแนวทางการทำสวนผสมของคุณบุญธรรม ติดต่อสอบถามไปได้ที่ 08-6942-2111