กระทรวงเกษตรฯ จับมือตลาดไท ขยายตลาดผักผลไม้คุณภาพภายใต้ โครงการ “ผักปลอดภัย ผักร่วมใจ” ยกระดับสินค้าเกษตร จีเอพี/เกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน

นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมอาหารปลอดภัยและการตลาดนำการผลิต ระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 4 หน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วย กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กับ บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด หรือตลาดไท ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า กระทรวงเกษตรฯ มีวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อนนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยร่วมมือกับ บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด หรือตลาดไท ในฐานะตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรที่มีส่วนสำคัญในการดูแลเกษตรกรให้เข้าถึงตลาดได้ง่าย และทำหน้าที่เป็นกลไกสนับสนุนให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด มีคุณภาพสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ซึ่งตลาดไทได้ริเริ่มโครงการ “ผักปลอดภัย ผักร่วมใจ” ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 จนถึงเดือนมกราคม 2562 มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ รวม 42 กลุ่ม จาก 18 จังหวัด มีสินค้าผัก 40 ชนิด ปริมาณรวม 2,377 ตัน ปัจจุบันมีปริมาณเข้าสู่ตลาดวันละประมาณ 29 ตัน โดยมีระบบการบริหารจัดการให้เกษตรกรได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ขณะที่ราคาผักร่วมใจที่จำหน่ายก็ไม่สูงกว่าผักทั่วไปมากนัก นอกจากนี้ ตลาดไทได้ยกเว้นค่าเช่าพื้นที่ สนับสนุนเจ้าหน้าที่การตลาดมาช่วยส่งเสริมการขาย และสนับสนุนค่าบรรจุภัณฑ์/QR Code ในช่วง 4 เดือนแรกให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตสินค้าเกษตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP/Organic Thailand และมีระบบการบริหารจัดการที่ดีในการควบคุมคุณภาพสินค้า

จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่า ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรที่เกษตรกรนำมาจำหน่ายภายใต้โครงการไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จึงเป็นที่มาของแนวคิดการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กับตลาดไท ซึ่งมีภารกิจในการส่งเสริมเกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพมาตรฐาน และการต่อยอดพัฒนาช่องทางการตลาดสินค้าเกษตร เพื่อบูรณาการและสนับสนุนการดำเนินโครงการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จำเป็นต้องมีความร่วมมือกันให้มากขึ้นและชัดเจนขึ้นในทุกระดับ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค โดยกรมวิชาการเกษตรจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการตรวจสอบรับรองการผลิต การให้ความรู้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ การตรวจสอบย้อนกลับ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม จะมีบทบาทสำคัญในการคัดเลือก ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ตามขอบเขตความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานแล้วเชื่อมโยงการตลาดกับตลาดไท ทั้งนี้ ในปี 2563 กระทรวงเกษตรฯ และตลาดไทเตรียมขยายผลไปสู่ โครงการ “ผลไม้ปลอดภัย ผลไม้ร่วมใจ” และโครงการผักผลไม้แปรรูปปลอดภัย ผักผลไม้แปรรูปร่วมใจอีกด้วย

“บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมอาหารปลอดภัยและการตลาดนำการผลิต ที่จัดทำขึ้นในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เกษตรกรและผู้บริโภคต่อระบบการรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรของไทย สนับสนุนการพัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรของไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตสินค้าเกษตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรให้มีความรู้ ความเข้าใจในการวางแผนการผลิตและการวางแผนการตลาดที่สอดคล้องกับนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม ซึ่งภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ทั้ง 5 หน่วยงาน จะร่วมบูรณาการความร่วมมือ และสนับสนุนด้านบุคลากร วิทยาการสมัยใหม่ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ รวมทั้งข้อมูลทางวิชาการระหว่างกัน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้” นายกฤษฎา กล่าว