กรมตรวจฯ หนุนสหกรณ์ใช้โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร (FAS) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร สร้างความสะดวกให้สมาชิก

สถานการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลนับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการนำข้อมูลทางบัญชีไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการสหกรณ์ จึงจำเป็นต้องขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้วยนวัตกรรม โดยพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองพฤติกรรมของคนในสังคมปัจจุบัน ให้ทันเทคโนโลยีและการสื่อสารที่พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งสหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด เป็นอีกหนึ่งสหกรณ์ที่นำโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ไปใช้ และช่วยให้การบริหารจัดการระบบบัญชีมีความคล่องตัวขึ้น

นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มีภารกิจสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ สถาบันเกษตรกร เกษตรกร และประชาชน โดยการนำระบบบัญชีไปใช้ในการบริหารจัดการสู่ความสำเร็จ มีระบบบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีที่โปร่งใสและเข้มแข็ง โดยมีภารกิจหนึ่งที่สำคัญคือ การตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง เป็นมาตรฐานสากล และกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้สอบบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพและตามที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนดอย่างตรงไปตรงมา ส่งผลประโยชน์สู่สมาชิกทั่วประเทศ และช่วยสร้างฐานรากเศรษฐกิจชุมชนที่มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งในการตรวจสอบบัญชี มีทั้งในรูปแบบการเป็นผู้สอบบัญชีเองและการควบคุมกำกับการสอบบัญชีของภาคเอกชน เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งหมดประมาณ 12,500,000 คน รวมทั้งผู้ที่จะใช้ข้อมูลด้านการเงิน การบัญชี ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร มีข้อมูลที่เชื่อถือได้และเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีและมาตรฐานการสอบบัญชี

ทั้งนี้ กรมฯ ได้พัฒนางานระบบบัญชีและกลไกที่จะส่งเสริมระบบบัญชีให้มีความทันสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์และเท่าทันกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาเป็นเครื่องมือเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเงินของสหกรณ์  ช่วยอำนวยความสะดวกให้สหกรณ์มีระบบการเงินการบัญชีและมีการควบคุมภายในที่ดี สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างโปร่งใส รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรที่ทำหน้าที่ในการเข้าไปตรวจสอบสหกรณ์แต่ละแห่งอย่างรู้เท่าทัน ซึ่งในเรื่องนี้ กรมฯได้เร่งพัฒนาสมรรถนะของผู้สอบบัญชีให้เป็น CYBER AUDITOR เพื่อรองรับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการประกอบกิจการของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่นับวันจะมีการพัฒนาแข่งกับธุรกิจเอกชนอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งนี้ ในปัจจุบันสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีทุนดำเนินงานประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท มากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ

นอกจากนี้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังได้พัฒนาโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร (Full Pack Accounting Software : FAS) ซึ่งประกอบด้วยระบบสมาชิกและหุ้น ระบบเงินให้กู้ ระบบเงินรับฝาก ระบบสินค้า และระบบบัญชีแยกประเภท เพื่อให้สหกรณ์มีระบบการเงินการบัญชีที่เป็นมาตรฐาน มีระบบการควบคุมภายในด้านสารสนเทศที่เหมาะสม และเป็นการเพิ่มคุณภาพการให้บริการภาครัฐด้วย  ปัจจุบัน มีสหกรณ์ที่นำโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจรไปใช้ในการจัดทำงบการเงินและการบริหารจัดการข้อมูลทางการเงินการบัญชี อีกทั้งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังได้พัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองพฤติกรรมของคนในสังคมปัจจุบันที่มีการใช้เทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน และเพื่อสร้างข้อมูลที่มีคุณค่าให้สหกรณ์ โดยมีนวัตกรรม Smart4M ที่สามารถใช้งานได้ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ประกอบด้วย Smart Me แอปพลิเคชั่น สำหรับสมาชิกสหกรณ์และบุคคลทั่วไปใช้ในการบันทึกบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพ Smart Member แอปพลิเคชั่น สำหรับสมาชิกสหกรณ์ ช่วยให้สมาชิกสหกรณ์สามารถตรวจสอบฐานะทางการเงินของตนเองได้ตลอดเวลา Smart Manage แอปพลิเคชั่น สำหรับกรรมการสหกรณ์ ใช้ติดตามและตรวจสอบการดำเนินงานของสหกรณ์ และ Smart Monitor แอปพลิเคชั่นสำหรับผู้สอบบัญชี ผู้กำกับดูแลและผู้ที่เกี่ยวข้อง สามารถติดตามความเคลื่อนไหว และความผิดปกติทางการเงินของสหกรณ์ ซึ่งจากนวัตกรรมดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกร สมาชิก กรรมการสหกรณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลร่วมกันอย่างคุ้มค่า

ด้าน นายปภณภพ เฉลิมกลิ่น ผู้จัดการสหกรณ์โคนมท่าม่วง จำกัด เปิดเผยว่า โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ที่สหกรณ์ขออนุญาตนำมาใช้ก็เป็นตัว Full Pack ซึ่งครบวงจรตั้งแต่บัญชีแยกประเภท บัญชีทั่วไป นอกจากนี้ ยังใช้แอปพลิเคชั่น Smart Member เพื่อให้เกษตรกรสมาชิกสามารถเข้ามาดูตัวเรือนหุ้น เงินฝาก หรือหนี้สินที่เขามีอยู่ในสหกรณ์ รวมถึงการใช้แอปพลิเคชั่น Smart Managegr เพื่อให้คณะกรรมการที่บริหารงานผ่านระบบมือถือ สามารถดูข้อมูลงบ กำไร ขาดทุน วิเคราะห์ทางการเงินต่างๆ ผ่านระบบมือถือได้ ดูจำนวนเงินทั้งหมดของสหกรณ์ที่มีอยู่ในธนาคารว่ามีอยู่เท่าไร ซึ่งจะทำให้สะดวกสบายในการบริหารจัดการด้านการเงินของสหกรณ์ได้

ความแตกต่างระหว่างโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กับการทำบัญชีในแบบเดิม คือมีความสะดวกสบายขึ้น สามารถดูเรื่องของการเงินได้ รับรู้ความเคลื่อนไหวของเงินในสหกรณ์เป็นรายวันได้ กรณีสหกรณ์บันทึกบัญชีผิดพลาด มีปัญหา ก็แจ้งทางสำนักงานกรมตรวจ เขาก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไอทีมาดำเนินการแก้ไขให้ ซึ่งในจุดนี้สหกรณ์ได้ประโยชน์ สมาชิกก็ได้ประโยชน์ เพราะสหกรณ์ก่อสร้างมาโดยเงินของสมาชิกทุกคน และสหกรณ์เป็นของสมาชิกทุกคน ถ้าตัวองค์กรได้ประโยชน์ สมาชิกก็ได้ประโยชน์เช่นกัน ทำให้เกิดความโปร่งใส โดยสมาชิกสามารถตรวจสอบได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น Smart Me และแอปพลิเคชั่น Smart Member สามารถดูได้ว่ามีความเคลื่อนไหวของตัวเองหรือเปล่า ถ้าในส่วนของผู้บริหารก็จะดูแอปพลิเคชั่น Smart Manage จะดูเรื่องการเงิน เรื่องหนี้สิน เรื่องเจ้าหนี้ว่าครบกำหนดการชำระแล้วหรือยัง ซึ่งในระยะเวลา 18-19 ปี ที่ผ่านมา การใช้โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์  ยังไม่มีปัญหาอะไร อีกทั้งยังลดการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้เยอะ สามารถดึงข้อมูลมาใช้งานได้ทันที ที่สำคัญคือฟรี และมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดกาญจนบุรีมาให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง และสามารถนำข้อมูลที่เป็นซอฟต์แวร์ไปตรวจสอบบัญชีที่สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดได้อีกด้วย