แม่โจ้ตามรอยพ่อ “กษัตริย์เกษตร” เปิดแปลงสาธิตเรียนรู้ศาสตร์ของพระราชา ณ แหล่งภูมิปัญญาเกษตรไทย

 

 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช องค์พระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักโดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยากของพระองค์เอง อันเป็นที่ประจักษ์แก่ปวงพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ทรงมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในด้านทรัพยากรธรรมชาติดิน น้ำ ป่า สิ่งแวดล้อม และพลังงาน  เพื่อประโยชน์ของภาคการเกษตรไทยซึ่งเป็นอาชีพหลักของพสกนิกรชาวไทยมาตั้งแต่ในอดีต

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ก่อตั้งเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๗๗ ปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ ๘๒  ถือเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีรากฐานทางการเกษตรที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ  ได้รับพระมหากรุณาธิคุณสนองงานด้านต่าง ๆ  นับตั้งแต่ครั้งแรกที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จมายังแม่โจ้  และได้สนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการหลวง และโครงการในพระองค์อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะด้านการเกษตร  สืบเนื่องเรื่อยมาดังนี้

 เสด็จพระราชดำเนินมาแม่โจ้เป็นครั้งแรก 

นับตั้งแต่องค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย (อกท.) ได้เริ่มก่อตั้งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปีพุทธศักราช  ๒๕๐๔ ที่วิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ โดยอาศัยรูปแบบของ FFA จากประเทศสหรัฐอเมริกาผสมผสานกับ FFP ของประเทศฟิลิปปินส์  และได้เจริญรุดหน้าเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เสด็จฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการของ อกท.หน่วยแม่โจ้ ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ณ  สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ซึ่งได้รับความสนพระราชหฤทัยเป็น   อย่างยิ่ง  และเมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๑๖ นับเป็นวันมหามงคลยิ่ง  เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรกิจกรรม อกท. หน่วยแม่โจ้ ทรงมีพระราชดำรัสแก่นักศึกษาและคณาจารย์ เป็นครั้งแรกที่แม่โจ้ และได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นักศึกษาแม่โจ้ ความตอนหนึ่งว่า       “…แม่โจ้นั้นรักสามัคคีกันมาก และหากพลังแห่งสามัคคี ถ้าไปใช้ในทางที่ถูกต้อง ที่ดี ที่สร้างสรรค์ และจะนำไปสู่ความเจริญ ไปสู่ความดี และผู้ที่ปฏิบัติจะได้รับผลดีคือความยกย่องของชุมชน  ความยกย่องของชาวบ้าน และความยกย่องของประชาชนทั้งประเทศ…”  โดยมีอาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย นำคณะนักศึกษา เฝ้ารับเสด็จด้วยความปลื้มปิติ จึงถือเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชาวแม่โจ้

เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตแม่โจ้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตแม่โจ้ ตั้งแต่มีพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรรุ่นแรกของสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๒๑  และได้เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานปริญญาบัตรแต่บัณฑิตแม่โจ้ต่อเนื่องเรื่อยมา  พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมราโชวาทให้กับบัณฑิตแม่โจ้ ผู้ซึ่งจะไปเป็นตัวอย่าง  เป็นผู้นำ และเป็นกำลังสำคัญของวงการเกษตรไทยต่อไป อาทิ

พระบรมราโชวาท เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๒๑  “…ขอให้ทุกคนตั้งปณิธานอันมั่นคง จะสร้างความดี จะบำเพ็ญตนเป็นตัวอย่างให้เกษตรกรทั้งปวง ยึดถือเป็นแบบฉบับได้จริงๆ…”

พระบรมราโชวาท เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ “…งานด้านเกษตรมีลักษณะสำคัญพิเศษ คือเป็นการผลิตที่อาศัยพลังของธรรมชาติ  นักเกษตร เช่น บัณฑิตแห่งสถาบันนี้ควรเข้าใจให้ซาบซึ้งถึงแก่นแท้ของการเกษตร…”

พระบรมราโชวาท เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ “…บ้านเมืองไทยของเรานี้  เลี้ยงตัวอยู่ด้วยการเกษตร  วิธีพัฒนาการเกษตรที่เหมาะแก่ประเทศเราอย่างยิ่ง คือการพยายามดัดแปลง  ปรับปรุง นำสิ่งที่มีอยู่โดยธรรมชาติมาใช้ให้สอดคล้องกลมกลืนกับสภาพพื้นที่และพื้นฐานของเกษตรกรให้ได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย ความเจริญก็จะบังเกิดผลเป็นจริง…”

พระบรมราโชวาท เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕  “…นักเกษตร  ควรศึกษาวงวัฏจักรของงาน   ของตัว ซึ่งสัมพันธ์กับงานอื่น ให้กระจ่างโดยละเอียดทั่วถึง จึงจะสามารถทำงานให้บรรลุความสำเร็จได้ตามประสงค์…”

 ทรงประกาศเกษตรทฤษฎีใหม่ที่แม่โจ้

วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงประกาศเกษตรทฤษฎีใหม่ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตแม่โจ้           ณ อาคารแผ่พืชน์ สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้  ความว่า “…ทฤษฎีใหม่เป็นวิธีปฏิบัติการเกษตรอีกแนวทางหนึ่งสำหรับเกษตรกรที่มีที่ดินจำนวนน้อย  มีหลักสำคัญอยู่ว่า แต่ละแปลงจะแบ่งออกเป็นส่วน  สมมติว่าแปลงหนึ่งมี ๑๕ ไร่ จะปลูกข้าว ๕ ไร่  ปลูกไม้ผล พืชไร่ และพืชผักสวนครัว ๕ ไร่ ขุดสระน้ำ ๓ ไร่ ปลูกที่อยู่อาศัยและอื่น ๆ อีก ๒ ไร่ วิธีนี้ได้ทดลองปฏิบัติขั้นแรกมานานพอสมควร และได้ผลดีที่น่าพอใจระดับหนึ่ง ในขั้นที่สองก็จะต้องรวมกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ ด้วยความร่วมมือของหน่วยราชการ มูลนิธิและเอกชนเพื่อช่วยเหลือในด้านการผลิต การตลาด และในขั้นที่สามจะต้องร่วมมือกับสถาบันการเงินและการพลังงานเพื่อช่วยเหลือด้านการจัดตั้งและบริหารโรงสีร้านสหกรณ์  รวมทั้งสนับสนุนการลงทุน…”  มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้สนองพระบรมราโชวาทจึงได้ตั้งฐานเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ฯ ขึ้น และดำเนินการเผยแพร่องค์ความรู้เรื่อยมา

แม่โจ้ กับ โครงการหลวง

ในปี พ.ศ.๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดฯ ให้คณาจารย์จาก ๓ สถาบันการศึกษา ซึ่งรวมถึงคณาจารย์จากวิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้) ออกไปส่งเสริมอาชีพชาวเขาหมู่บ้านต่าง ๆ ในถิ่นทุรกันดารหลายแห่ง เรียกชื่อในสมัยนั้นว่า โครงการหลวงพัฒนาชาวเขา โดยแต่ละสถาบันต้องรับผิดชอบหมู่บ้านที่เข้าไปพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ ซึ่งอาจารย์จากแม่โจ้ก็ได้ผลัดเปลี่ยนกันออกไปปฏิบัติงานติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ  จนถึงปัจจุบันมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ร่วมสนับสนุนงานวิจัยค้นคว้าร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวงหลายส่วน และมีพื้นที่ดูแลรับผิดชอบงานส่งเสริม จำนวน ๕ แห่ง ได้แก่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่สาใหม่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งหลวง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหมอกจ๋าม  ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ปูนหลวง และศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง๊ะ นอกจากนั้น ยังมีศิษย์เก่าแม่โจ้กระจายตัวถวายงานในศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ทั้ง ๓๘ แห่ง ในพื้นที่ ๕ จังหวัดภาคเหนืออีกด้วย ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวแม่โจ้ที่ได้ผลิตบัณฑิตคนเกษตรแม่โจ้  สนองงานในพระองค์ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง

 โครงการพัฒนาบ้านโปงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 

วันที่ ๒ มีนาคม  ๒๕๒๑  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมีพระราชกระแสรับสั่งให้มหาวิทยาลัยฯ หาลู่ทางเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาต้นน้ำห้วยแม่โจ้และพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกในฤดูแล้งแก่ราษฎร ซึ่งมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ดำเนินการสนองพระราชประสงค์  วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ได้เสด็จพระราชดำเนินไปพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยโจ้    และได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้กรมชลประทานพิจารณาสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้นบริเวณต้นน้ำ และได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดทำแปลงปลูกไม้ใช้สอยสำหรับหมู่บ้านบ้านโปงและหมู่บ้านใกล้เคียง  ตลอดจนส่งเสริมบริการด้านการเพาะปลูกพร้อมทั้งพัฒนาอาชีพ  และในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตร โครงการพระราชดำริบ้านโปง ในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยโจ้  โดยมีพระราชกระแสรับสั่งให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยคณาจารย์ นักศึกษาช่วยกันดูแลรักษาและให้ปลูกไม้โตเร็วเพิ่มเติม   ดังนั้น มหาวิทยาลัยแม่โจ้จึงได้ริเริ่มโครงการอนุรักษ์ ศึกษาและพัฒนาป่าบ้านโปงขึ้น เนื้อที่ ๓,๖๘๖ไร่ และเนื้อที่ ๙๐๗ ไร่ โดยได้รับ

อนุมัติจากกรมป่าไม้(เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและศึกษาวิจัย ส่งเสริมอาชีพ พัฒนาให้เป็นไปตามแนวพระราชดำริ)

เมื่อวันที่  ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘  พระบาทสมเด็จ      พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังมหาวิทยาลัยแม่โจ้อีกครั้ง และได้เสด็จฯไปอ่างเก็บน้ำ ทอดพระเนตรสภาพน้ำและสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่าสันทราย พื้นที่โครงการพัฒนาบ้านโปงฯ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ส่งผลให้ในปัจจุบันป่าบ้านโปงเป็นป่าใกล้เมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของชาวเชียงใหม่  และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ดูแลร่วมกับชุมชน

แม่โจ้เปิดการสอนหลักสูตรศาสตร์ของพระราชา “การพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืน”

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ทรงได้พระราชทานแนวทางการพัฒนาที่ใช้ แนวคิดอันเหมาะสมและสอดคล้องกับภูมิสังคม ซึ่งทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานความคิดเรื่องความพอเพียง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยการสนับสนุนของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศอีกหลายท่าน จึงได้จัดการศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืน ผลิตมหาบัณฑิตที่มีความรอบรู้ทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ  เพื่อเผยแพร่ให้สังคมเรียนรู้พระราชปรัชญา แนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน  อันนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้เปิดการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนถึงปัจจุบัน ถือได้ว่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกและแห่งเดียวที่เปิดหลักสูตรที่น้อมนำองค์ความรู้ศาสตร์ของพระราชาอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งหลายประการที่ยกมานี้  เป็นเพียงเศษเสี้ยวของพระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จ   พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ได้ทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด  มหาวิทยาลัยแม่โจ้ขอประกาศเจตนารมณ์อันมุ่งมั่น  “ตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร” เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อภาคการเกษตรไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

ขอเชิญพสกนิกรชาวไทย น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณต่อภาคการเกษตรไทย  ตามรอยพ่อ     “กษัตริย์เกษตร”  ชมนิทรรศการ ตามรอยพ่อ กษัตริย์เกษตร,  แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ สู่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ  การเสวนา  การฝึกอบรม   และพบกับตลาดสินค้าปลอดภัยเพื่อผู้บริโภค      พร้อมทั้งชม MINI THEATRE: กษัตริย์เกษตร  ในระหว่างวันที่ ๑๙ – ๒๕  กุมภาพันธ์  ๒๕๖๐ ณ  มหาวิทยาลัยแม่โจ้  จ.เชียงใหม่  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเลขานุการ ๐ ๕๓๘๗ ๕๗๐๘