ยักษ์ใหญ่ธุรกิจเกษตร-ชาวไร่ แห่หนุนระบบเกษตรพันธสัญญา

ยักษ์ใหญ่ธุรกิจเกษตร-ชาวไร่  หนุนระบบเกษตรพันธสัญญา แห่ขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 200 ราย   มั่นใจตอบโจทย์อนาคตภาคอุตสาหกรรมเกษตรไทย ด้านเสียงสะท้อนเกษตรกรชาวไร่ ชี้ช่วยลดความเสี่ยง ปิดการเอาเปรียบระหว่างเกษตรกร-ผู้ประกอบการ ยกระดับคุณภาพผลผลิต แก้ปัญหาล้นตลาด ดันรายได้มั่นคง

นายพีรพันธ์ คอทอง ผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ภายหลังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขับเคลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา ปี 2560 อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาให้มีความเป็นธรรมตามหลักสากล ตลอดจนสร้างความไว้วางใจและความร่วมมือส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพในการผลิตผลิตผลอย่างยั่งยืน

นายพีรพันธ์ คอทอง ผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

จากผลดำเนินการขณะนี้ มีผู้ประกอบธุรกิจได้ทยอยจดแจ้งการประกอบธุรกิจในระบบแล้ว จำนวน 218 ราย และในจำนวนดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรเรียบร้อยแล้ว 210 ราย แบ่งเป็น ด้านพืช 157 ราย ด้านปศุสัตว์ 38 ราย ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 11 ราย ด้านพืชและด้านปศุสัตว์ 2 ราย ด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและปศุสัตว์ 1 ราย ด้านพืช ปศุสัตว์ และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 1 ราย นอกจากนี้อยู่ระหว่างรอดำเนินการ 8 ราย ซึ่งแต่ละรายส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและความมั่นคงในการประกอบธุรกิจด้านการเกษตรมาอย่างยาวนาน

นายพีรพันธ์ กล่าวว่า ระบบเกษตรพันธสัญญาเป็นเครื่องมือลดความเสี่ยงระหว่างเกษตรกรผู้ผลิต และบริษัทรับซื้อผลผลิต ทั้งในด้านปริมาณ คุณภาพของผลผลิตและการตลาด มีกฎ กติกา มาตรฐานที่เป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ที่สำคัญคือ ระบบดังกล่าวช่วยสร้างความมั่นใจและเชื่อใจว่าจะได้รับสิ่งที่ต้องการตามที่กำหนดร่วมกันอย่างเป็นธรรม ปิดช่องโอกาสที่จะเอาเปรียบซึ่งกันและกัน และมีกระบวนการไกล่เกลี่ยช่วยแก้ปัญหาข้อพิพาทต่างๆ เกิดการประหยัดต้นทุนการใช้ทรัพยากร สร้างกระบวนการพัฒนาการผลิตร่วมกันระหว่างเกษตรกรและผู้ประกอบการ นำไปสู่สร้างการเติบโตทางมูลค่าธุรกิจให้มีความมั่นคงด้านรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีจากรายได้ที่แน่นอนและระยะยาว

ด้าน นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ผู้ผลิตเมล็ดพันธ์ุพืชภายใต้ตรา “ศรแดง” หนึ่งในบริษัทที่ได้ทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรในระบบเกษตรพันธสัญญา กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ให้ความสำคัญกับเกษตรกรรายย่อยมาอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อยให้ดีขึ้น เพราะเชื่อว่าเมล็ดพันธุ์ 1 เมล็ด หากมีคุณภาพที่ดีก็จะสามารถเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรได้นับล้านคน

ปัจจุบัน มีเกษตรกรร่วมทำพันธสัญญากับบริษัท จำนวน 2,500 คู่สัญญา มีพื้นที่ดำเนินการ 13,000 ไร่ ใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครราชสีมา สุโขทัย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ ลำปาง ครอบคลุมเกือบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ เพราะมีปริมาณฝนตกมาก ไม่เหมาะกับการปลูกพืชเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ ภายหลังจาก พ.ร.บ. เกษตรพันธสัญญาประกาศใช้ บริษัทก็ได้ดำเนินการเปิดรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทันที โดยบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตเพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์คุณภาพและรับซื้อผลผลิตในราคาที่เป็นธรรม และเกษตรกรที่ทำสัญญากับบริษัทต่างมีความมั่นใจว่าได้รับการคุ้มครอง ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ

ด้าน นางใบ ต้องใจ อายุ 53 ปี ต.วังใต้  อ.วังเหนือ จ.ลำปาง เกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ฟักทองลูกผสมพันธุ์โอโตะ ภายใต้พันธสัญญากับตราศรแดง กล่าวว่า เดิมทีครอบครัวตนปลูกข้าวโพดแต่ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่มาเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ฟักทองคุณภาพ บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ เนื่องจากบริษัทได้เชิญชวนให้ปลูกพร้อมเสนอเงื่อนไขราคารับซื้อที่เป็นธรรม โดยบริษัทได้เข้ามาสนับสนุนต้นกล้าฟักทอง ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืช พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาให้คำแนะนำทุกขั้นตอนการผลิตเพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ฟักทองที่มีคุณภาพ ตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยได้มีการประกันราคาผลผลิต กิโลกรัมละ 800 บาท

ซึ่งในปีนี้เป็นปีแรกที่เข้าร่วมโครงการและได้ผลเป็นที่พอใจ พื้นที่ 1 ไร่ สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ 70 กิโลกรัม ต่อรอบ คิดเป็นมูลค่า 56,000 บาท เมื่อหักต้นทุนการผลิตแล้วยังเหลือรายได้เฉลี่ย 200,000 กว่าบาทต่อปี จึงพอใจมากที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ในการช่วยยกระดับชีวิตและรายได้ที่ดีขึ้น จากเดิมที่ปลูกข้าวโพด มีรายได้เพียงแค่ 10,000 กว่าบาท/รอบ และราคาก็ยังต้องขึ้นอยู่กับพ่อค้าคนกลางเป็นผู้กำหนดและไม่มีการประกันราคาที่แน่นอน

บริษัท โดล ไทยแลนด์ จำกัด ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โรงงานผู้ผลิตผลไม้กระป๋องรายใหญ่ นับเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ได้แจ้งจดเข้าสู่ระบบเกษตรพันธสัญญา ปัจจุบัน มีโรงงานอยู่ 2 แห่ง มีความต้องการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ปีละ 200,000 ตัน ครอบคลุมพื้นที่ปลูกใน 3 จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และระยอง

นายวันเพ็ญ เรืองโรจน์ เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หนึ่งในเกษตรกรที่เตรียมจะทำสัญญาข้อตกลงซื้อ-ขาย ผลผลิตภายใต้ระบบพันธสัญญาเป็นครั้งแรกกับบริษัทโดลฯ กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ตัวแทนบริษัทได้เรียกประชุมเพื่อชี้แจงเงื่อนไขในการซื้อ-ขาย ระบบใหม่ ให้ทราบและเห็นว่าระบบดังกล่าวเป็นแนวทางที่ดีที่จะเข้ามาเป็นกลไกกลางในการช่วยเกษตรกรชาวไร่สับปะรดให้หลุดพ้นจากปัญหาวังวนเดิมๆ คือ ผลผลิตล้นตลาด ราคาขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอน

ในขณะระบบใหม่ ทางบริษัทจะกำหนดราคาแต่ละเกรดอย่างชัดเจน ซึ่งเราจะต้องทำให้ได้ตามสัญญาถึงจะได้ราคา 7 บาท ตามที่ตกลง นอกจากนี้ ต่อไปจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาให้คำแนะนำ ทั้งในเรื่องเทคโนโลยีและสนับสนุนปัจจัยการผลิตต่างๆ แล้วค่อยหักค่าใช้จ่ายเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตโดยไม่คิดดอกเบี้ย ในขณะที่สัญญาเก่าไม่มีการสนับสนุนเรื่องปัจจัยการผลิต เกษตรกรต้องจัดหาเอง ทำให้ควบคุมต้นทุนการผลิตได้

ด้าน นางสุรีย์พัชร์ ต่อพลศรี อายุ 58 ปี ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี หนึ่งในเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมระบบแปลงใหญ่ ภายใต้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจำหน่ายรังในพื้นที่ชุมชน 4 ส.ป.ก. อุทัยธานี กล่าวว่า หลังจากได้ตกลงทำสัญญาซื้อ-ขายรังไหม รังขาวหรือไหมอุตสาหกรรมระบบเกษตรพันธสัญญากับ บริษัท จุลไหมไทย จำกัด โดยสัญญาครอบคลุมการซื้อ-ขาย ตั้งแต่มีนาคม-กรกฎาคม 2562 เป็นระยะเวลา 5 ปี ทำให้ตนและครอบครัวมีความมั่นใจในรายได้และการทำอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมากขึ้นจากเดิม ต้องประสบปัญหาราคาขึ้น-ลงผันผวนทำให้มีรายได้ไม่แน่นอน

ปัจจุบัน ตนมีพื้นที่ปลูก 4.2 ไร่ ในพื้นที่แปลงใหญ่หม่อนไหมชุมชน 4 ส.ป.ก.อุทัยธานี ซึ่งทางบริษัท จุลไหมไทยฯ จะมีกฎเกณฑ์ว่าต้องทำอย่างไงถึงจะได้ราคาตามที่ตกลงกัน เช่น ต้องมีคุณภาพและต้องมีระบบประสิทธิภาพในการเลี้ยง  โดยบริษัทจะดูจากเปอร์เซ็นต์เปลือกรัง เวลามารับซื้อจะมีการสุ่ม เพื่อที่จะคัดรังดี รังเสีย รังเกรดเอ รังเกรดบี ถ้ารังเกรดเอ จะเฉลี่ยอยู่ที่ 180-240 บาท ต่อกิโลกรัม และหากรังไหมที่มีเปอร์เซ็นต์เปลือกรังดีก็จะได้ถึง 230 บาท จากเดิมจะราคาประมาณ 170-180 บาท/กก.

ระบบเกษตรพันธสัญญาได้สร้างแรงจูงใจที่เป็นธรรมส่งผลให้ปัจจุบันมีเกษตรกรในพื้นที่ทยอยเข้าสู่ระบบเกษตรพันธสัญญามากขึ้นจากเดิมมีการปลูกแค่ 50 ราย ตอนนี้เพิ่มเป็น 107 ราย รวมพื้นที่ 200 ไร่    เนื่องจากทุกคนเห็นความมั่นคงในอาชีพ  การมีตลาดรองรับที่แน่นอน ใช้เวลาเลี้ยงเพียง 22 วัน ก็สามารถสร้างรายได้ประมาณ 9,000 – 14,000 บาท ขายปุ๊บภายใน 5 วัน บริษัทจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ทันที ทำให้เกษตรกรยิ้มออกและมีความภาคภูมิในและรู้สึกมั่นคงในอาชีพ

บริษัท ราชสีมา กรีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด บริษัทในเครือโรงงานน้ำตาลมิตรผลเป็นหนึ่งในผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังชั้นนำของไทย มีโรงงานตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้จดแจ้งเป็นผู้ประกอบธุรกิจในระบบเกษตรพันธสัญญา ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตหัวมันสำปะหลังสด 1,200 ตัน/วัน ผลิตแป้งดิบ 350 ตัน

โดยบริษัทจะเข้าไปถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนแก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิก รวมทั้งส่งเสริมปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ ช่วยให้เกษตรกรผลิตมันสำปะหลังที่มีคุณภาพและได้ปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ในขณะที่ต้นทุนการผลิตลดลง รวมถึงมีการรับซื้อผลผลิตในราคาที่เป็นธรรม จนสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้

นายเกษม  อินทรมาส  ชาวไร่มันสำปะหลังที่ยึดอาชีพมากว่า 20 ปี  ในพื้นที่หมู่บ้านโนนสะอาด ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ปัจจุบันได้ตกลงทำสัญญาซื้อ-ขาย ภายใต้ระบบเกษตรพันธสัญญากับ บริษัท ราชสีมา กรีนฯ หลังจากก่อนหน้านี้จะนำผลผลิตที่ได้ไปจำหน่ายตามลานมัน ซึ่งมักจะถูกกดราคาและเสียดอกเบี้ยแพง เนื่องจากต้องไปรับเงินจากลานมันมาลงทุนก่อน หรือที่เรียกว่า “ตกเขียว”

แต่ภายหลังมีโครงการเกษตรพันธสัญญา ก็ได้สมัครเข้าโครงการกับ บริษัท ครั้งแรกเมื่อปี 2561 ซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดี มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทมาให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเพิ่มผลผลิต เช่น การระเบิดดินดาน แนะนำการใส่ปุ๋ยรองพื้นที่ดิน การเตรียมดิน ช่วยหาแหล่งน้ำ และพาไปศึกษาดูงานในพื้นที่ที่ประสบผลสำเร็จ ทำให้มีผลผลิตสูงขึ้นจากเดิมเคยผลิตได้ 2-3 ตัน ต่อไร่ ปัจจุบัน เพิ่มเป็น 4-5 ตัน ต่อไร่ และจำหน่ายผลผลิตได้ในราคา ตันละ 3,400 บาท จึงมั่นใจว่าระบบเกษตรพันธสัญญา เป็นกฎหมายที่มีไว้คุ้มครองเกษตรกร ช่วยให้เกษตรกรได้รับความยุติธรรมจากผู้ประกอบการหรือนายทุน และช่วยยกระดับราคาที่มั่นคง จึงมั่นใจว่าระบบเกษตรพันธสัญญาจะสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกร และสามารถอยู่ร่วมกันกับบริษัทคู่สัญญาโดยไม่ทอดทิ้งกันได้

ทั้งหมดคือ เสียงสะท้อนของเกษตรกรชาวไร่ น่าจะช่วยตอบโจทย์อนาคตของอุตสาหกรรมเกษตรไทยภายใต้การส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาของกระทวงเกษตรฯ ได้เป็นอย่างดี