เผยแพร่ |
---|
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรไทยกับอาเซียน ในช่วงไตรมาสแรก ปี 2562 (ม.ค. – มี.ค.62) พบว่า ไทยยังคงเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าในอาเซียน คิดเป็นมูลค่า 53,244 ล้านบาท โดยสินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ น้ำตาล อาหารปรุงแต่งจากเนื้อปลา เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ข้าวเจ้าและข้าวหอมมะลิ ผลไม้ และยางพาราธรรมชาติ สำหรับสินค้าที่ไทยนำเข้า ได้แก่ ปลาและสัตว์น้ำ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ อาหารปรุงแต่ง วัตถุปรุงแต่งอาหาร ของปรุงแต่งจากผักและผลไม้ เป็นต้น
การค้าสินค้าเกษตร (พิกัดศุลกากร 01 – 24) และยางพาราธรรมชาติ (พิกัดศุลกากร 4001) ในช่วงมกราคม – มีนาคม 2562 จากไทยไปยังอาเซียน พบว่า มูลค่าการค้ารวม 107,160 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 4.56 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 โดยมี มูลค่าการส่งออก 80,202 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.08 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 และมูลค่าการนำเข้า 26,958 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.69 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 อย่างไรก็ดี ในภาพรวมแล้วไทยได้เปรียบดุลการค้าอาเซียนเป็นมูลค่า 53,244 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.02 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและยางพาราธรรมชาติของไทยไปยังอาเซียนเป็นรายประเทศ พบว่า ไทยส่งออกไปยังเวียดนามมีมูลค่าเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22 รองลงมา ได้แก่มาเลเซีย ร้อยละ 17 อินโดนีเซีย ร้อยละ 16 กัมพูชา ร้อยละ 12 ตามลำดับ และหากพิจารณาดุลการค้า พบว่า ไทยได้เปรียบดุลการค้าของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เวียดนามเป็นอันดับหนึ่ง โดยคิดเป็นมูลค่าที่ได้เปรียบดุลการค้าเท่ากับ 13,154 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ มาเลเซีย 10,146 ล้านบาท อินโดนีเซีย 7,698 ล้านบาท กัมพูชา 5,892 ล้านบาท และฟิลิปปินส์ 5,569 ล้านบาท ตามลำดับ
มูลค่าการค้าสินค้าเกษตรและยางพาราธรรมชาติระหว่างไทยกับอาเซียน (ม.ค.–มี.ค. 62)
ประเทศ | การส่งออก | การนำเข้า | สัดส่วนมูลค่า | ดุลการค้า | ||
ปริมาณ (ตัน) | มูลค่า (ล้านบาท) | ปริมาณ (ตัน) | มูลค่า (ล้านบาท) | การส่งออก (ร้อยละ) | (ล้านบาท) | |
เวียดนาม | 331,548 | 17,667 | 84,158 | 4,512 | 22.03 | 13,154 |
มาเลเซีย | 595,458 | 13,852 | 71,912 | 3,705 | 17.27 | 10,146 |
อินโดนีเซีย | 1,022,552 | 12,469 | 300,972 | 4,771 | 15.55 | 7,698 |
กัมพูชา | 171,082 | 9,790 | 730,013 | 3,898 | 12.21 | 5,892 |
ฟิลิปปินส์ | 373,448 | 7,159 | 12,186 | 1,590 | 8.93 | 5,569 |
เมียนมา | 147,415 | 8,414 | 145,238 | 3,059 | 10.49 | 5,355 |
ลาว | 120,778 | 6,248 | 474,828 | 2,280 | 7.79 | 3,969 |
สิงคโปร์ | 101,950 | 4,220 | 17,355 | 3,142 | 5.26 | 1,078 |
บรูไน ดารุสซาลาม | 11,222 | 383 | – | – | 0.48 | 383 |
รวม | 2,875,453 | 80,202 | 1,836,662 | 26,958 | 100.00 | 53,244 |
นอกจากการติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างไทยกับอาเซียนแล้ว สศก. ยังได้ติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างไทยกับตลาดหลักที่เป็นคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป และจีน โดย พบว่า ไตรมาส 1 ปี 2562 ไทยได้เปรียบดุลการค้า จีน จำนวน 31,861 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา จำนวน 11,564 ล้านบาท ญี่ปุ่น จำนวน 35,200 ล้านบาท และสหภาพยุโรป จำนวน 18,215 ล้านบาท ซึ่งช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 สถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยมีทิศทางดีขึ้น มีการขยายตัวของการส่งออกในตลาดอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลดลง แต่การส่งออกไปยังตลาดจีนนั้น ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ซึ่งอาจเป็นผลกระทบจากนโยบายตอบโต้สงครามการค้าของจีน ที่มีการพึ่งพาตนเอง บริโภคสินค้าภายในประเทศ และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยควรขยายตลาดสินค้าเกษตรสำคัญๆ เช่น กลุ่มผลไม้ ไปยังตลาดอื่นๆ ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อทดแทนการพึ่งพาตลาดจีน และลดการแข่งขันกับประเทศเวียดนามที่เป็นคู่แข่งของไทยในกลุ่มสินค้าผลไม้ โดยมีข้อได้เปรียบไทยในเรื่องการมีพรมแดนติดกับจีน จึงทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งที่ต่ำกว่า และมีระยะเวลาการขนส่งน้อยกว่า