ประมูลข้าวรัฐ3ล.ตันพ่อค้ากดราคา โละบิ๊กลอตข้าวสารดิ่ง-กลบข่าวดีส่งมอบ”จีทูจี”จีน

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 14 ก.พ. 2560 กรมการค้าต่างประเทศ เปิดให้ผู้ประกอบการเข้ายื่นซองเอกสารเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนเข้าร่วมประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 1/2560 ปริมาณ 2.87 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวเกรดพี เอ บี และซี ผสมไม่เกิน 20% รวม 17 ชนิดเช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว ข้าวเหนียว เป็นต้น ปรากฏว่ามีเอกชนสนใจเข้าร่วมยื่นซองเอกสารเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ 73 ราย เช่น บจ.มหาทรัพย์ ฟีด, บจ.กรุงไทยพืชผล, บจ.แคปปิตัลซีเรียลส์, บจ.วัฒนพร อินเตอร์โกลเด้นไรซ์, บจ.พงษ์ลาภ, บจ.ธนสรรไรซ์ เป็นต้น จะประกาศรายชื่อที่ผ่านคุณสมบัติและให้ยื่นซองเสนอราคา 16 ก.พ. 2560 จาก 22 พ.ค.-6 ก.ย. 2559 ได้ระบายข้าวในสต๊อกไปแล้ว 8.4 ล้านตัน ครั้งนี้ระบายหมดเท่ากับระบายได้รวม 11.27 ล้านตัน

ด้านผู้ประกอบการที่เข้าร่วมยื่นซองประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล กล่าวว่า การเสนอราคาซื้อข้าวในสต๊อกรัฐน่าจะไม่สูงนัก ราคาต่อกิโลกรัมอาจไม่ถึง 2 หลัก เพราะการที่รัฐนำข้าวหอมมะลิออกมาประมูลมากถึง 1.4 ล้านตันถือว่ามากเกินไป ควรแบ่งประมูลครั้งละ 4 แสนตัน เพื่อไม่ให้มีผลต่อตลาด เพราะช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ชาวนานำข้าวมะลิในยุ้งออกมาขาย และขึ้นอยู่กับราคาคุณภาพข้าวในคลังด้วย เพราะผู้ประกอบการต้องรับความเสี่ยงภายหลังการประมูล หากไม่เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทั้งคลังก็ต้องกำหนดราคาเผื่อไว้ สำหรับระดับราคาตลาดข้าวหอมมะลิใหม่ขณะนี้อยู่ที่ตันละ 17,000-20,000 บาท หรือ กก.ละ 10-20 บาท ไม่ต่างจากราคาข้าวหอมมะลิเก่ามากนัก

แหล่งข่าวจากวงการโรงสี กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวสารในตลาดปรับตัวลดลงทันทีหลังจากมีข่าวการประมูลข้าวลอตใหญ่ แม้จะมีข่าวดีที่กระทรวงพาณิชย์จะทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) กับรัฐบาลจีน เพื่อส่งมอบข้าวลอตที่ 2 ปริมาณ 100,000 ตัน ซึ่งเป็นข้าวขาว 5% ฤดูการผลิตใหม่ ราคา 386 เหรียญสหรัฐ/ตัน สำหรับข้าวที่บรรจุถุงละ 25 กก. และราคา 391 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขนาดบรรจุ 50 กก. ในเทอม FOB CY (Container Yard) ภายในเดือน ก.พ.-มี.ค. 2560

“การขายข้าวดังกล่าวไม่ได้ทำให้ราคาข้าวสารในตลาดปรับสูงขึ้น หากคำนวณต้นทุนจากราคาขาย 386 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นบาท คูณ 34.70 บาท เท่ากับ 13,394 บาท หักค่าใช้จ่าย 250 บาท หักค่าถุงค่าโลจิสติกส์อีก 1,500 บาท จะเหลือตันละ 11,644 บาท แต่ผู้ส่งออกซื้อข้าวสารจากโรงสีเพียง 11,000 บาท มีส่วนต่าง 644 บาท ทั้งที่ควรซื้อ 11,250 บาท ซึ่งเมื่อเปิดทำการวันที่ 14 ก.พ. ระดับก็ยังทรงตัว”

ทั้งนี้การที่โรงสีเข้าร่วมประมูลไม่มากนัก เพราะติดปัญหาธนาคารกรุงไทยลดวงเงินตั๋วเงินกู้ระยะสั้นสำหรับโรงสี (P/N) แม้จะปล่อยกู้ให้กับภาคส่งออก 5,000 ล้านบาทแล้ว แต่การสนับสนุนให้ภาคส่งออกล้วน ๆ 5,000 ล้านบาท จึงไม่ถือเป็นการสนับสนุนสภาพคล่องที่แท้จริง เนื่องจากการใช้ตั๋ว P/N นั้น โรงสีต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันกับธนาคารอยู่แล้ว การที่จะออกตั๋วสัญญาใช้เงินรายครั้ง โรงสียังคงต้องมีสินค้าค้ำประกันอีก ธนาคารจะให้เงินเพียง 70% ของมูลค่าสินค้าที่สต๊อกไว้ และเท่ากับผู้กู้ต้องมีสต๊อกเองอยู่แล้ว 30% หรือมีมูลค่าน้อยกว่าหลักประกันถึง 55%

“ธนาคารควรแยกแยะลูกหนี้ดีและเสียออกจากกัน ลูกหนี้ที่มีหนี้เสียก็แก้ไขไป แต่ลูกหนี้ที่ดีต้องใช้วงเงินได้ตามปกติ เพื่อให้สามารถวางแผนทางธุรกิจได้ ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง สุดท้ายหากธนาคารยังคงยืนยันจะบริหารสัดส่วนเงินกู้ยืมโดยใช้หลักการบริหารวงเงินรวมของธนาคาร หมายถึงการที่ให้ผู้กู้ไม่สามารถกู้ได้ไม่เต็มวงเงินที่อนุมัติไว้ตามหลักประกัน ก็ควรคืนหลักประกันที่มีมูลค่ามากกว่าส่วนที่กู้ เพื่อให้ผู้กู้นำไปหาแหล่งเงินกู้อื่นเพิ่มเติม”

สำหรับความคืบหน้าในคดียึดทรัพย์นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก 5 คนที่กระทำผิดทุจริตขายข้าวแบบ G to G มูลค่าความเสียหายรวม 20,000 ล้านบาท ล่าสุดผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังกรมบังคับคดีเมื่อ 14 ก.พ. 2560 ได้รับคำยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้ส่งเอกสารขอตั้งให้กรมบังคับคดีเข้าไปดำเนินการยึดทรัพย์ กรณีศาลปกครองมีคำสั่งให้ดำเนินการยึดทรัพย์นายบุญทรงขณะที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่าได้ประชุมร่วมกับกรมบังคับคดีและส่งเอกสารไปที่นายวิษณุเครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

เอกชน 73 รายแห่ยื่นประมูลข้าวสารบิ๊กลอต3 ล้านตันแรกของปี”60 เปิดซองเสนอราคา 16 ก.พ.นี้ ฟันธง “ราคาต่ำ” เหตุจากรัฐเทบิ๊กลอต ข่าวดี G to G จีนช่วยไม่ได้ ปมตั๋วพี/เอ็นทำโรงสีขาดสภาพคล่องแก้ไม่ตก ราคาตลาดดิ่งต่อเนื่องแตะตันละ 11,000 บาท เผยพาณิชย์ยังไม่ตั้งเรื่องยึดทรัพย์ “บุญทรง” พร้อมพวก 5 คน