สวทช. – อ.ส.ค. จับมือวิจัย “โคนม” แบบครบวงจร

(4 ต.ค. 62) ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ลงนามความร่วมมือกับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพัฒนากิจการ   โคนมแบบครบวงจร หวังยกระดับกิจการโคนมด้วย วทน. เดินหน้าวิจัย ‘นมผงพันธุ์ไทย-นมอัดเม็ดพรีเมี่ยม-ผลิตภัณฑ์จากนมเพื่อผู้สูงวัย’ เฟสแรก 63-65 พร้อมลุยตลาดต่างประเทศ นำร่องบุกอาเซียน ปี 64

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์นมและเทคโนโลยีที่นำเสนอในงาน

นโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบให้ได้มาตรฐานและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลให้น้ำนมดิบมีปริมาณเพิ่มขึ้น และมีคุณภาพดีขึ้น โดยข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดการณ์ว่า ปี 2562 นี้ ความต้องการบริโภคนมจะเพิ่มขึ้น จากการที่หลายภาคส่วนร่วมกันรณรงค์การบริโภคนมของประชาชนใน ประเทศ โดยในปี 2562 คาดว่า มีปริมาณการบริโภค 1,332,180 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 8% จาก 1,233,483 ตัน ของปี 2561 ในขณะเดียวกัน การส่งออก – การนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการในตลาดนมพาณิชย์มีการผลิตเพิ่มขึ้น อีกทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีการร่วมมือกันสนับสนุนการขยายตลาดส่งออกนมสู่ประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น

ดร. ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนากิจการโคนมไทยระหว่าง สวทช. โดย  นาโนเทค และ อ.ส.ค. นับเป็นการตอบยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 ทั้งยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ที่ครอบคลุมเกษตรชีวภาพ เกษตรอัจฉริยะ เกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมชีวภาพ และยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกี่ยวกับการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเศรษฐกิจฐานชีวภาพ พัฒนาความมั่นคงด้านการเกษตรและอาหารของประเทศและชุมชน สอดคล้องกับ BCG Model ที่มุ่งจะนำประเทศไปสู่การเป็นผู้นำการผลิตอาหารคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับทุกภูมิภาคของประเทศ

“ศักยภาพของ สวทช. ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์งานด้านอุตสาหกรรมการเกษตรอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปรับปรุงพันธุ์และการบริหารจัดการพืชและสัตว์ โรงเรือนและระบบควบคุมที่สามารถปรับสภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม การตรวจวินิจฉัยโรคในพืชและสัตว์ โมเดลการจัดการเพาะปลูกพืชและทำนายผลผลิต รวมไปถึงนวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร เช่น การพัฒนาสารกลุ่ม functional ingredient อาหารปลอดภัย การตรวจสอบย้อนกลับ กระบวนการผลิตอาหารแบบขั้นสูงโดยใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data analytics) จนถึงบรรจุภัณฑ์อาหารอัจฉริยะ (smart packaging)”       ผู้อำนวยการ สวทช. ชี้

ดร. ณรงค์ฤทธิ์ วงษ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย      (อ.ส.ค.) กล่าวว่า ในฐานะที่ อ.ส.ค. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีพันธกิจหลักในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้เป็นอาชีพแก่เกษตรกรไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน พัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมนมให้ครบวงจรและมีมูลค่าเพิ่ม การสร้างความรู้ด้านกิจการโคนมและอุตสาหกรรมนม และมุ่งบริหารจัดการองค์กรให้เป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะ (HPO) ด้วยหลักธรรมาภิบาล จากภารกิจดังกล่าว อ.ส.ค. จึงได้มีการดำเนินแนวทางแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยการพัฒนาประสิทธิภาพการเลี้ยงโคนมเพื่อให้ได้น้ำนมที่ดีมีคุณภาพสูงและได้มาตรฐาน พร้อมแข่งขันกับตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียน ตลอดจนการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมโคนมโดยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาพัฒนาอุตสา หกรรมโคนมทั้งระบบ เพื่อพัฒนาในการเลี้ยงโคนม ระบบฟาร์ม การคัดเลือกสายพันธุ์ การพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบ ตลอดทั้งอุตสาหกรรมโคนมทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

ปัจจุบัน อ.ส.ค. มีการนำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการฟาร์ม โคนมประสิทธิภาพสูง (Thai-Denmark Smart Dairy Farm) ของ อ.ส.ค. ในวงเงินไม่ต่ำกว่า 55.9 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งฟาร์มโคนมสาธิตเชิงธุรกิจประสิทธิภาพสูง หรือ “Smart Farm” มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้ง Hardware และ Software เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการฟาร์มโคนมของเกษตรกร ประกอบกับปัจจุบันนโยบายการตลาดในการทำการค้าเสรีตามข้อตกลง Free Trade Area in Milk production (FTA) ที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโคนมของประเทศ ทำให้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนมผงพร่องมันเนยจากประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งมีปริมาณการนำเข้าสูงที่สุด อ.ส.ค. ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลบริหารจัดการ พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคอยู่เสมอ ความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ อ.ส.ค. ได้มีการดำเนินงานและร่วมกันหารือเพื่อขยายผลงานวิจัยและพัฒนา นำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมโคนม รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดย สวทช.จะเข้ามาดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและนวัตกรรมในกิจการโคนม พร้อมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงโคนมและผลิตภัณฑ์นมด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ให้แก่ อ.ส.ค.

“อ.ส.ค. จะดำเนินการขยายผลการวิจัยที่ได้นำมาพัฒนาแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม และยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในเชิงพื้นที่เพื่อการพัฒนากิจการโคนมแบบครบวงจรด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ตลอดทั้งการพัฒนาฐานข้อมูลและการนำองค์ความรู้และผลงานวิจัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสอดรับกลยุทธ์การตลาดของ อ.ส.ค. ตามแผนรัฐวิสาหกิจระยะ 5 ปี (2560-2564) ในการขับเคลื่อนและผลักดันผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ก้าวสู่แบรนด์นมแห่งชาติและเป็นผู้นำอุตสาหกรรมไทยในอาเซียน” ดร. ณรงค์ฤทธิ์ กล่าว

ด้าน ดร. วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. กล่าวว่า นาโนเทค สวทช. มีขีดความสามารถในการนำงานวิจัยด้านนาโนเทคโนโลยีมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตรหลากหลายรูปแบบ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ จะตอบความต้องการอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีการกักเก็บในระดับนาโน หรือ นาโนเอ็นแคปซูลเลชั่น (Nano Encapsulation Technology) ที่จะเป็นเทคโนโลยีหลักในการความร่วมมือครั้งนี้ ซึ่งหลังจากการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ นาโนเทค สวทช. เตรียมงานวิจัยที่จะตอบโจทย์สร้างนวัตกรรมกลุ่มควิก-วิน (Quick-Win) สำหรับความร่วมมือในระยะที่ 1 ปี พ.ศ. 2563-2565 ทั้งกลุ่มนมอัดเม็ดพรีเมี่ยม, นมผง และผลิตภัณฑ์จากนมเพื่อผู้สูงอายุ โดยจะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนาโนการกักเก็บในระดับนาโน ที่นาโนเทคมีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญตอบความต้องการกลุ่มควิก-วินได้

นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างเทคโนโลยีที่นำเสนอในงาน ตอบโจทย์ความต้องการครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อาทิ “การพัฒนาอาหารไฮโดรเจลกักเก็บโปรตีนแบบย่อยง่ายและอาหารเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมในลำไส้สำหรับสัตว์เศรษฐกิจ” ที่สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นอาหารโคนมในอนาคต “ชุดตรวจวิเคราะห์เชื้อปนเปื้อนในกระบวนการผลิตด้วยอนุภาคนาโนเพื่อใช้เป็นสารตรวจวัดและควบคุมคุณภาพการผลิตในโรงงาน” เพื่อการต่อยอดสู่ชุดตรวจวิเคราะห์สำหรับโคนม และ “เทคโนโลยีการกักเก็บระดับนาโนสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบอัดเม็ดที่สามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการอื่นๆ ได้ตามความต้องการ” ที่จะเป็นเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนานมอัดเม็ดพรีเมี่ยมต่อไป

ภายในพิธีลงนามความร่วมมือฯ ครั้งนี้ ยังจัดให้มีการเสวนาในหัวข้อ “นมโคไทยก้าวไกลด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม” โดยมี นายสุรักษ์ นามตะ ประธานชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค, ดร. กิตติวุฒิ เกษมวงศ์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการทีมวิจัยกระบวนการระดับนาโนเพื่ออุตสาหกรรมเกษตร (ศน.) และ นายนิคม กันยานะ นักวิชาการ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สวทช.) เข้าร่วมเสวนา รวมถึงตัวอย่างงานวิจัยของ สวทช.    ที่ตอบโจทย์การยกระดับกิจการโคนมแบบครบวงจรร่วมจัดแสดง