อ.ส.ค.เตรียมจัดงาน “Thai-Denmark Milksic Festival 2019” หวังปลุกกระแสและสร้างค่านิยมเด็กรุ่นใหม่ Gen Z ถึงGen X ให้หันมาดื่มนมไทย

อ.ส.ค.เตรียมจัดงาน “Thai-Denmark Milksic Festival 2019” หวังปลุกกระแสและสร้างค่านิยมเด็กรุ่นใหม่ Gen Z ถึงGen X  ให้หันมาดื่มนมไทย-เดนมาร์ค นมโคสดแท้100% ไม่ผสมนมผงที่ผลิตจากน้ำนมดิบของเกษตรกรไทย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้คนไทยและสนับสนุนโคนมอาชีพพระราชทานให้เป็นอาชีพที่มั่นคง ยั่งยืน อีกทั้งเป็นการผลักดันผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ก้าวสู่แบรนด์อันดับที่ 1 ที่อยู่ในใจผู้บริโภคชาวไทยภายในปี 2564

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการจัดงานไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์สิค เฟสติวัล 2019 (Thai-Denmark Milksic Festival 2019) ว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อ สืบสาน รักษา  ต่อยอด “โคนมอาชีพพระราชทาน” ซึ่งเป็นอาชีพทรงคุณค่าที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร  ทรงพระราชทานไว้ให้แก่เกษตรกรไทย ทรงเล็งเห็นว่าอาชีพการเลี้ยงโคนมจะช่วยให้ชาวไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่า ทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยได้มีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน จึงมอบหมายให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) จัดงานรณรงค์การบริโภคนมด้วยผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คภายใต้ชื่องาน “ไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์สิค เฟสติวัล 2019” (Thai-Denmark  Milksic Festival 2019) ขึ้น โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม  2562 นี้  ณ บริเวณลานเนินนุ่ม  ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม  จ.เชียงใหม่ และหมุนเวียนไปตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ

กิจกรรมครั้งนี้มีเป้าหมายชักชวนคนรุ่นใหม่ ให้หันมาดื่มนมกันเยอะๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยมุ่งหวังว่างานดังกล่าวจะสามารถรณรงค์สร้างการรับรู้และสร้างค่านิยมให้คนไทยทุกเพศ ทุกวัยที่เป็นกลุ่มลูกค้าเดิมของนมไทย-เดนมาร์คและเลือกซื้อนมไทย-เดนมาร์คเป็นประจำอยู่แล้ว ยังคงรักและนิยมดื่มนมไทย-เดนมาร์ค

โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ อายุระหว่าง 13 – 53 ปี กลุ่มGen Z (อายุ 8 – 20 ปี) ถึงกลุ่ม Gen X (อายุ 38-53 ปี) ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการในการบริโภคของตนเองได้หันมาสนใจและดื่มนมไทย-เดนมาร์คมากขึ้น

อ.ส.ค. เห็นว่ากิจกรรมรณรงค์ครั้งนี้ มีประโยชน์ในหลายด้านคือ 1.ทำให้แบรนด์ไทย-เดนมาร์คซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้รัฐวิสาหกิจของกระทรวงเกษตรมีรายได้จากอัตราการเติบโตทางการตลาดที่มั่นคงและแข็งแรงยิ่งขึ้น

2.ช่วยรองรับปริมาณน้ำนมดิบของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นในอนาคตซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรโคนมไทยไม่ต้องประสบปัญหาน้ำนมล้นตลาดเหมือนในอดีต 3.ส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดีให้กับคนไทยทั่วประเทศสอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลอีกทางหนึ่งด้วย

จากสถิติพบว่าคนไทยมีการบริโภคนมเพียง 18 ลิตร/คน/ปี และยังน้อยกว่าที่องค์การอนามัยโลก(WHO)กำหนดในขณะที่อัตราเฉลี่ยการบริโภคนมของประชากรทั่วโลกอยู่ที่ในระดับ 113 ลิตร/คน/ปี คณะอนุกรรมการรณรงค์การบริโภคนมจึงได้กำหนดเป้าหมายการเพิ่มปริมาณการดื่มนมของคนไทยจากปริมาณ 18 ลิตร เป็น 25 ลิตร/คน/ปีภายในปี 2569 ค่าเฉลี่ยความสูงของเด็กไทยยังน้อยกว่ามาตรฐานของคนเอเชีย ทำให้เห็นว่าระบบโภชนาการ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพในเด็กของไทยนั้นยังไม่ทั่วถึง แม้จะมีโครงการนมโรงเรียน แต่เด็กก็ได้ดื่มเฉพาะที่โรงเรียนถ้ามีการดื่มอย่างต่อเนื่องจะทำให้เด็กไทยมีความสูงเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

รมช.มนัญญากล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้ให้นโยบายเร่งด่วนแก่ อ.ส.ค.เร่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอาชีพการเลี้ยงโคนมให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทย ให้มีผลผลิตน้ำนมโคที่มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพมากขึ้นก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน สามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง การส่งเสริมงานวิจัยการเลี้ยงโคนมเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการฟาร์มโคนมให้แก่เกษตรกรในด้านการผลิต

การสนับสนุนให้เกิดการกระจายรายได้ให้แก่เกษตรกร พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกษตรกรมีอาชีพการเลี้ยงโคนม เพื่อรองรับความผันผวนจากปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร และให้ขยายพื้นที่การผลิตน้ำนมเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับเกษตรกรรุ่นใหม่โดยไม่ละทิ้งเกษตรกรรุ่นเก่า

ดร.ณรงค์ฤทธิ์  วงศ์สุวรรณ  ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการรณรงค์การบริโภคนม ได้กำหนดเป้าหมายการเพิ่มปริมาณการดื่มนมของคนไทยจากปริมาณ 18 ลิตรเป็น 25 ลิตร/คน/ปี ภายในปี 2569  นอกจากส่งเสริมการบริโภคนมคุณภาพดี ที่ได้มาจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยจะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยมีสุขภาพที่ดีแล้ว

ยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมนมไทยให้พัฒนายิ่งขึ้นไปอีกด้วย

“เป้าหมายกิจกรรมครั้งนี้เน้นสร้างการรับรู้ในการบริโภคนมของคนไทยครั้งสำคัญอีกทั้งยังเป็นการรณรงค์ให้เยาวชนไทยหันมาดื่มนมและเปลี่ยนความคิดว่าการดื่มนมเป็นเรื่องล้าสมัย หรือเฉพาะคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกทั้งยังเป็นเวทีในการตอกย้ำภาพลักษณ์ของนมไทย-เดนมาร์คและองค์กร มุ่งสู่การเป็น  “นมแห่งชาติ และแบรนด์อันดับที่ 1 ในใจผู้บริโภคชาวไทย (Top of Mind ) ในอุตสาหกรรมนมภายในปี 2564 ”

ดร.ณรงค์ฤทธิ์  กล่าวอีกว่า  นอกจากการส่งเสริมให้คนในประเทศบริโภคนมมากขึ้นแล้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรยังให้ความสำคัญในการสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมยุคใหม่เร่งปรับตัวรองรับการเปิดเสรีทางการค้าหรือ Free Trade Area : FTA ที่มีต่ออุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย

โดยเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมโคนมของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในยุคการค้าเสรี   ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำในส่วนต้นน้ำ ได้แก่ ผู้เลี้ยงโคนมจำเป็นจะต้องลดต้นทุนการผลิต ยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการผลิตน้ำนมดิบ สำหรับกลางน้ำจะเป็นผู้รับน้ำนมดิบไปผลิตต่อหรือแปรรูปจะต้องวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และปลายน้ำ ต้องทำการตลาดให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆทั้งในและต่างประเทศ

อ.ส.ค.ขอเชิญชวนประชาชนคนรุ่นใหม่และผู้สนใจเข้าร่วมงาน“THAI-DENMARK MILKSIC FESTIVAL 2019”  ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562  เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ. ลานเนินนุ่ม  ตําบลดอนแก้ว  อําเภอแม่ริม  จังหวัดเชียงใหม่  ร่วมสนุกกับบูธกิจกรรมต่างๆทั้งความบันเทิง และร่วมลุ้นรับของรางวัลมากมายกว่า 500,000 บาท พร้อมพบปะกับเหล่าศิลปินดารามากมาย