วช. สานพลังนักวิจัยไทย แนะแนวทางบริหารจัดการน้ำสู้ภัยแล้ง 2020

วช. สานพลังนักวิจัยไทยสู้ภัยแล้ง 2020 สนับสนุนงานวิจัยด้านการบริหารจัดการน้ำ เร่งแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพิ่มมาตรการบริหารจัดการน้ำระดับชาติอย่างยั่งยืน

เมื่อวันทึ่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนาวิชาการ “ภาวะแล้ง 2020 และ แนวทาง มาตรการ บริหารจัดการเพื่อป้องกันในอนาคต” ณ ห้องประชุมแมนดาริน ซี โรงแรมแมนดาริน สามย่าน กรุงเทพฯ

การจัดงานครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการรวมตัวของนักวิจัยด้านน้ำระดับประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศ ไทยมากกว่า 200 คน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ มุ่งสร้างความร่วมมือกันบริหารจัดการน้ำ ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญ เนื่องจากประเทศไทยต้องเผชิญปัญหาอุทกภัย-ภัยแล้งซ้ำซากเป็นประจำอยู่ทุกปี พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการดำเนินงานวิจัย ส่งต่อข้อมูลการวิจัยสู่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาครัฐบาลเพื่อผลักดันงานวิจัยสู่การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงานสัมมนากล่าวว่า วช. ให้ความสำคัญของงานวิจัยกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศ โดยประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษา ได้เสนอแนะ การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและที่ดิน โดยนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมาธิการวุฒิสภา ให้เกียรติเข้าร่วมรับฟังปัญหาเพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น ดำเนินการและส่งผ่านคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อเสนอวุฒิสภาต่อไป

นอกจากนี้ ยังนำเสนอนโยบาย การบริหารจัดการ และการปฏิบัติ เพื่อเป็นข้อเสนอและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น ในระยะสั้น การแก้ไขปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคจะพึ่งแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่จัดสรรรองรับไว้ ซึ่งต้องมีระบบกระจายน้ำที่ดี จึงต้องพึ่งแหล่งน้ำขนาดเล็ก รวมทั้งบ่อน้ำบาดาล เป็นหลัก ผลการทบทวนมาตรการที่มียังพบช่องว่างที่ควรปรับปรุงในหลายประเด็น นอกจากนั้น ด้วยภาวะการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจและสังคม วิกฤติการณ์ด้านน้ำยังคงมีความเสี่ยง ในระยะยาวประเทศจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการใช้น้ำในแต่ละพื้นที่ให้สมดุล เพื่อสร้างความมั่นคงทางน้ำ ขณะเดียวกันเน้นเพิ่มผลิตผลการใช้น้ำไปด้วยกัน

การบริหารจัดการการใช้น้ำอย่างเป็นระบบ เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนพื้นที่ เช่น การวางแผนกำหนดโควตาการใช้น้ำ ตามพื้นที่และปีน้ำ พร้อมตารางการลดน้ำตามภาวะน้ำในแต่ละรูปแบบ โดยเป็นการตกลงของชุมชน พร้อมกับการปรับโครงสร้างและแผนการใช้น้ำในอนาคต 10 ปี แต่ละลุ่มน้ำ ลุ่มน้ำย่อย และพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจ และมีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งการเสวนาครั้งนี้มีตัวแทนทั้งจากหน่วยงานหลัก จังหวัด อบจ. และตัวแทนชุมชนที่มีความสำเร็จในการจัดการแก้ไข ป้องกันปัญหาภัยแล้งได้ดี เป็นตัวอย่างของการขยายผลสู่พื้นที่อื่นได้อีกต่อไป