ยันม่าร์ จับมือ ธ.ก.ส. ลงนาม MOU สนับสนุนทุนการศึกษาลูกหลานเกษตรกร ในโครงการ ‘ยันม่าร์ ธ.ก.ส. สานฝันต้นกล้า กีฬาชุมชน’

บริษัท ยันม่าร์ เอส.พี. จำกัด ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนไทย ภายใต้โครงการ ‘ยันม่าร์ ธ.ก.ส. สานฝันต้นกล้า กีฬาชุมชน’ มอบทุนการศึกษาให้แก่ลูกหลานเกษตรกร ที่มีผลการเรียนดีและชื่นชอบกีฬาฟุตบอล จำนวน 15 ทุน มุ่งหวังให้เยาวชนไทยมีความแข็งแกร่งด้านการกีฬาและเข้าถึงโอกาสด้านการศึกษาไปพร้อมๆ กัน

นายซินจิ ซูเอนากะ ประธานบริหาร บริษัท ยันม่าร์ เอส. พี. จำกัด กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดจาก ยันม่าร์ และ ธ.ก.ส. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเยาวชนไทยที่เป็นลูกหลานเกษตรกร ที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อใช้ในด้านการศึกษา จึงร่วมกันสานต่อโครงการสานฝันต้นกล้ากีฬาชุมชนที่ยันม่าร์และหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ จัดขึ้นต่อเนื่องมาทุกปีอยู่แล้ว ให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือกันในการสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนไทยในครั้งนี้

“สำหรับบทบาทของทางยันม่าร์นั้น เราจะสานต่อจากโครงการเดิม เป็นโครงการ ยันม่าร์ ธ.ก.ส. สานฝันต้นกล้ากีฬาชุมชน โดยจะสนับสนุนทุนการศึกษาจากมูลนิธิยามาโอกะ (YSF) ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นทุนการศึกษาต่อเนื่อง จำนวน 15 ทุน ต่อปี รวมปีละ 1,080,000 บาท โดยกระจายทุนการศึกษาไปยังพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย ในส่วนของบทบาท ธ.ก.ส. จะร่วมกับยันม่าร์ ทำกิจกรรมผ่านธนาคารในสาขาแต่ละจังหวัด พร้อมตั้งเป็นจุดประชาสัมพันธ์โครงการที่ธนาคารสาขาในแต่ละพื้นที่และสื่อวิทยุที่ทางธนาคารจัดทำขึ้นด้วย”

สำหรับจุดเริ่มต้นของโครงการสานฝันต้นกล้า กีฬาชุมชนนั้น ประธานบริหารยันม่าร์ กล่าวด้วยว่า เราได้จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2556 กระทั่งปีนี้ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 เพื่อให้เยาวชนที่เรียนดีและชื่นชอบกีฬาฟุตบอล แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสทัดเทียมกับเยาวชนในพื้นที่อื่นๆ ได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรมไปแล้วในหลายพื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา สุรินทร์ พิษณุโลก สกลนคร ชัยภูมิ อุดรธานี อุบลราชธานี และ น่าน รวมเยาวชนที่มีโอกาสเข้าร่วมฝึกทักษะกีฬาฟุตบอลไปแล้วกว่า 3,300 คน พร้อมทั้งยังได้เฟ้นหาเยาวชนที่มีฝีเท้าดีเข้ารับการฝึกทักษะกีฬาฟุตบอลโดยโค้ชจากสโมสรชั้นนำ และมีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลในสโมสรเซเรโซ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และสโมสรบีจีปทุมยูไนเต็ดอีกด้วย

“ภายใต้โครงการดังกล่าว เรายังได้มอบทุนการศึกษาจากมูลนิธิยามาโอกะ ให้กับน้องๆ เยาวชนตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 120 คน คิดเป็นมูลค่ากว่า 8,640,000 บาท และได้มีเยาวชนบางส่วนได้เติบโตขึ้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพสังกัดสโมสรที่มีชื่อเสียงตามที่ตั้งใจไว้เรียบร้อยแล้วด้วย จึงนับเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่เรามุ่งตั้งใจจัดขึ้น เพื่อสานฝันให้กับเยาวชนไทยได้เข้าถึงวงการกีฬามากขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับการฝึกฝนทักษะกีฬาฟุตบอลกับโค้ชของสโมสรชั้นนำอีกด้วย” นายซูเอนะกะ กล่าว

นายธนดล ศุภผล (ฟิลม์)

นายธนดล ศุภผล (ฟิลม์) อายุ 19 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการสานฝันต้นกล้า กีฬาชุมชน จากจังหวัดสุรินทร์ เป็นปีแรก 2556 บอกเล่าถึงความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้รับจากโครงการว่า ก่อนที่จะได้เข้าโครงการ ตนเป็นนักกีฬาฟุตบอลประจำจังหวัดมาก่อน มีใจรักในกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่ ป.6 หลังจากนั้นจึงหมั่นฝึกซ้อมอย่างจริงจังมาตลอด

“ฝึกซ้อมอย่างหนัก เช้า กลางวัน เย็น ทำเต็มที่ไม่เคยท้อ จนกระทั่งได้มาเจอโครงการที่ทางยันม่าร์ จับมือกับ ธ.ก.ส. เปิดโอกาสสานฝันเพื่ออนาคตจึงตัดสินใจเข้าร่วมสมัคร และได้รับคัดเลือก ติด 1 ใน 3 หลังสโมสรบางกอกกล๊าสภายใต้การดูแลของโครงการ ‘ยันม่าร์ ธ.ก.ส. สานฝันต้นกล้า กีฬาชุมชน’ ชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองและครอบครัวก็ดีขึ้น

“ก่อนหน้านี้พ่อแม่ต้องทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อหาเงินมาส่งให้ผมเรียนค่อนข้างลำบาก แต่หลังจากได้เข้าร่วมโครงการ สามารถช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวไปได้เยอะ เพราะทางโครงการสนับสนุนทั้งค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพประจำวัน ค่าที่พัก และมีเงินเดือนให้ เงินที่ได้ก็ไม่ได้ใช้อะไร จึงส่งไปให้พ่อแม่เก็บไว้ใช้ยามจำเป็นต่อไป”

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ ยันม่าร์ มูลนิธิยามาโอกะฯ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ขอสัญญาว่าจะทำให้เต็มที่ที่สุด

เด็กชายกันตภูมิ มุ่งแซกกลาง และคุณพ่อ

ด้าน เด็กชายกันตภูมิ มุ่งแซกกลาง (เป็กกี้) อายุ 13 ปี ตัวแทนจังหวัดชัยภูมิ อีกหนึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการสานฝันต้นกล้า กีฬาชุมชน ได้รับทุนการศึกษา จำนวน 72,000 บาท ในปีล่าสุด 2563 บอกเล่าถึงความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้รับจากโครงการว่า ตนมีใจรักในกีฬาฟุตบอลและเริ่มฝึกซ้อมมาตั้งแต่ ป.3 มีคุณพ่อเป็นผู้สนับสนุนพาไปซ้อมที่สนาม หลังเลิกเรียนทุกวัน

โดยคุณพ่อ เล่าว่า เริ่มเห็นแววในตัวของลูกมาสักพัก สังเกตจากตอนที่น้องเป็กกี้เล่นฟุตบอลกับเด็กรุ่นเดียวกัน เขาฉายแววออกมา และมีทักษะการเล่นที่ดีกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน หลังจากนั้น จึงให้การสนับสนุนให้เขาทำตามความฝันอย่างเต็มที่ จนได้คัดเลือกติด 1 ใน 8 ของจังหวัด แต่การฝึกซ้อมแต่ละครั้งต้องมีค่าใช้จ่าย ทางครอบครัวก็จำเป็นต้องออกทุนทรัพย์ส่วนตัวเองทั้งหมด แต่หลังจากที่เข้าร่วมโครงการสานฝันต้นกล้า กีฬาชุมชน ทุกอย่างก็ดีขึ้น

“ผมและลูกต้องขอขอบคุณโครงการดีๆ แบบนี้ ที่เปิดโอกาสให้เด็กบ้านนอกได้มีโอกาสสานฝันตัวเองให้เป็นจริง ได้ทำสิ่งที่รัก คือการเล่นฟุตบอล และยังได้รับทุนการสนับสนุนเพื่อให้ทำตามความฝันได้สะดวกขึ้น อยากให้มีโครงการดีๆ แบบนี้ต่อไป และขอสัญญาว่าจะนำเงินทุนการศึกษาที่ได้มาใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุด” น้องเป็กกี้ และคุณพ่อ กล่าวทิ้งท้าย