มนัญญา ยึดมติ23 พ.ค.61 เดินหน้าจำกัดใช้ 3 สาร เตรียมเสนอครม.ขอ400 ล้านใช้สหกรณ์นำร่องใช้เครื่องจักรกลทำเกษตรลดการใช้สารอันตราย พบเกษตรกรเพิ่มอบรมได้แค่ 3 แสนรายหวั่นฤดูผลิตป่วนทั่วประเทศ เพราะห้ามขายสารเคมีเกษตรกรที่ไม่มีใบเขียว

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์    รมช.เกษตรและสหกรณ์   เปิดเผยว่า  ได้เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีของบประมาณ  400  ล้านเพื่อให้สหกรณ์การเกษตรกว่า 200 แห่งจัดหาบริการสมาชิกภายใต้การแนะนำของสำนักเครื่องจักรกลกรมวิชาการเกษตร และยังได้ติดตามวาระการประชุมของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่จะพิจารณาเรื่องมาตรฐานไอเอสโอ 3 ฉบับที่กระทรวงเกษตรฯเสนอเพื่อจะให้บริษัทผู้นำเข้า ผู้ผลิตสารเคมี ตลอดจนร้านจำหน่าย จะต้องปฏิบัติเพื่อเป็นการคุ้มครองเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม    ซึ่งเมื่อเรื่องนี้ผ่านก็คิดว่าทุกบริษัทพร้อมดำเนินการเพราะทำมาค้าขายกันมาเป็นร้อยปี ควรที่จะลงทุนเพิ่มเพื่อเกษตรกรและประชาชน

ทั้งนี้ได้ให้นายสุกรรจ์   สังข์วรรณะ  เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย เข้าพบพร้อมแกนนำเครือข่าย  ตามที่ได้ทำหนังสือมา ซึ่งในการหารือตน ได้ยืนยันมาตรการที่กำลังดำเนินการคือยึดมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย 23พ.ค  2561  ที่ให้จำกัดการใช้ 3 สารคือพาราควอต ครอล์ไพริฟอส และไกลโฟเซต   และประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5 ฉบับ เพื่อให้มีการดำเนินการสู่มาตรการจำกัดการใช้ ทราบว่าหลายมาตรการยังไม่มีคืบหน้า

“ขณะนี้เรื่องขอ 400 ล้านทำโครงการนำร่องให้สหกรณ์ใช้เครื่องจักรกลการเกษตรลดการใช้ปุ๋ยเสนอแล้วเรื่องอยู่ที่สำนักงบประมาณ    เพราะนโยบายไม่ได้มองเฉพาะ 3 สารเคมีที่พูดกัน แต่ดิฉันมองภาพรวมการลดการใช้สารเคมีทั้งหมด และมองถึงระบบการผลิตสารเคมีเกษตรที่ต้องมีมาตรฐานการผลิตที่ดี  ดังนั้นเรื่องการแบนตามมติกรรมการวัตถุอันตรายก็จะเป็นโอกาสต่อไป  ระหว่างนี้จึงต้องเร่งเรื่องประกาศไอเอสโอ เพราะจะเป็นการกำหนดให้บริษัทเหล่านั้นต้องปฏิบัติและเจ้าหน้าที่จะสามารถตรวจสอบได้ จะไม่มีเรื่องใต้ดินอีกต่อไป  ซึ่งขณะนี้หากใครลองให้เกษตรกรไปซื้อสารเคมีที่จำกัดการใช้ และไม่มีเอกสารใบเขียว ดิฉันก็เชื่อว่าจะมีการขายให้ เกษตรกรก็จะซื้อ  ไม่อยากให้มีภาพอย่างนี้เกิดขึ้น “  รมช.เกษตรฯกล่าว

สำหรับประกาศกำหนดให้เกษตรกรผู้ใช้ลงทะเบียนเพื่ออบรมและระบุชนิดพืชและสารที่ต้องการใช้  ซึ่งพบว่ามีเกษตรกรลงทะเบียน 6 ราย แต่มาอบรมประมาณ  3 แสนราย  ซึ่งกลุ่มนี้จะมีหนังสือรับรองหรือใบเขียวสำหรับไปสำแดงเพื่อซื้อสารเคมีเกษตรที่จำกัดการใช้  ซึ่งในการหารือนายสุกรรจ์ระบุว่ามีเกษตรกรประมาณ  1.7 ล้านราย  ในพืชยางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อย และมันสำปะหลัง จากที่ลงทะเบียนตามประกาศเพียง 6 แสนราย ควรจะอบรมทั้งหมด  ซึ่งในเรื่องนี้จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) เพื่อจะได้หาทางออกรวมกัน ดังนั้นหากไม่เร่งดำเนินการเปิดฤดูทำการเกษตรจะวุ่นวาย

ในขณะที่ร้านค้าสารเคมีต้องมีการขึ้นทะเบียน การแยกประเภทสารเคมี  การทำทำป้ายสินค้าใหม่  เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกะทรวงก็พบว่ายังไม่เรียบร้อย  และได้ให้กรมวิชาการเกษตรลงไปเข้มงวดกับร้านจำหน่ายสารเคมีปลอม เพราะมีหนังสือร้องเข้ามามากโดยเฉพาะที่นครปฐมได้ให้กรมวิชาการไปตรวจสอบ