| เผยแพร่ |
|---|
เครือไทยซิน กรุ๊ป บริษัทเทรดดิ้งแถวหน้าของเมืองไทยที่เปิดดำเนินการกว่า 70 ปี เป็นผู้นำเข้าและบุกเบิกแบรนด์ชั้นนำทั้งจากญี่ปุ่นและยุโรปมากมาย ล่าสุดได้เปิดตัว ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารสำเร็จรูป ซึ่งเป็น Business Unit ใหม่ ที่ช่วยให้เครือไทยซิน กรุ๊ป สามารถทำตลาดเชิงรุกได้มากขึ้น เข้าถึงลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ตอบโจทย์ตลาดการค้าไร้พรมแดนในกลุ่ม CLMV
คุณสุรไกร ไพรสานฑ์กุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทในเครือไทยซิน กรุ๊ป และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอที คอสเมติค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เครือไทยซิน กรุ๊ป วางเป้าหมายเป็นเทรดดิ้งที่มี Dynamic และมี Flexibility สูงสามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะทางธุรกิจไร้พรมแดนที่เปลี่ยนไปเร็วมากๆ สำหรับการเปิดตัวเข้าสู่ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานในช่วงเวลานี้ นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะพาเครือไทยซิน กรุ๊ป ไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV
“ ซึ่งผลิตภัณฑ์เรือธง(Flagship Product) ตัวแรกคือ อาหารกระป๋องแบรนด์ “ปาปี้” การทำตลาดตามแบบฉบับของผมนั้นความ “เร็ว” คือสิ่งสำคัญในการทำตลาดโดยเฉพาะในปัจจุบัน ยุค COVID-19 จากการที่เครือไทยซิน กรุ๊ป ได้มองเทรนด์ล่วงหน้าไว้ตั้งแต่สถานะการณ์การระบาดช่วงแรกๆ จึงได้รับผลกระทบน้อยมากๆ และสามารถปรับเปลี่ยนให้มีสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทันเวลา ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และในไตรมาส 4 ปี2563 นี้ เครือไทยซิน กรุ๊ป จะมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ผลไม้กระป๋อง เงาะและสับปะรดกระป๋อง ” คุณสุรไกรกล่าว
ด้านบริษัท สตาร์ แคนเนอรี่ จำกัด เป็นผู้ผลิต กระป๋องบรรจุอาหาร-ขายในประเทศและส่งออก ต่อมาปี2552 บริษัทได้ขยายธุรกิจผลิตสับปะรดกระป๋องเพื่อการส่งออกและปี 2559 ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่การผลิตอาหารสำเร็จรูปเพื่อการส่งออกเช่น ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรลบรรจุกระป๋อง ปัจจุบันบริษัทเล็งเห็นการเติบโตของตลาดปลากระป๋องในประเทศ และ กลุ่มประเทศCLMV จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องจำหน่ายในประเทศภายใต้แบรนด์ “ปาปี้” และ “ซุปเปอร์สตาร์”
ดร.นพวัชร เจริญสินพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ แคนเนอรี่ จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เรามีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตอาหารกระป๋อง จึงมองหาพันธมิตรทางธุรกิจในการจัดจำหน่ายและทำการตลาด คือ บริษัท เอที คอสเมติก (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือไทยซิน กรุ๊ป ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการจัดจำหน่ายและทำการตลาดในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า 70 ปี
ด้านการผลิตปลากระป๋อง ทางโรงงานได้ผ่านการรับรองระบบ GMP,HACCP, และ HALAL เราเน้นคุณภาพที่ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ และใส่ใจในทุกๆขั้นตอนของการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ จนได้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปส่งถึงมือผู้บริโภค
ปกติแล้วขบวนการผลิตปลากระป๋องจะผ่านการฆ่าเชื้อระดับ commercial sterilization โดยใช้ความร้อนสูงทำลายจุลินทรีย์ซึ่งเป็นสาเหตุให้อาหารเน่าเสีย ดังนั้นปลากระป๋องทุกชนิดจึงไม่จำเป็นต้องใส่สารกันบูดหรือวัตถุกันเสีย สามารถเก็บรักษาคุณภาพได้นาน 3 ปีในอุณหภูมิห้องโดยสินค้าไม่เน่าเสีย
ดร.นพวัชร กล่าวว่า การตั้งชื่อแบรนด์ปาปี้ “PaPi”แปลว่า คุณพ่อ เพราะต้องการสื่อว่า คุณพ่อคือหัวหน้าครอบครัวที่นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทุกคนในครอบครัว ซึ่งหมายถึงลูกค้านั่นเอง แบรนด์ปาปี้มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 5 ชนิดประกอบด้วย ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ปลาแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศ ปลาทูน่าสเต๊กในน้ำเกลือ ปลาทูน่าสเต๊กในน้ำแร่ ปลาทูน่าสเต๊กในน้ำมันทานตะวัน
tag line ของปาปี้คือ ปาปี้ อร่อยตัวพ่อ โดยเริ่มจากการคัดเลือกวัตถุดิบชั้นเลิศ ที่คุณพ่ออยากให้คนในครอบครัวได้รับประทาน เพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัว สำหรับปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรล เราตั้งใจคัดปลาชิ้นใหญ่ เนื้อแน่น ไม่ยุ่ย ปรุงกับน้ำซอสที่กลมกล่อม ส่วนปลาทูน่านั้น เราคัดเลือกเฉพาะปลาโอดำ (Thunnus tonggol) หรือ ปลาทูน่าครีบเหลือง (Thunnus albacares) ซึ่งเป็นปลาสดจับได้ภายในประเทศเป็นหลัก
” เราต้องการให้ทุกเมนูที่ลูกค้าปรุงจากปลากระป๋องของเรา เพียงแค่เปิดกระป๋อง รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ เป็นเมนูที่อร่อยระดับตัวพ่อ และเป็นมื้ออาหารที่ลูกค้าได้ประโยชน์จากสารอาหารหลักๆในตัวปลาทั้งโปรตีน แคลเซียม รวมไปถึง omega 3,6, และ 9 อีกด้วย ปาปี้ขอเป็นอีกหนึ่งสินค้าคุณภาพตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทันเวลา และตอบโจทย์ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่ชอบรับประทานปลากระป๋องได้ ” ดร.นพวัชรกล่าวในที่สุด
