ไผ่บงหวานเมืองรถม้า ผลิตแบบอิงธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี สร้างรายได้งาม

พืชผักที่น่าตื่นเต้นของคนทั่วไปและต้องการที่จะชิม พอเอ่ยชื่อ คำว่า หน่อไม้ไผ่หวานกินสด ทุกคนก็จะถามว่าหน่อไม้กินสดได้จริงหรือ และมีรสชาติเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเมืองไทยเราเป็นเมืองเกษตรกรรม ชาวบ้านอยากที่จะชิม พอได้ชิมแล้วก็อยากที่จะหาพันธุ์ไปปลูก

ส่วนใหญ่ คำว่า หน่อไม้หวาน นำหน้าชื่อหน่อไม้ในปัจจุบันนั้น มีหลากหลายพันธุ์ที่มีการพัฒนาพันธุ์ขึ้นมานั้น ล้วนแต่ต้องต้มน้ำทิ้งเพื่อขจัดความเฝื่อนทิ้งไปก่อน เพราะมีความขม แต่ไผ่หวานกินสดอันนี้ กินสดได้เลยโดยไม่ต้องต้มน้ำทิ้ง

สวนไผ่หวานกินสด ที่กำลังให้ผลผลิตทุกวันในช่วงนี้

เลือกที่จะปลูก ไผ่บงหวานกินสด

อดีตพนักงานประจำบริษัทฯ ใหญ่ วัย 35 ปี คุณคมศักดิ์ ไชยวัง หรือ คุณเบิร์ด จากอำเภองาว จังหวัดลำปาง ทิ้งงานประจำที่มั่นคงจากกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นงานบริษัทที่มีชื่อเสียง สวัสดิการดี ที่มีการสอบแข่งขัน ที่จะสอบเข้าทำงานสูง ทุกคนต้องการที่จะเข้าไป ต้องมีเกรดการเรียนที่ดีพอสมควร แต่คุณคมศักดิ์ หรือ คุณเบิร์ด เลือกที่จะออกจากงาน กลับมาทำงานเกษตรที่ตนเองรัก

คุณคมศักดิ์ ไชยวัง แห่งสวนไผ่บงหวานกินสด

“ผมออกจากงานมาได้ 4 ปีกว่าแล้วครับ ผมมาคิดกับตัวเองถึงอนาคตและสิ่งที่ผมชอบและอยากทำ ผมคิดว่าการเกษตรยั่งยืน โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ ผมก็เลือกที่จะทำการเกษตรหลายอย่าง แต่ผมสนใจมากที่สุดคือ หน่อไม้ไผ่หวานกินสด ผมคิดว่าตลาดยังไปได้ไกล การดูแลก็ไม่ยุ่งยาก เพราะผมตั้งใจที่จะทำการเกษตรเชิงธรรมชาติ การปลูกหน่อไม้นั้น อิงธรรมชาติมากที่สุด ป่าละเมาะที่ไหนก็มีต้นไผ่แทรก ผมคิดว่าปลูกไผ่นี่แหละที่ปรับตัวเข้ากับธรรมชาติได้ดี เพียงแค่ผมเลือกสายพันธุ์เท่านั้น และอีกอย่างหนึ่งผมต้องการที่จะเจริญรอยตามแนวพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 เรื่องของป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือการฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงแม้จะปลูกพืชเชิงเดี่ยว แต่ก็ปลูกไผ่เป็นหลัก เพราะไผ่เป็นพันธุ์พืชที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุดและคลุมดินได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น ทำให้ดินเป็นดินร่วน เช่นดินโคนไผ่ยังนิยมนำมาเพาะเมล็ดพันธุ์พืชได้ดี” คุณเบิร์ด กล่าว

เปลือกหน่อไม้ไม่มีคายมาก ผิวเปลือกสะอาด

เพราะการปลูกไผ่บงหวานกินสด หรือชื่อพันธุ์ว่า ไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง เป็นไผ่สายพันธุ์ที่ไม่มีรสขมเลย จึงสามารถกินสดได้ ใช้ทำส้มตำได้ และหากต้องการบริโภคแบบสุก เพียงแค่ลวกด้วยน้ำร้อนเพียง 5-10 นาที ก็สามารถกินแบบสุกได้เลย จะมีความหอมเฉพาะตัว และเนื้อสัมผัสจะกรอบ ไม่มีเสี้ยน

ในฤดูฝน หน่อไม้ป่า หรือหน่อไม้จากธรรมชาติก็จะมีเยอะแยะมากมาย เช่น หน่อไร่ ซึ่งเป็นที่นิยมของตลาดมากในช่วงนี้และมีราคาถูก แต่หน่อไม้ไผ่หวานก็ไม่ได้ตกไปจากการนิยมบริโภค ยังขายได้ทุกวัน เพราะรสชาติต่างกันกับหน่อไม้ธรรมชาติ เพราะว่ากินสดได้เลย เพียงปอกเปลือกก็นำมาหั่นใช้ได้แล้ว นี่แหละคือแรงบันดาลใจของหนุ่มคนนี้ นอกจากเหตุผลที่ต้องการความอิสระ และดูแลใกล้ชิดครอบครัว

การทำสวน แตกต่างจาก

งานประจำในเมืองใหญ่อย่างไร

หน่อไม้ไผ่หวานกินสด ที่สดใหม่มีขนาดของหน่อไม้กำลังดี

คุณเบิร์ด บอกว่า ทำสวนกับงานประจำแตกต่างกัน อันดับแรกได้รับรู้ถึงความอบอุ่นที่ผมมีพ่อแม่ มีญาติพี่น้องอยู่ใกล้ๆ และผมตื่นขึ้นมาก็ไม่ต้องเร่งรีบไปทำงาน เพราะเผื่อเวลารถติด คิดว่าโชคดีตรงที่มีที่ดินอยู่ต่างจังหวัด เป็นทางเลือก

“ผมเลือกที่จะปลูกหน่อไม้หวานกินสด เพราะว่าความแปลกของหน่อไม้ ผมเคยแต่ได้กินหน่อไม้ที่ต้องต้มน้ำทิ้ง 1 ครั้ง ก่อนที่จะนำมาปรุงอาหาร หรือก็ซื้อหน่อไม้ที่เขาต้มขาย ซึ่งใช้เวลาเป็นวันๆ สำหรับหน่อไม้ป่า เช่น หน่อไร่ เป็นต้น แต่หน่อไม้หวานกินสดได้ ผมทึ่งในสายพันธุ์มาก และคิดว่าต้องได้ราคาดี เพราะผมพึ่งได้ยินข่าวนี้ จึงแสวงหาต้นพันธุ์มาปลูก เรียกสายพันธุ์นี้ว่า หน่อไม้หวานเพชรน้ำผึ้ง ผมขอใช้ คำว่า หน่อไม้ไผ่บงหวานกินสด จะได้เข้าใจเลยว่ากินสดได้ ผมได้สายพันธุ์นี้มาจากจังหวัดแพร่ ผมเลือกที่จะทำเป็นสวนหน่อไม้ไผ่บงหวานกินสด ลักษณะของหน่ออ่อน ผิวเรียบ สะอาด ไม่มีขนคายหน่อไม้มาก จึงทำให้ไม่เคืองผิวหนังเวลาแกะเปลือก ทำสวนปลูกต้นไผ่บงหวานกินสด เป็นทางเลือกหนึ่งของการสร้างอาชีพที่มั่นคง ปลูกไผ่บงหวานกินสดไม่ยากครับ ก่อนอื่นเป็นเพราะผมมีพื้นฐานคือ ใจผมรักอาชีพนี้ ผมมีความสุขกับอาชีพที่ผมเลือกที่มาเป็นเกษตรกร สังคมที่อยู่บ้านนอกไกลปืนเที่ยงก็อาจจะทำให้ขาดการสังสรรค์แบบสังคมกรุง แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ถ้าคนรุ่นใหม่อย่างผม คิดที่จะเปลี่ยนแปลงอาชีพ อันดับแรกต้องมีใจที่มั่นคงที่จะเปลี่ยนแปลง เช่น ด้านสังคม และการสังสรรค์ต่างๆ อาจจะห่างหายไป หรือจางไป และต้องยอมรับได้กับการอยู่ที่ไม่ได้ศิวิไลซ์เหมือนสังคมกรุงเทพฯ ที่มีการเดินทางสะดวกสบายและไม่มีวันหลับ”

แทงหน่อได้ดีทั้งที่มีขนาดกอเล็ก

“สังคมที่ผมอยู่นั้น หลังสองทุ่มก็เงียบ ถนนจะแทบไม่มีรถ จะต้องคิดให้ดีก่อนว่าจะรับได้กับชีวิตแบบนี้  การทำสวนหน่อไม้ไผ่หวานกินสดนั้น ผมถือว่ารายได้ค่อนข้างดี ทุกวันนี้ผมจะมีลูกค้าประจำมารับที่สวนเพื่อนำไปขาย จังหวัดใกล้เคียงและขายในตัวจังหวัด ตามห้างสรรพสินค้าที่มีอยู่ในท้องถิ่น ถือว่าเป็นตลาดแคบๆ แต่ก็ไม่พอขาย มีแม่ค้าที่รับซื้อประจำต้องการให้ผมเพิ่มผลผลิต แต่ผมคิดว่าผมทำแบบไม่มีลูกจ้าง รายได้ขนาดนี้ก็เพียงพอสำหรับผมแล้วครับ” เจ้าของสวนบอก

เริ่มปลูก 1 ไร่ ขยายปลูกเพิ่มอีก 4 ไร่

การตัดแต่งลำต้นให้โปร่งโล่ง จะให้ผลผลิตสูง

คุณเบิร์ด เริ่มปลูกจาก 1 ไร่ ปลูก 250 ต้น ในปี พ.ศ. 2557 ขยายปลูกเพิ่ม 4 ไร่ จำนวน 900 ต้น เมื่อตัดหน่อขาย ก็เป็นที่ตอบรับได้ดี จึงขยายพันธุ์ในปีนี้อีก 4 ไร่ รวมเป็น 5 ไร่ โดยใช้กิ่งพันธุ์จาก 1 ไร่ ของตนเองมาขยายพันธุ์ปลูก  ข้อดีของการปลูกหน่อไม้ก็คือ ไม่จำเป็นต้องเพาะชำก็ได้ เพียงแต่ขุดลำไผ่ที่มีราก นำไปปลูกได้เลย เพื่อการงอกรากใหม่ โดยเพาะชำและปลูกในหลุมในเวลาเดียวกันได้เลย เพียงแต่ดูแลเรื่องโรคและแมลงในการปลูกครั้งแรกโดยรองก้นหลุมด้วยปูนขาวกันมดกัดกินรากก็พอแล้ว

เทคนิคการแต่งกอ

เพื่อให้หน่อมีขนาดใหญ่

เป็นสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง เดือนที่ 8 ก็แทงหน่ออ่อน

การแต่งกอไผ่นั้น มีความสำคัญต่อผลผลิตในครั้งต่อไปมาก จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะต้นไผ่นั้นต้องการภายในกอโล่ง โปร่ง เพื่อการระบายน้ำและระบายความร้อน ไล่ความชื้นกันรากเน่าได้ ถ้าปล่อยให้ต้นไผ่อัดกันแน่นเกินไป ก็จะมีปัญหาเรื่องของการขุดหน่ออ่อน เราจะเรียกว่า การสร้างฟอร์มกอไผ่ เพื่อไม่ให้ต้นไผ่อัดแน่นเกินไป เพื่อให้ลำไผ่เว้นระยะห่างกัน ไม่เบียดกัน เพื่อการแตกหน่อและการเก็บเกี่ยว ในหนึ่งกอไผ่นั้น ไม่ควรให้ลำต้นไผ่เกิน 8 ลำ ต่อ 1 กอ 

การเตรียมการปลูกไผ่หวานกินสด

เก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งตอนเช้าและตอนเย็น

ไผ่หวานกินสด ปลูกได้ในดินทุกประเภท แต่ไม่เหมาะกับพื้นที่ลุ่มน้ำขัง เป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำ แต่ขอให้ดินมีความชุ่มชื้นก็จะให้หน่ออ่อนแล้ว ฉะนั้นการเตรียมดินจึงจะต้องทำให้ต้นไผ่มีดินพูนขึ้นมาหุ้มกอจะดีมาก หน่ออ่อนที่ออกมานั้นจะมีสีที่น่ากิน และรสชาติของหน่อไม้ ถ้าบ่มอยู่ภายใต้กอไผ่จะหวานและสีก็จะดูอ่อนเป็นที่ต้องการของตลาด

ผลผลิตต้นไผ่หวานที่ปลูกระยะแรก จาก 1 ลำต้นไผ่ จะให้หน่อในเดือนที่แปด ซึ่งให้ผลผลิตเร็วมาก ถ้าบำรุงให้ดีเช่น การให้น้ำสม่ำเสมอ จะให้ผลผลิตทุกเดือน จะเว้นแค่เดือนตุลาคมถึงมกราคมจะพักต้น คือปล่อยให้หน่อไม้ขึ้นเป็นลำต้น เพื่อให้ต้นหน่อไม้สะสมอาหารสำหรับการแทงหน่อใหม่ในเดือนถัดไป

ช่วงที่เหมาะแก่การปลูก

เป็นพันธุ์พุ่มเตี้ย ปรับและตัดแต่งลำไผ่ให้โปร่งเพื่อการเก็บเกี่ยวที่ง่ายขึ้น

ช่วงต้นฤดูฝน เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม (แต่สามารถปลูกได้ทุกฤดู หากพื้นที่มีน้ำเพียงพอ)​ ต้นไผ่จะปลูกห่างกันระยะ 2×2 หรือ 2×3 เมตร ไถยกร่องปลูก โดยขุดหลุมลึกประมาณ 30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อโรคในดิน

เมนูส้มตำที่ใช้หน่อไม้ไผ่หวานกินสด

เดือนตุลาคมจะเริ่มไว้ลำไผ่หรือปล่อยให้ต้นไผ่โตจนถึงเดือนพฤศจิกายน ปล่อยให้กอไผ่สร้างฟอร์มต้นขึ้นมาหรือเพิ่มลำต้นไผ่จนถึงเดือนธันวาคม จะเริ่มตัดแต่งกอไผ่ คือตัดลำไผ่ต้นที่แก่จัดออก และตัดแต่งกิ่งแขนงออก คัดเลือกลำไผ่ที่แข็งแรงเก็บไว้ เพื่อเป็นลำต้นใหม่เจริญเติบโตแทนที่เป็นลำไผ่ของปีต่อไป เพื่อจะให้หน่ออ่อนแทงขึ้นมาเป็นหน่อไม้ที่สมบูรณ์ เพื่อการเก็บเกี่ยวผลผลิตในครั้งต่อไป หลังจากนั้นก็จะใส่ปุ๋ยขี้ไก่ กอละ 1 กระสอบ ปีละครั้ง 

ที่สวนไม่ใช้สารเคมี

แทงหน่อได้ดีทั้งที่มีขนาดกอเล็ก

“ที่สวนผมไม่ใช้สารเคมี ผมคิดว่า ทุกวันนี้การเกษตรเชิงธุรกิจนั้นเต็มไปด้วยสารเคมี ของผมปลูกเชิงธุรกิจเหมือนกัน แต่ไม่ใช้สารเคมี ผมคิดว่าต้นไม้มีความยั่งยืนกว่า การใช้ปุ๋ยเคมี หน่อไม้อาจจะมีขนาดใหญ่ ได้ราคาดี ในระยะแรก แต่ก็จะได้ผลผลิตในระยะสั้น เพราะปุ๋ยเคมีจะทำให้ดินมีสภาพด้านและแข็ง จะทำให้การแทงรากของหน่อไม้แคระแกร็นได้ หลังจากนั้นคุณก็จะเสียเงินลงทุนปลูกใหม่ ราคาปุ๋ยเคมี และค่าแรงงานนั้น ถ้าคิดให้ละเอียดและคิดแบบระยะยาว จะมีราคาสูงกว่าใช้ปุ๋ยคอก”

คุณเบิร์ดบอก และกล่าวอีกว่า

“ทุกวันนี้โลกเราก็จะอยู่ยากเต็มทนแล้ว ไหนจะปัญหาสิ่งแวดล้อม ภาวะภัยแล้ง เกิดจากหลายๆ ปัจจัย โดยเฉพาะการลดพื้นที่ป่า ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ผมจึงขอเป็นส่วนหนึ่งอันน้อยนิดที่จะอนุรักษ์และอิงธรรมชาติในการทำการเกษตร เพื่อรักษาธรรมชาติที่มีทั้งสัตว์ต่างๆ รวมถึงแมลงศัตรูพืชตามห่วงโซ่อาหาร และการปรับความสมดุลของธรรมชาติ”

การตลาดและสร้างรายได้

“ทุกวันนี้เริ่มตั้งแต่เข้าหน้าฝน ผมเก็บหน่อไม้ขายได้ทุกวัน เฉลี่ยวันละ 30 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 50 บาท จากสวน คือเดือนมิถุนา-ตุลาคมนี้ ผมเก็บหน่อไผ่ขายวันละ 30 กิโลกรัม มีรายได้เฉลี่ยวันละ 1,500 บาท ถือว่าค่อนข้างดีสำหรับผมครับ ผมจะมีแม่ค้าประจำมารับถึงสวน ตอนนี้ก็มีหลายรายที่เข้ามาติดต่อ แต่ผลผลิตที่สวนมีจำกัด และขายที่ห้างเซ็นทรัล สาขาลำปาง ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรลำปาง” เจ้าของพูดถึงการตลาด

ไผ่บงหวานกินสดนั้น ตลาดยังไปได้อีกไกล เป็นอาชีพที่ไม่มีวันตาย เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งถึงความหลากหลายของพืชผัก ที่ร้านค้าผักต้องมีหน่อไม้ขาย เพื่อเพิ่มทางเลือกของพืชผักเพื่อนำไปประกอบอาหารเพื่อเมนูที่หลากหลายที่อยู่บนรายการอาหาร เช่น เมนูหน่อไม้ไผ่หวานกินสด เช่น ส้มตำหน่อไม้หวานกินสด และผัดหน่อไม้หวานกินสดหมูสับ หรือแกงเผ็ด แกงส้ม แกงเขียวหวาน เป็นต้น

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สวนภูมิคำ โดย คุณคมศักดิ์ ไชยวัง บ้านเลขที่ 24 หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านโป่ง อำเภองาว จังหวัดลำปาง โทร. 097-096-3418    

…………………………………………..

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2563


สำหรับแฟนๆ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หากต้องการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปักษ์ ส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจอ่านได้ในทุกๆ 15 วัน สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ คลิกลิ้ง https://shorturl.asia/0zJwQ 📲- Line: @matichonbook หรือ สำนักพิมพ์มติชน เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ติดต่อฝ่ายขาย 02-589-0020 ต่อ 3354