เกษตรกรลำปาง ปลูกข้าวเหนียวพันธุ์หอมนาคา เน้นผลิตเป็นข้าวปลูก อนาคตพัฒนาสร้างข้าวอินทรีย์

ข้าวหอมนาคา เริ่มดำเนินการทดสอบผลผลิต ปี 2562 ในแปลงเกษตรกร ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ในพื้นที่จังหวัดลำปาง จังหวัดพะเยา และจังหวัดเชียงราย มีเกษตรกรร่วมปลูก 31 คน พื้นที่ประมาณ 95 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 807 กิโลกรัม ต่อไร่ ได้ผลผลิตประมาณ 76 ตัน โดยการใช้ประโยชน์จากข้าวหอมเพื่อการบริโภคประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ (46 ตัน) และแลกเปลี่ยนเก็บเป็นเมล็ดพันธุ์ 40 เปอร์เซ็นต์ (30 ตัน)

พื้นที่ปลูกข้าวหอมนาคา

ในปี 2563 มีเกษตรกรสนใจปลูกข้าวหอมนาคา จำนวน 309 ราย ในพื้นที่ของประเทศจำนวน 37 จังหวัด จำนวน 106 อำเภอ พื้นที่การปลูกประมาณ 250 ไร่ โดยเกษตรกรที่สนใจจะได้รับการจัดสรรเมล็ดพันธุ์ให้คนละ 1 กิโลกรัม ซึ่งในภาคเหนือมีเกษตรกรสนใจปลูกข้าวหอมนาคา จำนวน 115 ราย ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ มีพื้นที่ปลูกประมาณ 149.8 ไร่ โดยจังหวัดลำปางมีพื้นที่ปลูกมากที่สุด จำนวน 92 ไร่ จำนวน 20 คน แบ่งพื้นที่ของสหกรณ์การเกษตรห้างฉัตร จำกัด จำนวน 58 ไร่ และเกษตรกรอื่นที่สนใจอีก 34 ไร่ รองลงมาคือจังหวัดเชียงราย โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อนเกษตรมีพื้นที่ปลูกจำนวน 50 ไร่

คุณสมาน สุภัควาณิชย์

คุณสมาน สุภัควาณิชย์ อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ที่ 6 ตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่เลือกปลูกข้าวหอมนาคา โดยเปลี่ยนพื้นที่ทำการเกษตรของตนเองบางส่วนมาปลูก เพราะมองว่าเป็นข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์มาเป็นอย่างดี สามารถต้านทานโรคและแมลงได้ ทำให้อยากนำมาปลูกลงในพื้นที่การเกษตรของตนเอง

การผลิตข้าวปลูก

คุณสมาน เล่าให้ฟังว่า มีอาชีพหลักรับราชการ และอีกไม่กี่ปีจะถึงเวลาใกล้เกษียณ จึงได้มองหาอาชีพทางการเกษตรเตรียมไว้ในอนาคต ด้วยความที่ตนเองไม่เคยลงมือทำนามาก่อน จึงได้นำนาที่ปล่อยเช่าให้กับเกษตรกรรายอื่น มาลองทำนาเอง เพื่อเป็นการทดสอบความสามารถของตนเอง เมื่อศึกษาและเรียนรู้การทำไปเรื่อยๆ จนประสบผลสำเร็จและมีผลกำไรจากการทำนาในพื้นที่ของตนเอง

ข้าวเหนียวพันธุ์หอมนาคา

“ผมทำงานราชการก็จะมีเวลาว่างวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงเช้าและเย็น ก็เลยมาทำเกษตรบนพื้นที่ของตนเอง พอได้ทำแล้วรู้สึกเลยว่ามีความสนุก เพราะว่าเราได้ผ่อนคลายจากสิ่งที่ทำ ทำให้เกิดความชอบมาเรื่อยๆ อย่างการทำนาสมัยก่อนใครๆ บอกว่าทำแล้วขาดทุน ผมเลยลองมาทำเอง มีการปรับเปลี่ยนการทำ สรุปก็ได้ผลกำไร จึงเป็นกำลังใจว่าเรามาถูกทางแล้ว และทำมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเป็นการทำนาปีละ 1 ครั้งก็ตาม สาเหตุที่เลือกทำนาปลูกข้าวหอมนาคา ผมมองว่าเป็นข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่น่าสนใจ ผมเลยมองว่าจะทำเป็นการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก และส่วนอื่นๆ ก็ส่งโรงสีเป็นข้าวหุงรับประทานได้ มองถึงความพิเศษตรงนี้ จึงเริ่มปลูกข้าวหอมพันธุ์นาคา” คุณสมาน กล่าว

คุณสมาน สุภัควาณิชย์ กับสิ่งที่รักและอยากลงมือทำ

ซึ่งการปลูกข้าวหอมนาคาสำหรับการทำเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกนั้น คุณสมาน บอกว่า หลังจากเตรียมพื้นที่นาปลูกแล้ว ก็หว่านข้าวลงไปในแปลงนาได้ทันที โดยการดูแลเหมือนการทำนาปกติ แต่ที่จังหวัดลำปางจะติดอยู่เรื่องเดียวคือหน้าแล้ง ดังนั้นการจะหว่านข้าวหรือเตรียมพื้นที่นาต้องดูช่วงฟ้าฝนให้พอดี

สำหรับการใส่ปุ๋ยให้กับข้าวหอมนาคา ซื้อปุ๋ยสูตรสำเร็จมาใส่ โดยหลังจากที่กำจัดหญ้าชุดแรกออกจากแปลง ก็ใส่ปุ๋ยได้ทันที ซึ่งอายุการปลูกข้าวหอมนาคาอยู่ที่ 4 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

“ข้าวพันธุ์หอมนาคานี่ ต้องบอกว่าค่อนข้างที่จะทนโรค ตั้งแต่ปลูกมายังไม่มีเรื่องของโรคแมลงเข้ามารบกวน ช่วยทำให้ผมสามารถประหยัดต้นทุนการผลิตไปได้ดี เฉลี่ยต้นทุนการผลิตของผมต่อไร่ อยู่ที่ 3,600 บาท นี่คือ ต้นทุนรวมทุกอย่างแล้ว ยิ่งข้าวหอมนาคาเป็นข้าวที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์มาอย่างดี เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีเรื่องของโรคแมลงเข้ามารบกวน ก็จะยิ่งทำให้เราสามารถประหยัดต้นทุนการผลิตลงไปได้ดีทีเดียว” คุณสมาน บอก

สำหรับผลผลิตข้าวหอมนาคาที่ได้ต่อไร่ เฉลี่ยอยู่ที่ 800-900 กิโลกรัม โดยราคารับซื้อสำหรับนำไปเป็นข้าวปลูกในแปลงนา จำหน่ายเป็นข้าวสด ความชื้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ส่งจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 7-10 บาท และข้าวสำหรับสีเป็นข้าวเพื่อหุงรับประทาน จำหน่ายราคาขึ้นลงตามกลไกของตลาด

รวงสวยสีทอง

ซึ่งในอนาคตสำหรับการปลูกข้าวหอมนาคานั้น คุณสมาน บอกว่า จะพัฒนาพื้นที่นาปลูกสำหรับผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกที่มีคุณภาพส่งจำหน่ายให้กับแหล่งรับซื้อในพื้นที่ เพราะมองว่าในอนาคตเกษตรกรในหลายพื้นที่อาจมีความต้องการปลูกข้าวสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้นแน่นอน ดังนั้น เพื่อไม่ให้เมล็ดพันธุ์ขาดช่วงการผลิต คุณสมานจึงอยากที่จะดำเนินการปรับเปลี่ยนพื้นที่นาของตนเองทั้งหมดมาผลิตข้าวเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกต่อไป

นึ่งสุกมีความหอมอร่อย

“สำหรับคนที่อยากจะทำเกษตรหลังเกษียณ ผมมองว่าอยากให้เริ่มตอนที่เรากำลังทำงานอยู่ เพราะว่าถ้าเราทำหลังจากเกษียณมาแล้วนี่ อาจทำให้เราหมดแรงที่จะลงมือทำได้ อย่างผมเตรียมความพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ ถ้าเราไม่ชอบแบบนี้จริงๆ เราก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ทัน อย่างตอนนี้ผมทำนา 20 ไร่ เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ผมมีความสุขมาก เพราะว่างจากงานประจำก็มาลงมือทำเกษตรได้ทันที ทำให้ผมมีเวลาว่างอยู่กับตัวเอง เหมือนสมองได้พักผ่อน ผมจึงมีความสุขในทุกๆ วัน ในการปลูกข้าวในพื้นที่ของผมเอง” คุณสมาน กล่าว

สำหรับท่านใดสนใจในเรื่องของการปลูกข้าวหอมพันธุ์นาคา ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถแลกเปลี่ยนพูดคุยหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณสมาน สุภัควาณิชย์ โทรศัพท์ 081-530-2565