แปลงใหญ่มันสำปะหลังตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี พัฒนาผลผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์ สู่การส่งออก

กลุ่มแปลงใหญ่มันสำปะหลังตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี มีจุดเด่นในเรื่องของการตลาดนำการผลิต ซึ่งตลาดมีความต้องการมันสำปะหลังอินทรีย์ จึงมีการร่วมกันผลิตมันสำปะหลังให้ได้มาตรฐานเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด

ช่วยขจัดปัญหาในเรื่องของราคาที่ผันผวน และผลผลิตล้นตลาด สามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่สูงกว่ามันสำปะหลังทั่วไป สามารถตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้ดี ผลผลิตดี และสิ่งแวดล้อมที่ดี และที่สำคัญมีตลาดที่ได้เซ็น MOU ไว้ ซึ่งทางผู้รับซื้อผลผลิตจะแจ้ง ปริมาณ คุณภาพ และราคารับซื้อล่วงหน้า โดยกลุ่มจำหน่ายผลผลิตให้กับกลุ่มบริษัทอุบลไบโอเอทานอล ในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดมากกว่า 2.5 เท่า

จึงทำให้เกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่มันสำปะหลังตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี มีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่แน่นอน และมีสุขภาพที่ดี นางสมพิศ นารัตน์ ประธานกลุ่มแปลงใหญ่มันสำปะหลังตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในการปลูกมันสำปะหลัง เกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีในการกำจัดวัชพืช และจำหน่ายมันสำปะหลังในราคาตามท้องตลาดทั่วไป 1-2 บาทต่อกิโลกรัม

ซึ่งประสบปัญหาในเรื่องความผันผวนของราคามันสำปะหลัง ขาดความปลอดภัยในการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช กรมส่งเสริมการเกษตรได้เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ จำนวน 35 ราย พื้นที่รวมกันประมาณ 356 ไร่ ได้รับปัจจัยการผลิต ส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มกันในการจัดซื้อปัจจัยการผลิต ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้รับมาตรฐาน

การรวมกลุ่มการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ด้านเครื่องจักรกลการเกษตร จัดหาเครื่องมือจำเป็นเพื่อบริการสมาชิก เช่น ผาลกำจัดวัชพืชในร่องมันสำปะหลัง ช่วยในการลดต้นทุนการผลิต นางสาวจารุณี ใจสุข สมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่มันสำปะหลังตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันพื้นที่ของกลุ่มแปลงใหญ่มันสำปะหลังตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ผ่านมาตราฐาน organic Thailand ประมาณ 115 ไร่

ซึ่งได้รับการส่งเสริมและสนุบสนุน ในเรื่องของการผลิตในรูปแบบมาตรฐานอินทรีย์ องค์ความรู้ด้านวิชาการ ปัจจัยการผลิต เทคโนโลยีในการผลิตมันสำปะหลังอินทรีย์ รวมไปถึงการตลาด โดยมีบริษัทเอกชนมารับซื้อผลผลิตในราคาที่สูงกว่าราคาทั่วไปถึง 4-5 บาทต่อกิโลกรัม มีกลุ่มอุบลไบโอเอทานอล รับซื้อผลผลิตมันสําปะหลัง ทำให้ได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด ไม่มีปัญหาผลผลิตล้นตลาด และมีตลาดส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ประเทศเกาหลีใต้ และสาธารณรัฐประชาชนจีน สร้างรายได้ประมาณ 15,000 บาทต่อไร่ และได้รับการยกระดับเป็นสหกรณ์เกษตรอินทรีย์อำเภอพิบูลมังสาหาร

ซึ่งมีแนวโน้ม ออเดอร์เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้มีรายได้เสริมในการปลูกพืชสมุนไพรเป็นแนวกันชน เช่น ตะไคร้ ข่า เตยหอม กล้วย และมะม่วง มีทั้งขายผลผลิตสด และนำมาแปรรูปเป็นน้ำมันเหลือง สบู่ และยาสระผม เป็นการสร้างรายได้เพิ่มในช่วงรอการเก็บเกี่ยวผลผลิตมันสำปะหลัง