“แปลงใหญ่สับปะรดบ้านสา” แหล่งปลูกสับปะรดปัตตาเวีย ของดีอำเภอแจ้ห่ม อร่อย ปลอดภัยมาตรฐาน GAP

พื้นที่ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีการปลูกสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย ที่มีรสชาติหวาน เนื้อฉ่ำสีเหลืองใส อร่อย ไม่กัดลิ้น เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค เนื่องด้วยสภาพพื้นที่ของหมู่บ้านมีลักษณะเป็นที่ดอนภูเขา ดินเป็นดินขาว (Marl) และสภาพภูมิอากาศเหมาะสม จึงทำให้สับปะรดบ้านสา มีคุณภาพดีเหมาะสำหรับบริโภคแบบผลสด

นายพัฒนะ วาสนา เกษตรอำเภอแจ้ห่ม สำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า พื้นที่ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง มีการปลูกสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียมานานกว่า 20 ปีแล้ว เกษตรกรปลูกแบบวิถีชาวบ้านไม่มีการใช้หลักวิชาการหรือเทคโนโลยีใดๆ เข้ามาช่วย แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศที่เหมาะสมกลับทำให้สับปะรดที่นี่มีคุณภาพดีรสชาติอร่อย แต่อย่างไรก็ตามสับปะรดบ้านสาก็ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากนัก

โดยผลผลิตส่วนใหญ่ เกษตรกรจะขายส่งเข้าโรงงานแปรรูป ซึ่งราคารับซื้อมีความผันผวนค่อนข้างมาก สำนักงานเกษตรอำเภอแจ้ห่ม จึงเห็นว่าควรจะนำโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มกัน โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า กลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดตำบลบ้านสา เพื่อให้เกษตรกรได้รับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และนำไปพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดของกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

กลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2562 มีสมาชิก 44 คน พื้นที่รวม 600 กว่าไร่ พอรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เข้าไปสนับสนุนด้านต่างๆ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร สนับสนุนงบประมาณดำเนินงานและปัจจัยการผลิต จัดทำแปลงเรียนรู้ตามระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ (สับปะรด) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการผลิตสับปะรดให้กับสมาชิก กรมพัฒนาที่ดิน จัดอบรมเรื่องการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน สอนการผลิตปุ๋ยหมักน้ำหมักชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีเรื่องการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย

การจัดการแปลงตามมาตรฐาน GAP นอกจากนี้ยังมีสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ที่เข้ามาทำโครงการหมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี “หมู่บ้านสับปะรดบ้านสา” เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้กับสมาชิกในหมู่บ้าน ผ่านกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ สร้างองค์ความรู้ด้านต่างๆ ได้แก่ เทคนิคการจัดการผลิตสับปะรดปลอดภัย การผลิตน้ำหมักชีวภาพจากสับปะรด การผลิตแยมสับปะรด การจัดการดินและปุ๋ย การพัฒนาพันธุ์สับปะรดเชิงการค้า ซึ่งการผนึกกำลังของทุกภาคส่วนที่เข้าไปช่วยเหลือในด้านต่างๆ เหล่านี้ นับเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่ให้กลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดบ้านสา มีการพัฒนาก้าวหน้าไปตามลำดับ

นายบุญส่ง แต้มดี ประธานกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดตำบลบ้านสา เล่าว่า กลุ่มแปลงใหญ่สับปะรด เกิดจากการรวมตัวกันของสมาชิกใน หมู่ 5 และหมู่ 10 ตำบลบ้านสา ซึ่งประกอบอาชีพปลูกสับปะรดมานานแล้ว เนื่องจากสภาพพื้นที่เหมาะสม ทำให้สับปะรดมีคุณภาพดีเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคและตลาดมีความต้องการ ส่งผลให้ปัจจุบันมีเกษตรกรปลูกสับปะรดคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของคนในหมู่บ้าน เรียกว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านสับปะรดก็ว่าได้ พอรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ก็ได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากทุกภาคส่วนมาโดยตลอด ทั้งงบประมาณเริ่มต้นในการดำเนินงาน สนับสนุนปัจจัยการผลิต ให้องค์ความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ จัดทำแปลงเรียนรู้ แปลงสาธิตตั้งแต่ขั้นตอนการปรับปรุงบำรุงดิน การทำปุ๋ยใช้เอง ระยะปลูกที่เหมาะสม ระบบน้ำ เทคนิคใช้พลาสติกคลุมแปลงเพื่อรักษาความชื้นในดินและป้องกันวัชพืช การจัดการแปลงตามมาตรฐาน GAP การควบคุมคุณภาพผลผลิต การเก็บเกี่ยว เป็นต้น

ซึ่งความรู้เหล่านี้เมื่อเกษตรกรสมาชิกได้นำมาใช้ในการเพาะปลูกแล้ว สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ จากเดิมที่การปลูกสับปะรด 1 ไร่ จะต้องใส่ปุ๋ยเคมีปีละ 2 ครั้ง ประมาณไร่ละ 100 กิโลกรัมต่อปี ก็หันมาผลิตปุ๋ยหมักใช้เอง ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้ครึ่งหนึ่ง ส่วนสารกำจัดวัชพืช ไดยูรอน (diuron) ที่เคยฉีดพ่นปีละประมาณ 4 กิโลกรัมต่อไร่ ตอนนี้ลดเหลือใช้ในอัตรา 720 กรัมต่อไร่ โดยต้องผสมน้ำตามที่กำหนด แล้วฉีดพ่นควบคุมวัชพืชปีละ 3 ครั้ง ซึ่งโดยรวมแล้วสมาชิกจะใช้สารกำจัดวัชพืชนี้ลดลงเหลือเพียงปีละ 2 กิโลกรัมต่อไร่ และได้ปรับเปลี่ยนมาใช้สารชีวภาพที่ผลิตไว้ใช้เองทดแทนด้วย

ขณะเดียวกันก็ได้รับความรู้เรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทำให้ผลผลิตสับปะรดเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 3-4 ตันต่อไร่ เป็น 4-5 ตันต่อไร่ ประกอบกับมีการจัดการแปลงอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ส่งผลให้ปัจจุบันสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP ครบทุกแปลง เป็นการการันตีคุณภาพและความปลอดภัยของผลผลิตสับปะรดบ้านสาได้เป็นอย่างดี ส่วนด้านการจำหน่าย สมาชิกส่วนใหญ่ประมาณ 70% จะตัดขายส่งโรงงานแปรรูป ราคาขึ้นอยู่กับตลาด ณ ขณะนั้น ส่วนสมาชิกที่เหลืออีก 30% จะขายผลสด โดยสมาชิกแต่ละรายจะขายผลผลิตของตนเองที่ กาดบ้านสา (ตลาดสดบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม) หรือตลาดใน อำเภอเมือง และบางส่วนก็มีแม่ค้ามารับซื้อถึงแปลง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 10 บาทต่อกิโลกรัม แม้ว่าราคาขายผลสดจะดีกว่า

แต่เกษตรกรจะต้องขยันใส่ใจดูแลคุณภาพมากกว่าส่งขายโรงงาน ที่สำคัญทางกลุ่มได้วางแผนจัดการผลผลิตให้มีผลผลิตออกนอกฤดู เพื่อแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดและทำให้ราคาตกต่ำ โดยเน้นให้ผลผลิตออกมาช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลไม้ภาคตะวันออกและภาคใต้ ได้แก่ ทุเรียน เงาะ มังคุด ยังไม่ออกสู่ตลาด จะทำให้ขายสับปะรดได้ปริมาณมากขึ้น “ถึงแม้ว่าสับปะรดบ้านสาจะมีคุณภาพดีรสชาติอร่อย แต่ทางด้านการตลาดยังไม่กว้างมากนัก สมาชิกขายกันเองตามตลาดในชุมชน พอมีสถานการณ์โควิด-19 ก็ส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายสับปะรดผลสดของสมาชิกอยู่บ้าง ทางกลุ่มจึงได้ประชุมหารือกันว่าจะต้องแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าและลดความสูญเสียที่เกิดจากการขายผลสดไม่ทัน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหน่วยงานเข้ามาสอนวิธีการแปรรูปผลผลิตบ้างแล้ว แต่ทางกลุ่มยังไม่ได้ดำเนินการจริงจังเนื่องจากยังไม่มีความพร้อม

ปัจจุบันทางสำนักงานเกษตรอำเภอแจ้ห่มร่วมกับผู้นำชุมชน เทศบาล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (มทร.ล้านนา) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ ช่วยกันสร้างโรงงานแปรรูปผลผลิตสับปะรด โดยขอสนับสนุนพื้นที่ของชุมชนซึ่งเคยใช้เป็นโรงงานแปรรูปปลาส้มเก่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว นำมาปรับปรุงทำเป็นโรงงานแปรรูปสับปะรด คาดว่าจะปรับปรุงเสร็จเร็วๆ นี้ มีเป้าหมายจะแปรรูปออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถเก็บรักษาได้นาน และขนส่งได้สะดวก เช่น สับปะรดกวน น้ำสับปะรด แยมสับปะรด เป็นต้น ซึ่งโรงงานแปรรูปแห่งนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่า ต่อยอดผลผลิตสับปะรดบ้านสาได้ดีขึ้น”

ประธานกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดบ้านสา กล่าวทิ้งท้าย สำหรับผู้สนใจสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย รสชาติดี ราคายุติธรรมของกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดตำบลบ้านสา ผ่านมาทางจังหวัดลำปาง สามารถแวะไปซื้อหาได้ที่ตลาดสดบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ซึ่งภายในเดือนมิถุนายน – กรกฎาคมนี้ก็จะหมดฤดูสับปะรดของปีนี้แล้ว แต่ในอนาคตทางกลุ่มฯ วางแผนจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้นต่อไป