ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
คุณธีระธรรม แก้วเพ็ญศรี บ้านเลขที่ 130 หมู่ที่ 2 บ้านหินกองเหนือ ตำบลหนองขาม อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ หนุ่มนิติกรหัวใจเกษตร ใช้เวลาว่างช่วงเช้าก่อนไปทำงาน สวมบทเป็นเกษตรกรปลูกฝรั่งกิมจู สร้างรายได้เสริมหลายแสนบาทต่อปี
คุณธีระธรรม แก้วเพ็ญศรี เล่าถึงจุดเริ่มต้นการเป็นเกษตรกรเวลาว่างว่า ปัจจุบัน ตนทำงานประจำ ในตำแหน่งนิติกรเทศบาลตำบลธาตุทอง ทำงานด้านกฎหมาย ทั้งเขียนบทกวีลงตีพิมพ์ในนิตยสารยามว่าง ซึ่งมองแล้วไม่น่าจะมาลงเอยที่การทำเกษตรได้เลย แต่ด้วยความที่มุ่งมั่นและอยากทำอาชีพเสริม ในระหว่างทำงานประจำจึงได้มองหางานเสริมที่เหมาะกับตนเองไปเรื่อยๆ ซึ่งก็หมายหลายอย่างที่น่าสนใจ จนกระทั่งมานึกคิดได้ว่าที่บริเวณหลังบ้านของตน มีสวนมะม่วงที่แม่ปลูกทิ้งไว้อยู่ประมาณ 2 ไร่ แล้วผลผลิตไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไร จึงคิดที่จะเปลี่ยนแปลงที่ดินตรงนี้เพื่อสร้างประโยชน์ให้มากกว่าเดิม ด้วยการปรับเปลี่ยนพืชที่ปลูก หันมาปลูกฝรั่งแทน เนื่องจากมองว่าในช่วงนั้นกระแสของคนรักสุขภาพกำลังมาแรง ซึ่งฝรั่งก็ถือว่าเป็นผลไม้ที่เหมาะมากสำหรับคนที่รักสุขภาพ เพราะเป็นพืชที่มีวิตามินสูง ซื้อง่าย ขายคล่อง ตลาดมีความต้องการตลอดทั้งปี จึงเป็นที่มาของการปลูกฝรั่งและยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสวมบทบาทเป็นเกษตรกรวันว่างอีกด้วย
ปลูกฝรั่งกิมจู 500 ต้น ผลผลิตสูง
2-2.5 ตัน ต่อไร่ สร้างรายได้หลายแสนต่อปี
เจ้าของบอกว่า เริ่มต้นลงมือปลูกฝรั่งครั้งแรก จำนวน 350 ต้น ซึ่งในช่วงการเริ่มต้นปลูกผลผลิตในรอบแรกผลที่ออกมาก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากยังขาดประสบการณ์ในการทำเกษตร หรือเรียกง่ายๆ ว่ามีความรู้เท่ากับศูนย์ก็ว่าได้ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ปลูกออกมาแล้วไม่รู้จะเอาผลผลิตไปขายที่ไหน เพราะยังเป็นมือใหม่ ไม่ได้ศึกษาการตลาดมาก่อน ก็ต้องเอาไปทิ้งให้ปลากินทั้งหมด แต่อุปสรรคตรงนี้ก็ไม่ได้ทำให้ตนลดความพยายามลง แต่กลับยิ่งเป็นแรงขับเคลื่อนให้ยิ่งต้องสู้ จนทุกวันนี้สามารถผลิตฝรั่งที่มีคุณภาพออกมาได้เป็นที่ถูกใจของผู้บริโภคทั่วไป ด้วยจุดเด่นที่รสชาติมีความหวาน กรอบ เนื้อฟู ส่งผลไปถึงเรื่องของการตลาดที่โตไวอย่างก้าวกระโดด จากที่เคยขายไม่ได้ กลายเป็นว่าผลผลิตออกมาแทบไม่พอขาย
“ในตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ผ่านมา ผมเดินบนเส้นทางสายอาชีพเป็นนักกฎหมายมาโดยตลอด การเกษตรถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่และท้าทาย อาศัยความชอบและความขยันเรียนรู้ หมั่นลองผิดลองถูกศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ถึงจะประสบผลสำเร็จอย่างทุกวันนี้ แต่นับเป็นเพียงความสำเร็จก้าวแรกเท่านั้น เพราะอาชีพการเป็นเกษตรกรสำหรับผมถือเป็นอาชีพที่มีการเรียนรู้ไม่มีจบ ไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว เพียงต้องน้อมรับและแก้ไขปัญหาไปตามสถานการณ์ที่เกิดในแต่ละวัน จนทำให้ทุกวันนี้ผมสามารถขยายพื้นที่ปลูกจากเดิม 350 ต้น เพิ่มมาเป็น 500 ต้น และสามารถผลิตฝรั่งได้มาก 2-2.5 ตัน ต่อไร่ ถือว่าเป็นผลผลิตที่ผมภูมิใจมากๆ สำหรับการทุ่มเทเวลาล้มลุกคลุกคลานมาเกือบ 2 ปี”
เทคนิคการปลูกฝรั่ง
ให้ได้ผลผลิตสูงเป็นทวีคูณ
เจ้าของบอกว่า ตามหลักแล้วการเตรียมดินสำหรับปลูกฝรั่งจำเป็นต้องมีการกำจัดวัชพืชก่อน แต่ด้วยความที่ในตอนนั้นตนเป็นมือใหม่ จึงไม่ได้มีการกำจัดวัชพืชก่อนการไถเตรียมดิน แต่เลือกที่จะไถแล้วยกร่องเลย ซึ่งประสบการณ์ในครั้งนั้นได้สอนให้รู้ว่าวิธีการเตรียมดินในการปลูกฝรั่งที่ถูกต้องนั้น จะต้องมีการกำจัดวัชพืช แล้วไถตากดินทิ้งไว้ ประมาณ 1 เดือน จากนั้นขุดหลุมปลูก ไม่ต้องกว้างมาก ประมาณ 2 หน้าจอบ รองก้นหลุมด้วยฟูราดาน ประมาณ 2 ช้อน แล้วโรยด้วยปุ๋ยขี้วัวบางๆ เสร็จแล้วนำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ลงหลุมปลูกได้เลย
ระยะปลูกระหว่างต้น… 2.5 เมตร ระหว่างแถว 3 เมตร เป็นระยะที่พอเหมาะ พยายามอย่าให้กิ่งชนกัน จะได้บริหารจัดการง่าย
ระบบน้ำ… ที่สวนจะใช้ระบบน้ำหยด ข้อดีคือ ใช้เงินลงทุนน้อย และประหยัดน้ำ และฝรั่งเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมากในช่วงเริ่มต้น อย่างที่สวนจะให้น้ำแบบวันเว้นวัน เปิดรดวันละครึ่งชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมง แต่เมื่อเข้าสู่หน้าฝนอาจจะเว้นการให้ ลงมาเหลือสัปดาห์ละครั้ง ให้ดูสภาพอากาศประกอบกันไปด้วย และค่อยเริ่มเร่งน้ำอีกครั้ง หลังจากที่เริ่มห่อผล เปลี่ยนเป็นให้ทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง ช่วงไว้ผลให้เร่งน้ำ ไม่ให้ขาด เพราะถ้าฝรั่งขาดน้ำจะทำให้เสียรสชาติ และผลจะเหี่ยวไม่ฟู
ปุ๋ย…ใส่เดือนละครั้ง โดยวิธีการใส่จะใส่ทั้งปุ๋ยอินทรีย์และเคมีลงไปพร้อมกัน ใส่ในปริมาณ ขี้วัว 1 ถังสีเล็ก และปุ๋ยเคมี ปริมาณ 1 ช้อน แล้วพอครบ 1 เดือน ให้ใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ใช้สูตรนี้ไปเรื่อยๆ
การดูแล… หลังปลูกเกษตรกรต้องคอยดูแลรักษาแปลงปลูกฝรั่งอย่างสม่ำเสมอ หมั่นตรวจแปลงสังเกตการเจริญเติบโต และถ้าเป็นไปได้ให้เดินดูให้ครบทุกต้นในสวนว่าต้นไหนมีการผสมเกสรแล้วมีผลอ่อนออกมาให้เด็ดทิ้งให้หมด จนกว่าต้นจะอายุครบ 7 เดือน ลำต้นแข็งแรงสมบูรณ์ ถึงจะสามารถไว้ผลได้
การตัดแต่งกิ่ง… เมื่อต้นเริ่มได้อายุประมาณ 2 เดือน กิ่งจะเริ่มเยอะ ให้ตัดกิ่งที่อยู่ใต้สุดออก โดยจะไว้กิ่งที่อยู่สูงจากโคนต้นขึ้นมาประมาณ 30 เซนติเมตร ขึ้นไป ต่ำกว่านี้ให้ตัดออกให้หมด ในช่วงระยะเวลา 1-2 เดือนแรก จะไม่รักษาทรงพุ่ม เพื่อจะให้ต้นแทงยอดสูงขึ้นไปก่อน ส่วนเทคนิคในการเร่งความสูงไม่มีอะไรมาก เพียงอย่าให้ขาดน้ำ
การตัด จะตัดกิ่งก็เพื่อให้กิ่งใหม่มาแตกแขนงด้านข้างลำต้น ให้ถือหลักว่ายิ่งตัดกิ่งยิ่งแตกยอด วิธีการปฏิบัติคือจะนับจากปลายยอดลงมาประมาณ 3-4 คู่ใบ แล้วตัดออก จากนั้นสักประมาณ 2 สัปดาห์ ยอดอ่อนใหม่จะแทงขึ้นมาพร้อมดอก คือ ยิ่งตัดกิ่ง ตาดอกก็ยิ่งออกมา ทำให้โอกาสติดผลสูงขึ้นด้วย ถือเป็นวิธีการเพิ่มผลผลิตอย่างทวีคูณ จากที่จะได้ผลผลิต กิ่งละ 1 ชุด แต่ถ้าตัดแต่งกิ่งจะได้ผลผลิตเพิ่มเป็น 2 ชุด แต่ก็ต้องดูความสมบูรณ์ของต้นประกอบด้วยว่าสามารถรับน้ำหนักไหวหรือไม่ แต่การไว้ผลมากเกินไปอาจทำให้ลูกเล็กและต้นโทรมเร็ว
ข้อดีของการตัดแต่งกิ่ง ช่วยทำให้ฝรั่งเกิดกิ่งอ่อน และมีช่อดอกออกมา ทำให้ต้นโปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องถึงเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเกิดโรคแมลง และเพื่อสะดวกในการดูแลจัดการเก็บเกี่ยวผลผลิต และเมื่อปลูกไว้ได้ผลผลิต 4-5 รุ่น ต้นจะเริ่มโทรม ผลจะเล็ก ไม่ค่อยตอบสนองกับปุ๋ยแล้ว จำเป็นต้องตัดทำลายกิ่งแก่ออก เพื่อให้มีกิ่งใหม่ที่สมบูรณ์ออกมาแทนที่ หรือเรียกว่า การทำสาว
วิธีการทำสาว… โดยการตัดกิ่งเก่าทิ้งให้เหลือประมาณ 3-4 กิ่ง ความสูงของต้นอยู่ที่ประมาณ 1.20 เมตร เพื่อสะดวกในการทำงาน ทำให้เก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น การห่อผลง่ายขึ้น การดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยก็ง่ายขึ้น และพอทำสาวเสร็จแล้วประมาณ 2 เดือน จะเห็นกิ่งใหม่งอกออกมาพร้อมดอก แล้วหลังจากนั้นประมาณ 4-5 เดือน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว
วิธีการห่อผล… หลังจากปลูกได้ 7 เดือน ฝรั่งจะเริ่มไว้ลูกได้ โดยจะเริ่มห่อผลฝรั่งเมื่อมีขนาดเท่าเหรียญ 5-10 หรือหลังดอกบานแล้ว 1 เดือน ถ้าช้ากว่านี้จะไม่ทันแมลงวันทอง โดยผลผลิตรุ่นแรกที่สวนจะไว้ผลผลิตต้นละไม่เกิน 20 ลูก การห่อผลในช่วงที่เริ่มต้นปลูกยังไม่มีประสบการณ์จะใช้วิธีการห่อ 2 ชั้น คือห่อด้วยถุงพลาสติกก่อน แล้วห่อทับด้วยกระดาษอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างใช้เวลานานกว่าจะห่อได้แต่ละลูก ใช้เวลาไปหลายนาที หลังจากนั้นมาจึงได้ทดลองห่อผลด้วยถุงพลาสติกกัน ยูวี เพียงชั้นเดียว แล้วผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดี ช่วยประหยัดเวลาและคุณภาพของผลก็ไม่แตกต่างกันมากนัก จึงเลือกที่จะใช้วิธีการห่อผลด้วยถุงพลาสติกกัน ยูวี เพียงชั้นเดียว
วิธีการป้องกัน และกำจัดโรคแมลง
โรคที่สำคัญของฝรั่ง คือ
- โรครากปมของฝรั่ง รักษาไม่หาย วิธีแก้ไข จำเป็นต้องตัดทิ้งแล้วปลูกทดแทนต้นเดิม
- โรคราสนิม ใช้วิธีธรรมชาติป้องกัน
สูตรที่ 1 ใช้กำมะถัน 2 ช้อน ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
สูตรที่ 2 ใช้น้ำปูนขาว 1 แก้ว ต่อน้ำ 20 ลิตร ใช้ฉีดพ่นทางใบ และ
- เพลี้ยแป้ง วิธีป้องกันเบื้องต้นคือ ฉีดพ่นด้วยน้ำส้มควันไม้ แต่ถ้าหากเอาไม่อยู่ จำเป็นต้องใช้สารเคมี และจะหยุดพ่นสารเคมีอย่างน้อย 7 วัน ก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
เทคนิคการตอนกิ่ง แนะให้ทำก่อนทำสาว… โดยใช้วิธีการตอนกิ่ง อาศัยการสังเกตบริเวณกิ่งแขนงของต้นฝรั่งกิมจูที่มีลักษณะ คือกิ่งที่ชี้ขึ้นฟ้าหรือกิ่งกระโดง เมื่อเลือกกิ่งที่มีความเหมาะสมได้แล้ว ให้เริ่มใช้มีดกรีดควั่นกิ่ง แล้วทำตุ้มตอนโดยใช้กากมะพร้าวที่แช่น้ำทิ้งไว้ 7 วัน ผสมน้ำยาเร่งราก และเครื่องดื่มชูกำลัง เอ็ม-150 เสร็จแล้วนำตุ้มตอนไปหุ้มให้รอบรอยควั่น แล้วมัดด้วยเชือกให้แน่น หลังจากตอนแล้ว ประมาณ 1 เดือน รากจะเริ่มงอก และอย่าเพิ่งรีบตัดถ้ารากยังขาวอยู่ ถือว่ารากยังอ่อน โอกาสรอดจะน้อย ควรปล่อยให้รากเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลก่อน
การตลาด ผลิตได้เท่าไร ก็ไม่พอขาย… อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การตลาดที่สวนจะมีปัญหาแค่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น สาเหตุก็เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยทั้งความเป็นมือใหม่ ประกอบกับที่ต้องทำงานประจำ จึงไม่ค่อยมีเวลาทำตลาด แต่หลังจากเริ่มปรับตัวได้ เริ่มมีการจัดสรรเวลาแบ่งเวลาที่ดีขึ้น การตลาดก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ คนในครอบครัวช่วยกันกระจายสินค้า คือ
- ตนจะใช้เวลาว่างนำฝรั่งไปขายที่ตลาดสด และโพสต์ขายผ่านช่องทางออนไลน์
- เป็นวิธีการบอกกันปากต่อปาก จนได้พ่อค้าประจำมารับซื้อถึงสวน
- คุณแม่มีแผงขายผลไม้ในโรงเรียน ท่านก็นำผลผลิตจากที่สวนไปขายด้วย และ
- ภรรยาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ค่อนข้างรู้จักคนมากหน้าหลายตา ก็สามารถกระจายสินค้าได้หลายช่องทาง ส่วนราคาขายหน้าสวน กิโลกรัมละ 25 บาท ขายปลีก กิโลกรัมละ 35-50 บาท ถือเป็นผลไม้ที่ขายได้ราคาดีมาก ผลผลิตที่ออกมาก็สามารถจัดการได้หมด จากตอนแรกที่เน่าต้องเอาทิ้งให้ปลากินหมด สามารถพลิกวิกฤตกลับมาได้
ฝากถึงมนุษย์เงินเดือนอยากทำเกษตร
“ถึงจะเป็นอาชีพเสริม ก็อยากจะแนะนำสำหรับเกษตรกรมือใหม่ว่า ไม่อยากให้ทำแบบเล่นๆ การหาความรู้ก่อนลงมือปฏิบัติสำคัญที่สุด ไม่อยากให้ทำเป็นแฟชั่น เพราะทุกอย่างมีต้นทุน อยากให้ทำแบบตั้งใจ งานเกษตรทุกคนสามารถทำได้ แต่ทำแล้วจะออกมายังไงก็อยู่ที่การเรียนรู้ด้วย สำคัญที่สุดคือ ต้องหาความรู้ก่อนลงมือทำ อย่าให้เหมือนผมที่ต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่หมดเลย และอีกเรื่องคือการบริหารจัดการเวลาอย่างไร ในขณะที่ต้องทำงานประจำควบคู่ไปด้วย” คุณธีระธรรม กล่าวทิ้งท้าย
หากใครสนใจแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องการปลูกฝรั่งกิมจู หรือสนใจสั่งซื้อสินค้าของ คุณธีระธรรม แก้วเพ็ญศรี ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทร. 093-452-6556 หรือติดต่อทางเฟซบุ๊กและไลน์ FB : ธีระธรรม แก้วเพ็ญศรี LINE : 0934526556
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2564