กกพ. จับมือ PMG มอบรางวัล เยาวชน คนรุ่นใหม่ ตระหนักรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ

“โครงการผู้นำความคิดเพื่อความตระหนักรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ” จัดขึ้นโดย บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งใน 26 โครงการผู้ได้รับทุนสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อกิจการตามมาตรา 97(5) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยทั้ง 26 โครงการ ร่วมกันขับเคลื่อนการสื่อสารภายใต้แนวคิด Clean Energy for Life : ใช้พลังงานสะอาดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDG7 พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ ของ สหประชาชาติ โดย “โครงการผู้นำความคิดเพื่อความตระหนักรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ” เป็นการสื่อสารถึง พลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ หรือ Biogas

ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน เป็นประธานพร้อมมอบรางวัลแก่นักศึกษาที่ชนะการประกวดบทความพร้อมภาพถ่ายและการประกวดผลิตคลิปสั้น ในหัวข้อ “โรงงานไฟฟ้าก๊าซชีวภาพกับการพัฒนาชุมชนยั่งยืน” โดยผลงานที่ผ่านการคัดเลือก ได้รับการเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มของโครงการ ทั้ง Website Facebook YouTube และ Twitter ภายใต้ชื่อ Biogasthailand เกิดการรับรู้เพื่อนำไปสู่การสื่อสารต่อสังคมในวงกว้าง รวมถึงส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ พลังงานที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสื่อสาร เพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ภายใต้แคมเปญ “Clean Energy for Life” หรือ “ใช้พลังงานสะอาดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน”

โดยมีกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เป็นหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงาน แคมเปญ Clean Energy for Life ขึ้นมา เพื่อให้คนไทยได้รู้และเข้าใจว่า เรามีพลังงานหมุนเวียน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) พลังงานชีวภาพ (Bio-Energy) และพลังงานขยะ (Waste to Energy) ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก สามารถนำมาใช้ผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน ควบคู่ไปกับการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการช่วยบรรเทาวิกฤตโลกร้อนที่นำไปสู่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ดร.บัณฑูร เปิดเผยว่า สำนักงาน กกพ. มีภารกิจหลักที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การส่งเสริมสังคมและประชาชนมีให้ความตระหนักรู้และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า จึงสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อกิจการตามมาตรา 97(5) ประจำปี พ.ศ. 2563 ให้แก่ “โครงการผู้นำความคิดเพื่อความตระหนักรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ” โดยมีบริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ดำเนินโครงการ เพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมเผยแพร่และส่งเสริมความรู้ด้านไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ภายใต้ แนวคิด “Clean Energy for Life ใช้พลังงานสะอาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน”

โครงการมีวัตถุประสงค์สร้างความตระหนักถึงประโยชน์ของการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ผ่านกิจกรรมอบรมและการศึกษาดูงาน การสร้าง Content เพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งจะเป็นการกระจายความรู้สู่สังคมในวงกว้างให้เข้าใจถึงประโยชน์ของพลังงานก๊าซชีวภาพ ที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อภาวะโลกร้อน และตอบโจทย์กระแสสังคมโลกที่กำลังมุ่งเน้นการเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน นายผดุงศักดิ์ เหล่ากิจไพศาล ผู้อำนวยการ บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า PMG รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับโอกาสจาก กองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงาน กกพ. เลือกให้เป็นหนึ่งใน 26 โครงการ ที่มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน์ต่อสังคม “โครงการผู้นำความคิดเพื่อความตระหนักรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ” เป็นโครงการที่มุ่งสร้างความรู้ ความเข้าใจในประโยชน์ของพลังงานก๊าซชีวภาพ นอกจากนำไปผลิตไฟฟ้าได้โดยที่ไม่สร้างมลพิษแล้ว ยังมีประโยชน์มากกว่าที่คิดมากมาย จึงเกิดแนวคิดให้เยาวชน นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ประกวดการผลิตสื่อสร้างสรรค์ประเภทบทความพร้อมภาพถ่ายและประกวดผลิตคลิปสั้น ในหัวข้อ “โรงงานไฟฟ้าก๊าซชีวภาพกับการพัฒนาชุมชนยั่งยืน” เพื่อให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นและนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ต่อบุคคลรอบข้างและในสังคมหรือชุมชนของตนเองต่อไป

อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่ตลอดโครงการ ได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าก๊าซชีวภาพผ่านกิจกรรมอบรมสัมมนามอบองค์ความรู้เกี่ยวกับพลังงานก๊าซชีวภาพ พร้อมลงพื้นที่ศึกษาดูงาน สถานที่จริง ในโรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ โดยผู้ผลิตและเจ้าหน้าที่ได้ให้ความรู้และความเข้าใจถึงกระบวนการผลิตกับนักศึกษามากกว่า 1,000 คน ใน 4 ภูมิภาค 4 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏ ในการลงพื้นที่ให้ความรู้กับนิสิต นักศึกษา