“จุรินทร์” ดัน “ยุทธศาสตร์ข้าวไทย” ได้แล้ว 6 ใน 12 พันธุ์ ลงแปลงนาใน 1 ปี พร้อมเร่งตั้งวอร์รูมติดตาม”ส่งสู่ตลาดโลก”

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ พร้อมด้วย ร.ต.ท. เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ร่วมกับสมาคมผู้รวบรวมและจําหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และสมาคมสถาบันชาวนาไทย

นายจุรินทร์ กล่าวว่า จากยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 63-67 ที่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และมีตนทำหน้าที่เป็นประธานยกร่าง ขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องสมาคมผู้ส่งข้าวไทย สมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว และเกษตรกร จนกระทั่งยุทธศาสตร์ข้าวไทยบังคับใช้ มีวิสัยทัศน์สำคัญ คือ ประเทศไทยจะต้องเดินหน้าไปสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตและการตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก โดยใช้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต เพื่อมุ่งแก้ปัญหา 2 ข้อ 1. ปัญหาการแข่งขันราคา 2. ความหลากหลายของพันธุ์ข้าวมีน้อยเริ่มสู้ไม่ได้

“ยุทธศาสตร์ข้าวไทยจึงเกิดขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น เพื่อให้ต้นทุนต่ำลง ให้สามารถแข่งราคากับคู่แข่งในตลาดโลกได้ ซึ่งเฉลี่ยต้นทุนการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาทต่อไร่ จะลดลงภายใน 5 ปีให้เหลือ 3,000 บาทต่อไร่ และผลผลิตต่อไร่ ปัจจุบันเฉลี่ยไร่ละ 465 กิโลกรัม ต้องเพิ่มเป็น 600 กิโลกรัมต่อไร่ และเพื่อเพิ่มความหลากหลายของข้าวไทยให้ผู้บริโภคโดยเร่งพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่อย่างน้อย 12 พันธุ์ ภายใน 5 ปี โดยเป็นข้าวพื้นแข็ง 4 พันธุ์ ข้าวพื้นนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวหอมไทย 2 พันธุ์ ข้าวโภชนาการสูง 2 พันธุ์ เพื่อตอบโจทย์ตลาดโลก” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

และการประกวดครั้งนี้ประสบความสำเร็จและได้ผลชัดเจน ได้ข้าวพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้น 6 พันธุ์ ซึ่งเป็นผลสัมฤทธิ์ของการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย ที่กำหนดไว้ว่าภายใน 5 ปีต้องได้ 12 พันธุ์ เพียงปี 2564-2565 ได้มาแล้ว 6 พันธุ์ และจากนี้ตั้งเป้าว่าจะเดินหน้าเพื่อนำไปสู่การปลูกในแปลงเกษตรกรเพื่อการพาณิชย์ได้จริง และต้องรีบไปขึ้นทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ที่กรมวิชาการเกษตร ตั้งเป้าว่าไม่เกิน 1 ปี ต้องให้ข้าวพันธุ์ใหม่ลงสู่แปลงนาเกษตรเพื่อการพาณิชย์ได้และเป็นการเพิ่มตัวเลขการส่งออกข้าวต่อไปในอนาคต มีสินค้าไปแข่งกับคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีก 6 ตัว ที่มีศักยภาพและมีคุณภาพ เพื่อเพิ่มจำนวนเมล็ดพันธุ์ลงไปปลูกจริงในแปลงนาเกษตรกร แล้วให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยนำไปแข่งในตลาดโลกได้โดยเร็วที่สุด และในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ใช้หลัก “รัฐหนุนเอกชนนำ” ภาคเอกชน เกษตรกรต้องเป็นตัวนำภายใต้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็งของรัฐบาล กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอมอบนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ดังนี้

Advertisement
  1. กรมการค้าต่างประเทศต้องเป็นผู้ประสานงานสำคัญ ให้ผลการประกวดข้าววันนี้เดินหน้าไปสู่ผลสัมฤทธิ์ใน 1 ปี ขอให้ลงแปลงเกษตรกร ร่วมมือกับทุกฝ่ายตั้งเป็น “วอร์รูม” ขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้เกิดผลตามเป้าจริง
  2. ทีมเซลล์แมนประเทศ ทูตพาณิชย์ทั้งหมด ต้องเดินหน้าการตลาดต่อไป รักษาตลาดเดิมเพิ่มตลาดใหม่และฟื้นตลาดเก่ากลับคืนมา เช่น ตลาดอิรัก ซาอุดีอาระเบีย ตลาดตะวันออกกลางและตลาดอื่นๆ ที่เป็นเป้าหมาย ตลาดใหม่ของประเทศ รวมสินค้าอื่นด้วย และทีมเซลล์แมนจังหวัดต้องเข้าไปมีส่วนในการผลักดันข้าวพันธุ์ใหม่ ช่วยกันสนับสนุนส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบว่ามีคุณภาพมีศักยภาพอย่างไร เพื่อผู้ส่งออกข้าวจะได้รวบรวมข้าว โรงสีจะได้สีและส่งออกได้ ส่งผลดีกับราคาข้าวในประเทศจะได้กระเตื้องขึ้น ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะเลิศและรางวัลชมเชยในการประกวดและขอแสดงความชื่นชมกับนักวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ส่งผลงานเข้าร่วมถึง 48 พันธุ์ข้าว จาก 16 แหล่งวิจัย จนทำให้เราเห็นความหวังสำหรับอนาคตข้าวไทยในตลาดโลกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ได้รับรางวัลการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวหอมไทย ได้แก่

ข้าวพันธุ์ PTT13030 ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี

Advertisement

รางวัลชมเชย ประเภทข้าวหอมไทย ได้แก่ ข้าวพันธุ์ BioH95-CNT ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท

รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวขาวพื้นนุ่ม ได้แก่ ข้าวพันธุ์ RJ44 บริษัท รวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด (มูลนิธิรวมใจพัฒนา)

รางวัลชมเชย ประเภทข้าวขาวพื้นนุ่ม

ได้แก่ ข้าวพันธุ์ CNT15171 ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท

รางวัลชนะเลิศ ประเภท ข้าวขาวพื้นแข็ง ได้แก่ ข้าวพันธุ์ PLS16348 ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก รางวัลชมเชย ประเภท ข้าวขาวพื้นแข็ง ได้แก่ ข้าวพันธุ์ CNT07001 ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท