ข้าวหอมมะลิใหม่ตราฉัตร ใช้เทคโนโลยีการจัดเก็บที่ความเย็น 15 ºc ความอร่อยที่แตกต่าง

เข้าสู่ช่วงกลางปี ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะหาข้าวหอมมะลิใหม่ที่มีวางขายในตลาดหรือห้างสรรพสินค้ารับประทานได้ค่อนข้างยาก เพราะข้าวหอมมะลิที่มีในตลาดส่วนใหญ่ก็มีอายุเพิ่มขึ้น ความสดใหม่ก็ลดลง เพราะข้าวหอมมะลิเป็นข้าวนาปีที่ออกผลผลิตแค่เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ช่วงนี้ข้าวหอมมะลิที่มีความหอม นุ่ม เหนียว จึงเป็นสินค้าที่หายากขึ้น เพราะผ่านช่วงข้าวต้นฤดูมาแล้ว แต่มีเพียงแค่ข้าวหอมมะลิใหม่ตราฉัตร ที่ยังคงเก็บรักษาความสดใหม่ หอม นุ่ม เหนียว ของข้าวให้กับผู้บริโภคได้รับประทานได้ตลอดทั้งปี ด้วยการจัดเก็บข้าวด้วยเทคโนโลยีความเย็นที่ 15 ºc

นายปุณฑริก ตติยไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า “พอถึงช่วงกลางปี ข้าวหอมมะลิใหม่ในตลาดหารับประทานได้ยาก เราจึงเล็งเห็นถึงปัญหาของผู้บริโภคดังกล่าว จึงได้นำเอาเทคโนโลยีความเย็นที่ 15 ºc มาใช้จัดเก็บข้าวสาร เพื่อล็อกความสดใหม่เอาไว้ ทำให้เรามีข้าวใหม่ได้ตลอดปี ไม่มีใครเหมือน เราอยากให้ผู้บริโภคได้รับประทานข้าวที่อร่อยในทุกๆ มื้อ ที่ไม่ใช่แค่ 1 ปีมีแค่ครั้งเดียว และด้วยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เราอยากช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ด้วยการชวนทุกคนหุงข้าวหรือทำอาหารรับประทานเองง่ายๆ ให้ทุกมื้อจากเมนูจานธรรมดา ก็กลายเป็นมื้อที่พิเศษและอร่อยได้ ด้วยข้าวหอมมะลิใหม่ตราฉัตร

นอกจากนั้น ภายใต้มาตรฐานของข้าวหอมมะลิใหม่ตราฉัตร เราคัดเลือกข้าวสายพันธุ์แท้ ผ่านการตรวจสอบ DNA โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้สามารถการันตีความเป็นมะลิแท้ 100% ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะปัจจุบันที่ราคาข้าวสารบรรจุถุงมีการปรับตัวสูงขึ้น และมีกระแสการปลอมปนกลุ่มข้าวหอมมะลิ 100% ด้วยข้าวสายพันธุ์อื่น ซึ่งมีเมล็ดข้าวที่คล้ายกัน ไม่สามารถแยกออกได้ด้วยการสังเกตจากตาเปล่า ด้วยวิธีการตรวจสอบนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้นว่าข้าวที่ผู้บริโภคซื้อไปรับประทาน เป็นข้าวหอมมะลิแท้ 100% และไม่มีการปลอมปนข้าวสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งทั้งหมดมีในข้าวหอมมะลิตราฉัตรเท่านั้น

และจากการที่เราได้ทำการสื่อสารสร้างการรับรู้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จนถึงต้นปี 2565 ทำให้ข้าวหอมมะลิใหม่ตราฉัตรได้รับความชื่นชอบจากผู้บริโภคทั่วประเทศ จนได้รับความนิยมและมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มข้าวหอมมะลิใหม่ และในปี 2565 นี้ เราจะไม่หยุดพัฒนาสินค้าให้กับผู้บริโภค โดยวางเป้ายอดขายปิดปี 2565 จำนวน 27,000 ตันข้าวสาร ซึ่งเติบโตจากปี 2564 15%”