ปลูกอินทผลัม แบบวิศวกร จัดการน้ำ-ปุ๋ย อย่างเป็นระบบ ควบคุมผลผลิตได้ตามต้องการ

ถึงเดือนมิถุนายนเข้าสู่ฤดูกาลของอินทผลัม ผลไม้ประโยชน์สูงอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ช่วยลดอาการท้องผูก รวมถึงให้พลังงานสูง บำรุงร่างกายที่อ่อนล้าให้กลับมีกำลัง ปัจจุบัน ในประเทศไทยเริ่มมีการปลูกอย่างแพร่หลาย ด้วยผลตอบแทนที่คุ้มค่า ราคาต่อกิโลกรัมค่อนข้างสูง บางสายพันธุ์สูงถึงหลักพัน แต่ถ้าหากในอนาคตกลไกการตลาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากพื้นที่ปลูกมากขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้นตามราคา ย่อมตกลงเป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้นประเด็นสำคัญคือจะทำอย่างไรให้อยู่ได้ และยังมองเห็นกำไรในยามที่ผลผลิตราคาถูกลง ที่นี่มีคำตอบ

คุณธีรภัทร มีชัย หรือ พี่น้ำ เจ้าของสวนอินทผลัม บ้านสวนมีสุข

คุณธีรภัทร มีชัย หรือ พี่น้ำ เจ้าของสวนอินทผลัมบ้านสวนมีสุข ตั้งอยู่เลขที่ 41 หมู่ที่ 9 ตําบลโนนแหลมทอง อําเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ อดีตวิศวกรดูแลอาคารในเมืองหลวง วางแผนทำการเกษตรก่อนลาออกจากงานประจำ มุ่งมั่นตั้งใจศึกษาหาข้อมูลพืชที่จะนำมาปลูกไว้สำหรับเลี้ยงตนเองและครอบครัวในยามแก่เฒ่า สุดท้าย มาลงเอยที่การปลูกอินทผลัม และฝรั่งหงเป่าสือ เป็นผลไม้สร้างรายได้ โดยการนำความรู้จากงานด้านวิศวกรมาปรับประยุกต์ใช้ในสวน ในส่วนของการจัดการระบบน้ำ ระบบไฟ ให้มีแบบแผน ช่วยลดต้นทุน แม้ในวันที่ผลผลิตราคาถูกลงก็ยังสามารถอยู่ได้แบบสบายๆ

เริ่มต้นลงมือปลูกวันแรก

พี่น้ำ เล่าถึงการวางแผนทำการเกษตรว่า ก่อนหน้านี้ตนเองทำงานเป็นวิศวกรดูแลอาคารมีเงินหลายหมื่น พร้อมกับการวางแผนล่วงหน้าก่อนออกจากงานประจำนานกว่า 5 ปี ในการเริ่มศึกษาหาพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ดินของตนเองที่กาฬสินธุ์ โดยตั้งเป้าไว้ว่า พืชชนิดนั้นจะต้องเป็นพืชที่มีมูลค่าและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน หลังจากนั้นลงมือทดลองปลูกก่อนลาออกจากงานอีก 3 ปี

ต้นเจริญเติบโตได้ดี

“หลายคนสงสัยว่าทำไมผมใช้เวลาวางแผนและลงมือนานขนาดนี้ คำตอบของผมก็เพื่อให้ได้รู้ว่าพืชที่ผมตัดสินใจเลือกปลูกว่ามันสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพพื้นดินของเราไหม และปลูกไปแล้วให้ผลผลิตได้จริงๆ เพราะถ้าหากไม่มีการวางแผนหรือทดลองปลูกก่อน ตัดสินใจลาออกจากงานมาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ถือว่าเคว้งนะ การทำเกษตรทำให้เงินจม มีค่าใช้จ่ายต่างๆ มากมาย เพราะฉะนั้นการทดลองทำเพื่อให้รู้ว่าเหมาะสมหรือจะไปรอดหรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก แต่ถ้าหากทำแล้วไปได้ดี วิเคราะห์แล้วว่าผลผลิตที่ปลูกไปจะกลับมาเลี้ยงชีพเราได้ และสามารถต่อยอดไปได้อีก จึงค่อยตัดสินใจลาออกจากงานประจำก็ยังไม่สาย”

เตรียมผสมเกสร

การปลูกอินทผลัม ให้ประสบความสำเร็จ
หัวใจสำคัญคือ การรดน้ำ-ใส่ปุ๋ย อย่างสม่ำเสมอ

พี่น้ำ บอกว่า การทำเกษตรของตนเองถือว่าได้เปรียบเกษตรกรมือใหม่หลายคนด้วยความที่มีความรู้ทางด้านวิศวกรที่สามารถนำมาปรับประยุกต์ใช้ในการทำสวนได้เป็นขั้นตอน มองเห็นทุกอย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถดูแลจัดการสวน ควบคุมปริมาณและคุณภาพของผลผลิตให้ออกมาได้ตามความต้องการ

ดอกอินทผลัม

โดยปัจจุบันที่สวนปลูกอินทผลัม จำนวน 3 ไร่ มีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ได้แก่ บาฮีเหลือง บาฮีแดง และโคไนซี เป็นต้น พันธุ์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อทั้งหมด ด้วยข้อดี คือ 1. ได้ต้นที่เกิดขึ้นจะเหมือนต้นแม่พันธุ์ทุกประการ 2. รู้เพศชัดเจน เป็นต้นเพศเมีย 100% ไม่มีการกลายพันธุ์ 3. สายพันธุ์ที่ได้เป็นสายพันธุ์มาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอยู่แล้ว และ 4. ผลผลิตที่ได้จะเหมือนกันทุกต้น ชื่อพันธุ์สามารถใช้ชื่อเดียวกันได้ ควบคุมคุณภาพได้ง่าย

อุปกรณ์ผสมเกสร 

เทคนิคการปลูกอินทผลัม

การเตรียมดินก่อนปลูก พื้นที่เดิมของที่สวนเคยปลูกมันสำปะหลังมาก่อน ต้องไถพรวนดินใหม่ และมีการใช้ปุ๋ยคอกและแกลบปรุงดินเฉพาะจุดที่จะปลูกอินทผลัม ดินที่เหมาะสมในการปลูกอินทผลัมต้องเป็นดินที่ระบายน้ำได้ดี ไม่อุ้มน้ำในหน้าฝน ไม่ขังน้ำ

ห่อผลผลิตกันแมลง

การปลูก ขุดหลุมลึก 50×50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างร่อง 8×8 เมตร 1 ไร่ ปลูกได้ 25 ต้น ใส่ปุ๋ยคอกและแกลบรองก้นหลุม เนื่องจากต้นพันธุ์ที่ใช้ปลูกไม่สูงมาก และต้องการให้ต้นเจริญเติบโตได้เร็ว จากนั้นนำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ลงหลุมปลูก

ฝนตกทุกวันอากาศชื้น หมั่นเปิดถุงเช็กผลอินทผลัมบ่อยๆ ป้องกันเชื้อรามาเยือน

การดูแลรดน้ำ-ใส่ปุ๋ย

ระบบน้ำ อินทผลัมเป็นพืชที่ขาดน้ำไม่ได้ เจ้าของสวนจำเป็นต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว เพราะน้ำมีส่วนสำคัญในทุกช่วงอายุของอินทผลัม ในช่วงต้นยังเล็กจะช่วยให้มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ต้นไม่แคระแกร็น ส่วนต้นใหญ่ที่ให้ผลผลิตแล้ว น้ำก็มีส่วนช่วยทำให้ผลผลิตออกมาสมบูรณ์ ลูกโตเช่นกัน

ยิ่งฝนตกลูกยิ่งโตเร็ว คาดการณ์กรกฎาคมเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

อัตราการรดน้ำ 2 วันรดครั้ง ต้นเล็กเปิดรดน้ำนาน 10 นาที ต้นใหญ่เปิดรดน้ำนานครึ่งชั่วโมง หรือดูตามสภาพอากาศและความชื้นของดินประกอบ โดยระบบน้ำของที่สวนเป็นระบบสปริงเกลอร์หัวเล็ก ปักไว้รอบต้น ต้นละ 3 ขา และจะรดน้ำในช่วงเช้าเท่านั้น เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ต้น เมื่อเจอแดดร้อนในช่วงกลางวันดินยังมีความชุ่มชื้นช่วยรักษาต้นไม่ให้เหี่ยวเฉาจนเกินไป แต่ถ้าหากเริ่มรดในช่วงกลางวันที่มีแดดร้อนจัดจะส่งผลต่อระบบรากของต้นอินทผลัมได้

ฝนตกมาก ผลผลิตโตเร็ว

ปุ๋ย ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขาดไม่ได้ ต้องให้อย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกันกับน้ำ ในช่วงปลูกเริ่มแรกจะมีการใส่ปุ๋ยคอกเพื่อให้ดินร่วนซุย สลับกับการใส่ปุ๋ยเคมีไปด้วย เพื่อให้ต้นและใบสมบูรณ์ แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

“อินทผลัมเป็นพืชที่ใช้ระยะเวลาปลูกค่อนข้างนานกว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 3-4 ปี ที่สวนของผมจะมีเทคนิคการใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ คือใส่ทุกเดือน ตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว ต่างกันที่ปริมาณการใส่ต่อต้นจะเพิ่มขึ้นไปตามอายุ เช่น ในปีแรกจะเน้นใส่ปุ๋ยสูตรที่ตัวหน้าสูงหน่อยเพื่อเร่งใบ เร่งยอด ให้เจริญเติบโตให้ได้มากที่สุด ใส่ปริมาณต้นละ 1-2 ช้อนโต๊ะ พอปีที่ 2 ก็ยังใส่ปุ๋ยสูตรเดิมเพิ่มเติมคือ ปริมาณการใส่ที่มากขึ้นเป็นต้นละ 2-3 ขีด เมื่อเข้าปีที่ 3 จะเห็นได้ว่าต้นเริ่มสมบูรณ์ พอที่จะคาดการณ์การออกจั่นได้ว่าจะออกในช่วงไหน ก็คือประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เพราะฉะนั้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม 2 เดือนนี้ก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นปุ๋ยสูตรที่เน้นตัวหลังสูงๆ เพื่อต้องการให้ออกดอก เช่น สูตร 8-24-24 ปริมาณต้นละ 1 กิโลกรัม หลังจากนั้นอินทผลัมจะออกจั่น จะปรับสูตรปุ๋ยให้พร้อมกับการติดลูกอีกครั้ง”

80 วันผ่านไป ผลสวยขนาดนี้

การผสมเกสร เมื่อจั่นเริ่มแตก ให้นำละอองเกสรตัวผู้ที่เก็บรวบรวมไว้มาผสมกับเกสรดอกตัวเมีย ด้วยเครื่องมือพ่นผสมเกสร หลังจากการผสมเกสรเสร็จเรียบร้อยทางสวนจะนำถุงห่ออินทผลัมมาห่อช่อดอกทิ้งไว้ประมาณ 45 วัน ด้วยถุงห่อสีขาวขนาดเล็ก 1. เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืช 2. ช่วยป้องกันกระแสลมพัดหลังจากการผสมเกสร 3. ป้องกันการเกิดเชื้อราในช่วงหน้าฝน และ 4. ป้องกันการเสียดสีของผล ช่วยทำให้ผิวสวย น่ารับประทาน หลังจากแต่งผล ห่อผลต่อเนื่องด้วยถุงห่อผลชุนฟงสีน้ำตาลขนาดใหญ่

พร้อมเก็บเกี่ยวผลผลิต

หลังจากการผสมเกสรเสร็จนับไปอีก 5 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตามฤดูกาลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม แต่การที่อินทผลัมจะออกดอกได้สมบูรณ์หรือไม่ ปัจจัยสำคัญคือสภาพอากาศของปีนั้นๆ ในบางครั้งเดือนที่วางแผนไว้ไม่ออกผลผลิตก็จะเลื่อนตามไปด้วย ซึ่งสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการออกจั่นจะอยู่ในระดับความเย็นที่ประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส นานติดกัน 5-7 วัน อินทผลัมก็จะออกดอกได้ดี

ผลผลิตดกเต็มต้น สีเหลืองสวย

ด้วงศัตรูพืชต้องระวัง ด้วงถือเป็นศัตรูพืชตัวร้ายในสวนอินทผลัม ที่สวนจะดูแลด้วยวิธีแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน คือการหมั่นสำรวจตรวจแปลงเป็นประจำ

เมล็ดเล็ก เนื้อหนา รสชาติหวาน กรอบ

“วิธีสังเกตด้วงง่ายๆ หากต้นไหนมีด้วงเจาะเข้าไป เขาจะทิ้งร่องรอยเป็นขุยๆ ไว้ที่ลำต้น ก็ต้องใช้วิธีขุดเจาะลำต้นเพื่อเอาตัวด้วงออกมาให้ได้ เพราะเมื่อไหร่ที่เอาออกมาไม่ได้ ด้วงจะเข้าไปวางไข่และเจาะกินลำต้นไปเรื่อยๆ จนต้นตายในที่สุด”

เตรียมจัดส่งลูกค้า

วางแผนความเสี่ยงก่อนปลูก
รับได้ในวันที่ราคาผลผลิตถูกลง

พี่น้ำ บอกว่า ปีนี้เป็นปีที่สองของการเก็บผลผลิตขายสู่ตลาด ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ทั้งในด้านของคุณภาพ ปริมาณผลผลิต และผลตอบรับจากลูกค้าที่ล้นหลาม สามารถขายผลผลิตหมดอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคนิคการทำตลาดแบ่งออกเป็น 2 ช่องทาง คือ

  1. แบ่งขายตลาดออนไลน์ 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีความต้องการของตลาดค่อนข้างสูง หมายความว่าผู้ขายก็ต้องมีกลุ่มของคนที่สนใจอินทผลัมด้วย เพราะถ้าหากไม่มีเป้าหมายหรือกลุ่มคนไม่สนใจ ความต้องการซื้อสินค้าเราก็จะน้อย เพราะฉะนั้นประเด็นสำคัญคือการเลือกหากลุ่มลูกค้าให้ตรงจุดขายได้แน่นอน
  2. แบ่งขายหน้าสวน 20 เปอร์เซ็นต์ ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวหรือคนที่เข้ามาศึกษาดูงานที่สวน
แบ่งขายเป็นกล่องราคาย่อมเยา

โดยปีที่ผ่านมาไปได้สวย สามารถขายอินทผลัมได้ในราคากิโลกรัมละ 400-500 บาท นับเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน แต่ถ้าหากวันใดราคาของผลผลิตถูกลง อาจจะตกลงไปเหลือราคาหลักสิบ ก็ยังยืนยันว่าจะสามารถทำกำไรให้อยู่ได้ เนื่องจากผลกระทบตรงนี้ตนเองได้คิดล่วงหน้าก่อนลงมือปลูกไว้แล้วว่า ในอนาคตอาจเกิดขึ้นได้ด้วยกลไกการตลาด หากเมื่อไหร่ที่มีจำนวนสินค้ามากๆ ราคาของสินค้านั้นๆ ก็ต้องถูกลง อินทผลัมก็เช่นกัน ที่สวนจึงได้มีการวางแผนรองรับความเสี่ยงไว้อยู่แล้ว หากวันหนึ่งราคาตกลงมาเหลือกิโลกรัมละ 30-50 บาท ก็ยังสามารถอยู่ได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณผลผลิตต่อต้นกับขั้นตอนการปลูกการดูแลที่ไม่ยุ่งยาก กำไรยังมีให้เห็นแน่นอน เมื่อวันนั้นมาถึงจริงๆ การวางแผนการตลาดถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำเกษตรให้สามารถเลี้ยงชีพและอยู่ได้อย่างมั่นคง

ฝรั่งหงเป่าสือบ้านสวนมีสุข ผลไม้สร้างรายได้ประจำเดือน

ฝากถึงมนุษย์เงินเดือนอยากทำเกษตร

“ฝากสำหรับเกษตรกรมือใหม่ที่จะมาทำเรื่องของเกษตรโดยที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน และคิดว่าตัวเองมีเงินทุนหนา มีที่ดิน อยากจะทำอะไรสักอย่าง แล้วลาออกจากงานประจำมาลงมือทำ เพราะคิดว่าสิ่งที่เราทำมันจะประสบผลสำเร็จแบบที่เราคิดไว้ อันนี้คือไม่อยากให้คาดหวังมากจนเกินไป เพราะว่าการทำเกษตรส่วนมากจะผิดหวังถ้าไม่มีการวางแผนที่ดีมาก่อน หากเราจะย้อนกลับไปทำงานประจำอย่างที่เราเคยทำมันจะลำบาก ที่นี่การที่เราทำเกษตรพืชแต่ละตัวว่าจะให้ผลผลิตมันต้องใช้เวลา พอใช้เวลาช่วงที่เรามาอยู่บ้านลงมือ ลงเงิน ลงแรงเข้าไป การที่มันจะตอบแทนเรา มันค่อนข้างใช้ระยะเวลา ไม่แนะนำให้ออกมา แต่แนะนำให้ทดลองก่อนหากงานเกษตรที่ทำสามารถเลี้ยงตัวเองได้แล้วค่อยตัดสินใจออกจากงาน” พี่น้ำ กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 084-604-1279 หรือติดต่อได้ที่ช่องทางเฟซบุ๊ก : สวนอินทผลัม บ้านสวนมีสุข