จีนอนุมัตินำเข้า “เนื้อวัว” มะกัน ความหวังลดขาดดุลของ “ทรัมป์”

หลังจากประเทศจีนสั่งแบนการนำเข้าเนื้อจากอเมริกามานาน 14 ปี ด้วยเหตุผลข้ออ้างว่าเนื้อมีการปนเปื้อนโรควัวบ้า ล่าสุดเดือนกรกฎาคมนี้ ทางการจีนก็ได้ตัดสินใจอนุมัติให้สามารถนำเข้าเนื้อจากสหรัฐอีกครั้งอย่างเป็นทางการ โดยเชื่อมั่นว่าคุณภาพและความปลอดภัยจะถูกยกระดับขึ้น

เป็นข่าวดีที่ทำให้ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำบ้าดีเดือดของสหรัฐ ที่มักจะสร้างความบาดหมางกับจีนอยู่เนืองๆ ถึงกับออกมาทวีตว่า “จีนเพิ่งจะตกลงให้ทางเราสามารถส่งออกเนื้อวัว สินค้าหลักของอเมริกาเข้าไปในประเทศได้อีกครั้ง นี่เป็นข่าวจริง!”

ช่วงหลายปีมานี้ จีนมีความต้องการบริโภคเนื้อวัวเพิ่มขึ้นสูงมากจากการที่ชนชั้นกลางภายในประเทศขยายตัว สำนักข่าวควอตซ์รายงานว่า ในปี 2015 คนจีนบริโภคเนื้อวัวเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่คนละ 5.4 กิโลกรัม/ปี ในรูปแบบฮอตพอต สเต๊ก หรือบาร์บีคิวสไตล์เกาหลี เพิ่มขึ้นจาก 5 ปีก่อนหน้าที่ชาวจีนบริโภคอยู่ที่คนละ 4.8 กิโลกรัม/ปี

ขณะที่ข้อมูลศุลกากรจีนระบุว่า ปี 2016 จีนมีการนำเข้าเนื้อวัว 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 579,836 ตัน) เพิ่มขึ้น700% จากการนำเข้าเมื่อปี 2012 ซึ่งแม้ว่าจำนวนนำเข้าจะมหาศาล แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่ผู้ผลิตเนื้อวัวในประเทศจีนก็เผชิญปัญหาผลิตได้จำกัด ไม่ทันต่อความต้องการบริโภค

ทั้งนี้ เนื้อวัวที่จีนมีการนำเข้าอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นเนื้อวัวเกรดรอง ราคาต่ำกว่า ข้อมูลจาก USDA ระบุว่า ปี 2016 มีการนำเข้าเนื้อวัวจากบราซิล 29% อุรุกวัย 27% และออสเตรเลีย 19% ขณะที่เนื้อวัวจากอเมริกาได้ชื่อว่าเป็นเนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมในหมู่คนจีน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีน “เทอร์รี แบรนสแตท” กล่าวว่า การกลับมาส่งออกเนื้อวัวให้กับจีนในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์สองประเทศ

“การส่งออกเนื้อวัวน่าจะเป็นทางหนึ่งในการลดการขาดดุลการค้าระหว่าง 2 ประเทศลงได้ มันคือก้าวแรกที่สำคัญระหว่างสหรัฐและจีน” แบรนสแตทกล่าว ทั้งเสริมว่าทางการสหรัฐยังหวังว่าจีนจะอนุมัตินำเข้าข้าวโพดและถั่วเหลืองที่มีการดัดแปลงทางพันธุกรรม และหาข้อสรุปในข้อตกลงเรื่องการซื้อขายข้าวได้ในเร็วๆ นี้

ขณะที่ “หลี่ เจิ้งฟาง” รองผู้จัดการทั่วไปของ COFCO บริษัทผู้นำเข้าเนื้อวัว กล่าวว่า ทางบริษัทได้สั่งเนื้อวัวจากสหรัฐลอตแรกแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และมองว่านี่จะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเนื้อวัวภายในประเทศได้เป็นอย่างดี
“เนื้อวัวจากอเมริกามีคุณภาพสูง และเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน เรามั่นใจว่าเราจะได้ขยายการนำเข้าเข้ามาภายในประเทศอย่างแน่นอน”

โดยบริษัทของนายหลี่ได้เริ่มขายเนื้อวัวบนหน้าเว็บไซต์แล้ว เนื้อริบอาย 180 กรัมอยู่ที่ราคา 75 หยวน (11$) แพงกว่าเนื้อวัวจากออสเตรเลียที่อยู่ที่ราคา72 หยวน

แม้การอนุมัติการนำเข้าครั้งใหม่จะสร้างประโยชน์ให้แก่ทั้ง 2 ประเทศ และสร้างทางเลือกเพิ่มขึ้นให้ชาวจีน แต่ดูเหมือนว่า “ฮ่องกง” อาจเสียประโยชน์จากดีลนี้ ไฟแนนเชียล ไทมส์

รายงานว่า ในช่วง 14 ปี ที่จีนแบนการนำเข้าเนื้อวัวสัญชาติอเมริกัน ไม่ใช่ว่าชาวจีนจะไม่สามารถหาบริโภคได้เลย เนื่องจากมีการนำเข้าเนื้อวัวสหรัฐจากตลาดมืดในฮ่องกง ในหลายๆ ภัตตาคารและร้านอาหาร

จากข้อมูลของ Rabobank ระบุว่า การที่จีนนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐได้เอง จะทำให้เนื้อวัวที่ส่งออกจากสหรัฐเข้าสู่ฮ่องกงลดน้อยลงครึ่งหนึ่ง คิดเป็นมูลค่ามากถึง 340 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม “โจว เหวินเจี๋ย” ผู้ประกอบการนำเข้ารายหนึ่งในมณฑลเจียงซู เชื่อว่าตลาดมืดฮ่องกงจะไม่ได้รับผลกระทบมากขนาดนั้น เพราะเนื้อวัวจากสหรัฐถือเป็นเนื้อเกรดพรีเมี่ยม มีราคาแพงกว่าเนื้อวัวจากออสเตรเลีย ทำให้เนื้อวัวสหรัฐในตลาดมืดฮ่องกงดำรงอยู่ต่อไป เนื่องจากราคาจะต่ำกว่าที่ส่งตรงมาจากสหรัฐ

และความชุกชุมของการลักลอบนำเข้าก็อาจสร้างเพดานราคาใหม่ให้แก่เนื้อวัวจากสหรัฐในอนาคตก็เป็นได้

 

ขอบคุณข้อมูลจากประชาชาติธุรกิจ