เตรียมยกระดับสหกรณ์ฯ พืชผักอินทรีย์หนองสนิท จก. สู่ศูนย์เรียนรู้ ”เกษตรอินทรีย์” ครบวงจร จ.สุรินทร์

หลังว่างเว้นจากการทำนาก็หันมาหารายได้เสริมจากการรวมกลุ่มปลูกพืชผักอินทรีย์ ภายใต้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายธนาคารพืชผักอินทรีย์ตำบลหนองสนิท ก่อนยกระดับมาเป็น “สหกรณ์การเกษตรพืชผักอินทรีย์หนองสนิท จำกัด” ที่ผลิตผักอินทรีย์คุณภาพ สู่มือผู้บริโภคด้วยความมั่นใจ

ภายใต้ มาตรฐาน Organic Thailand (ผลิตภัณฑ์อินทรีย์) เกษตรอินทรีย์ มกษ.9000 เล่ม 1-2552 และแหล่งผลิตพืชอินทรีย์ รหัสรับรอง TAS : 55759 (ที่ตั้งแปลง หมู่ที่ 3 ตำบลหนองสนิท อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ พื้นที่รวม 6.50 ไร่ จำนวน 22 ชนิดพืช) ด้วยกระบวนการผลิตตามธรรมชาติ ในขั้นตอนการปลูก ดูแลรักษา เก็บเกี่ยว ทำความสะอาด และบรรจุภัณฑ์ ที่ผู้บริโภคจะได้รับสิ่งที่ดีและปลอดภัยที่สุด ผ่านตลาดจริงใจ Tops market (Robinson จังหวัดสุรินทร์) โรงพยาบาลสุรินทร์ โรงพยาบาลรัตนบุรี โรงพยาบาลสนม โรงพยาบาลจอมพระ โรงพยาบาลเขวาสินรินทร์ ร้านอาหารในพื้นที่ รวมทั้งร้าน Super market ของสหกรณ์

นายโฆษิต แสวงสุข อดีตประธานสหกรณ์การเกษตรพืชผักอินทรีย์หนองสนิท จำกัด ในฐานะผู้ริเริ่มวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายธนาคารพืชผักอินทรีย์ตำบลหนองสนิทมากว่า 10 ปี ก่อนจัดตั้งเป็น “สหกรณ์การเกษตรพืชผักอินทรีย์หนองสนิท จำกัด” ในปัจจุบันเผยว่า สหกรณ์การเกษตรพืชผักอินทรีย์หนองสนิท จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 ตามดำริของ นายไกรสร กองฉลาด อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมผลผลิตเพื่อจำหน่าย ปัจจุบันมีสมาชิก 113 ราย ปลูกพืชผักหลากหลายชนิดส่งโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัด ร้านอาหาร และห้างโมเดิร์นเทรด อย่างท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต จังหวัดสุรินทร์

“ปัญหาของชาวบ้านคือปลูกแล้วผลผลิตไม่รู้จะไปขายที่ไหน ตอนนั้นยังเป็นเครือข่ายธนาคารพืชผักอินทรีย์ ท่านไกรสร กองฉลาด อดีตผู้ว่าฯ สุรินทร์มาเยี่ยมที่กลุ่ม ท่านก็มีดำริแนะนำให้จัดตั้งเป็นรูปแบบสหกรณ์  มีกฎหมายคุ้มครอง จะได้มีหน่วยงานเข้ามาดูแล เขาจะไม่ทิ้งเรา ถ้าทางกลุ่มพร้อมก็จัดตั้งได้เลย แนวคิดธนาคารผักอินทรีย์หมายความว่าทุกครั้งที่สมาชิกปลูกผักเหมือนเรามาฝากไว้ในพื้นที่สหกรณ์คล้ายธนาคาร เรานึกจะมาถอนกินหรือถอนขาย เราก็มาถอนได้ ผลกำไรจากการฝาก เราได้เอาผักไปขาย สหกรณ์ก็มีปันผลให้” นายโฆษิต ระบุ

เขาเผยต่อว่า จากจำนวนสมาชิกสหกรณ์ 113 ราย คณะกรรมการสหกรณ์ฯ จะคัดเลือก 32 คนที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองและไม่มีรายได้ เข้าร่วมโครงการปลูกผักอินทรีย์ในพื้นที่ของสหกรณ์ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 6 ไร่ โดยแบ่งเท่าๆ กันแยกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ปลูกพืชผักชนิดต่างๆ หมุนเวียนกันไปตามที่ทางสหกรณ์ได้วางแผนไว้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดในช่วงนั้น ขณะเดียวกัน สหกรณ์ก็ยังมีลูกค้าประจำ โดยส่งให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ทำให้ผลผลิตพืชผักอินทรีย์ของสหกรณ์จำหน่ายทุกวัน ทำให้สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการกับสหกรณ์ มีรายได้เฉลี่ย 4,000-4,5000 บาทต่อเดือน ส่วนสมาชิกที่ปลูกในพื้นที่ของตนเอง ผลผลิตที่ได้ก็จะส่งให้กับสหกรณ์ โดยสหกรณ์รับซื้อในราคานำตลาด

“แรกๆ เกษตรกรยังไม่มั่นใจในเรื่องราคา เราก็ปรับทัศนคติใหม่จากที่คิดว่าผักอินทรีย์ต้องขายในราคาสูง จริงๆ ราคาผักของเราสูงกว่าผักทั่วไปเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ต้องมีกำไรมาก ขอให้เกษตรกรผู้ปลูกอยู่ได้ก็พอ แต่สิ่งที่ได้คือปลอดภัยเป็นผลดีต่อสุขภาพทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค เราอย่าไปคิดว่าผักอินทรีย์ต้องมีราคาสูงเสมอไป อย่างของเราราคาสูงกว่าผักทั่วไปเฉลี่ย 5-10 บาทเท่านั้น กำไรไม่ต้องเอาเยอะ อย่างน้อยเราได้กินผักที่เราปลูก สุขภาพเราก็จะดี ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวตลาดจะเข้ามาเอง” อดีตประธานและผู้ก่อตั้งสหกรณ์ฯ เผย

อย่างไรก็ตาม นายโฆษิตยอมรับว่าขณะนี้เรื่องตลาดไม่มีปัญหา เพียงแต่ผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งปัจจุบันนอกจากส่งจำหน่ายให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ร้านอาหาร ร้านหมูกระทะ และร้านซูเปอร์มาร์เก็ตสหกรณ์แล้วยังส่งให้กับห้างท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตในจังหวัดสุรินทร์ทุกสัปดาห์ โดยแต่ละแห่งจะมีการตรวจการปนเปื้อนสารเคมีอย่างละเอียดทุกสัปดาห์ หากตรวจพบก็จะเป็นเรื่องใหญ่ลูกค้าจะหยุดรับออร์เดอร์ทันที ฉะนั้นทางสหกรณ์จึงมีความเข้มงวดมากในเรื่องการปลูกและการดูแลผลผลิต ส่วนในเรื่องการจัดการผลผลิตพืชผักอินทรีย์ในทุกชนิดพืชผักนั้นทางเจ้าหน้าที่ห้างท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร่วมกับคณะกรรมการสหกรณ์ วางแผนการผลิตในทุกๆ 15 วัน

“เป้าหมายของเราอยากให้คนในชุมชนหนองสนิทหันมาปลูกพืชผักอินทรีย์ 100% ซึ่งเรามีสหกรณ์รองรับผลผลิตอยู่แล้ว ทางผู้บริหารเซ็นทรัลเองก็รับปากว่าจะมาทำโรงคัดแยกผักให้ด้วย ถ้ามีปริมาณผักเข้ามากแต่ละวัน นอกจากทางเซ็นทรัลก็จะผลักดันในเรื่องของผลไม้อินทรีย์เพิ่มเติม โดยเฉพาะแก้วมังกรสีม่วง ฝรั่งกิมจู อะโวกาโด คุณวิชัย จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารของเซ็นทรัล บอกกับผมว่า อยากให้สุรินทร์เป็นเมืองปลูกแก้วมังกรสีม่วง โดยให้สหกรณ์ฯ หนองสนิทเป็นพื้นที่นำร่อง” อดีตประธานสหกรณ์การเกษตรพืชผักอินทรีย์หนองสนิท จำกัด กล่าว

นายโฆษิตยังกล่าวการเดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานสหกรณ์การเกษตรพืชผักอินทรีย์หนองสนิท จำกัด ของ นายนิรันดร์ มูลธิดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นายนิรันดร์ อ่อนนุ่ม สหกรณ์จังหวัดสุรินทร์ และคณะเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ว่าท่านมาติดตามผลการดำเนินงานของสหกรณ์และลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงผักอินทรีย์ของสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งท่านและคณะให้ความสนใจอย่างมาก พร้อมแนะนำอยากให้สหกรณ์ยกระดับเป็นศูนย์เรียนรู้พืชผักอินทรีย์ของจังหวัดสุรินทร์แบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำการผลิต กลางน้ำการแปรรูป และปลายน้ำเรื่องของการตลาด ในส่วนของสหกรณ์ก็มีความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ ฐานปฏิบัติการต่างๆ แต่ติดปัญหาไม่สามารถสร้างโรงเรือนหรืออาคารถาวรได้ เนื่องจากสถานที่ตั้งสหกรณ์เป็นที่สาธารณประโยชน์อยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองสนิท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทำหนังสือไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัด รอเพียงผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติเท่านั้น

“วันที่ท่านรองอธิบดีลงพื้นที่ ผมอยู่กับท่านตลอด พาเยี่ยมชมตามจุดต่างๆ ท่านก็ได้กำชับอยากสนับสนุนสหกรณ์ ตรงนี้เป็นศูนย์เรียนรู้พืชผักอินทรีย์ เป็นแหล่งเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ของจังหวัด อยากให้ทำครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ” อดีตประธานสหกรณ์การเกษตรพืชผักอินทรีย์หนองสนิท จำกัด กล่าวถึงข้อดำริของรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่เดินทางมาเยี่ยมชมกิจกรรมของสหกรณ์ในวันนั้น