เรื่องเล่าของวัว สัตว์คู่ไร่คู่นา

ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เขากำลังเรียกร้องให้เลิกทารุณวัวกระทิง ภายใต้ชื่อเรียกอย่างเท่ว่าเป็นการสู้วัวกระทิงที่มีมาช้านาน

เรามักเข้าใจว่าการสู้วัวกระทิงมีแต่ในเสปน แต่ที่จริงมันมีกระจายไปหลายประเทศในยุโรป ฝรั่งเศสก็นิยมกันจัง อย่างที่เมือง Arles ถึงกับมีโรงเรียนสอนมาธาดอร์ หรือนักสู้วัวกระทิง

ฟาร์มไก่งวงในอริโซนา ภาพโดย Carol M Highsmith

พวกเรียนที่โรงเรียนนี่เขาก็บอกว่าคนที่เรียกร้องให้เลิกการสู้วัวกระทิง หรือเลิกเจ้าคอร์ริดา (Corrida) นี่ ช่างไม่เข้าใจศิลปะเอาเสียเลย

“คอร์ริดาเป็นประเพณี เป็นศิลปะ เป็นการเต้นรำระหว่างมนุษย์กับวัว” นักเรียนคนหนึ่งอายุ 16 เถียงฉอดๆ แต่ละวันนักเรียนที่นี่จะเรียนโบกผ้าสีแดง เพื่อไว้ใช้ในการหลอกล่อวัวให้มึนงง เมื่อได้จังหวะก็แทงด้วยมีดดาบตายจมกองเลือดอย่างยินดีปรีดา โห่ร้องกันอึงคะนึง

มันเรียกว่าต่อสู้ได้อย่างไร ฉันงงกับความฉอดนี่เหลือเกิน

เจ้าพิธีคอร์ริดา ที่ท้ายสุดมักจบที่วัวกระทิงจะถูกฆ่าด้วยดาบ โดยมาธาดอร์ในหล่อเท่ ฝ่ายที่ชอบเขาบอกว่าเป็นประเพณีเก่าแก่ที่ต้องรักษาไว้ สำหรับคนที่รับไม่ได้เขาก็บอกว่าเป็นพิธีกรรมโหดร้าย ไม่มีที่ให้ยืนในสังคมสมัยใหม่

เกือบ 75% ของชาวฝรั่งเศสสนับสนุนให้ยุติการฆ่าวัวกระทิงบ้าบอนี้เสีย สมาชิกสภาฝ่ายซ้ายยื่นร่างกฎหมายให้การฆ่าวัวกระทิงในพิธีนี้ผิดกฎหมาย คงจะใช้เวลาอภิปรายกันพักใหญ่

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มผู้สนับสนุนและต่อต้าน ออกมาเดินขบวนในหลายเมืองทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งยังคงมีคอร์ริดาอยู่ “คอร์ริดาไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่สุดทรมาน” ผู้ประท้วงคนหนึ่งชูป้ายหรา

แปลงปลูกอินทผลัมในอริโซนา เขาใช้น้ำเฉพาะส่วนที่ปลูก ที่เหลือก็ปล่อยแห้งไป ภาพโดย Carol M Highsmith

เอาแค่ตอนใต้ของฝรั่งเศส วัวกระทิงถูกฆ่าผ่านพิธีนี้กว่าหนึ่งพันตัวต่อปี ขณะที่เมืองเล็กๆ อย่างเมือง Nimes บอกว่า การแสดงสู้วัวกระทิง 14 รายการ ที่จัดขึ้นแต่ละปีสร้างรายได้ให้เมืองประมาณ 2 พันล้านบาท เลยไม่อยากให้เลิก

แต่ผู้ประท้วงในเมืองนี้เองก็บอกว่า “พลเมืองส่วนใหญ่ของเราต่อต้านการสู้วัวกระทิง ซึ่งทำให้กลายเป็นการแสดงการฆ่าวัว มันคือการทรมานไม่ใช่การแสดง”

การสู้วัวกระทิงยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิงในประเทศต้นกำเนิดอย่างสเปนด้วย แคว้นกาตาลุญญา ซึ่งเป็นแคว้นที่เรียกร้องการแยกตัวออกเป็นเอกราชเสมอมา เคยเสนอให้ยกเลิกการสู้วัวกระทิงในปี 2010 แต่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยกเลิกคำสั่งนี้ในอีกไม่กี่ปีต่อมา โดยเรียกการสู้วัวกระทิงว่าเป็น “ทรัพย์สินทางวัฒนธรรม” และแม้จะมีความพยายามเสนอกฎหมายเกี่ยวกับสวัสดิภาพสัตว์ขึ้นมาใหม่ แต่ไม่มีใครระบุถึงการสู้วัวกระทิงในกฎหมายดังกล่าว

ที่เมืองไทย เรายังไม่ถึงเชือดวัวตายจมกองเลือดต่อหน้าคนนับพันนับหมื่นหน้าตาเฉย แต่เรามีการชนวัวที่นิยมกันมากในภาคใต้ มีพนันขันต่อได้เสียกันเป็นหมื่นเป็นแสน ที่น่าขำเหมือนการสู้วัวกระทิงของยุโรปก็คือ มีคนเรียกการชนวัวว่า “กีฬาวัวชน” คือมันเป็นกีฬาตรงไหน? เขายังเรียกกีฬาชนไก่และกีฬากัดปลากันอีกด้วยนะ นิยมไม่แพ้กัน

การชนวัวในไทยเริ่มแต่เมื่อไหร่ไม่ชัด บางความเห็นว่าน่าจะได้มาจากโปรตุเกส ที่เข้ามาเจริญไมตรีช่วงสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา และมาเผยแพร่ขนบธรรมเนียมหลายอย่าง เช่น การติดตลาดนัด การทำเครื่องถม แก่ชาวบ้านแถบนครศรีธรรมราช ปัตตานี และเมืองมะริด นัยว่ามีการชนวัวมาแนะนำด้วย

เนื่องจากวัวชนนำเงินนำทองให้เจ้าของปีละมากๆ จึงต้องเลี้ยงดูกันอย่างดี มีหญ้า น้ำ ให้กินอย่างอุดมสมบูรณ์ อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณ ฝึกให้วิ่งเช้าเย็น ใช้ไม้ตีที่คอทุกวันให้มีกล้ามเนื้อขึ้น ต้องคอยดูแลอย่างดี

ก่อนจะชนจะมีการเปรียบวัว คือนำวัวไปยืนเทียบกัน ดูว่ามีส่วนได้เปรียบเสียเปรียบกันตรงไหน ถ้ารูปร่างและกำลังไม่ต่างกันนักจึงตกลงชนกัน หรือของใครมีดีพิเศษถึงจะเสียเปรียบในรูปร่างส่วนสัดกันบ้างเจ้าของก็ยอม โดยไม่ได้ถามวัว

ฟาร์มแพะในอริโซนา ภาพโดย U.S. Forest Service

วัวบางคู่กว่าจะแพ้ชนะกันอาจจะใช้เวลาเป็นชั่วโมง วัวที่ล้มแล้วไม่ลุกภายใน 5 นาที ถือว่าแพ้ ถ้ารั้วกั้นสนามแล้ววัววิ่งออกนอกรั้ว (คงวิ่งหนีแหละ) แล้วตัวไหนไม่กลับมา ถือว่าแพ้

ที่ลาวก็มีชนวัวนะ อย่างเมืองโพนสะหวันแขวงเชียงขวาง ติดชายแดนเวียดนาม มีประชากรสามหมื่นกว่าคน ส่วนใหญ่เป็นชาวม้ง ช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ม้งเขาก็มีชนวัวเฉลิมฉลองกัน วัวที่แพ้ หรือที่ล้มเขาก็เอามากินกัน

เชียงขวางนี่มีทุ่งไหหินเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติโลก โดยองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก้ แต่การชนวัวที่ขัดหลักมนุษยธรรมของสหประชาชาติอย่างยิ่ง ก็ยังคงดำเนินต่อไป

ปิดท้ายด้วยข่าวชิ้นเล็กในหนังสือพิมพ์ไทย ปลายปี 2563

รายงานข่าวการชนโคนัดพิเศษ 8 คู่ รองคู่เอกในรายการระหว่างโคขาวสตาร์บอย จากจังหวัดตรัง กับ โคลายเพชรพยัคฆ์ จากสุราษฎร์ธานี เดิมพัน 40,000 บาท และเสมอนอกกันอีก 60,000 บาท

หลังจากที่ทั้งคู่ไล่ขวิดกันไปมา 35 นาที โคลายเพชรพยัคฆ์เกิดเสียท่า ล้มลงนอนตะแคง โคขาวสตาร์บอย ไม่ลดละ ยังคงขวิดคู่ต่อสู้อย่างเมามัน ประมาณ 5 นาที ทั้งคู่จึงแยกออกจากกัน ปรากฏว่าโคลายเพชรพยัคฆ์ คอหัก เลือดทะลักออกจมูกและปาก เมื่อกรรมการเข้าไปตรวจดูปรากฏว่าโคลายเพชรพยัคฆ์ตายสนิทแล้ว

บรรดานักพนันหลายร้อยคนที่เล่นรองเอาไว้ รับเงินกันอย่างเป็นกอบเป็นกำ