ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
กล้วยไม้สกุลช้าง เป็นไม้ที่แตกต่างไปจากกล้วยไม้สกุลอื่นๆ คือ ลักษณะใบแข็งหนาอวบน้ำเรียงชิดอยู่บนลำต้น ใบเป็นร่อง ระบบรากอากาศมีขนาดใหญ่ ปลายรากสีเขียว ส่วนของช่อดอกสามารถห้อยลงหรือตั้งขึ้นก็ได้ ซึ่งดอกมีความยาวและจำนวนมาก กลีบนอกและกลีบในของดอกแผ่ออกมีอับเรณู 2 ก้อนแยกออกจากกัน การเจริญเติบโตของกล้วยไม้ช้างเป็นแบบฐานเดี่ยว ออกดอกปีละครั้ง บางต้นอาจมีดอกครั้งละหลายๆ ช่อ ด้วยความพิเศษของการได้รอคอยนี้เอง จึงทำให้กล้วยไม้สกุลช้างเป็นกล้วยไม้ที่พิเศษและน่าหลงใหลในการได้เชยชมดอกที่จะเบ่งบานไม่น้อยทีเดียว
คุณนัฏฐพงศ์ จินดาวนิช หรือ คุณรีฟ เกษตรกรที่ชื่นชอบปลูกกล้วยไม้ช้างเป็นอย่างมาก โดยเขาได้เรียนรู้และศึกษาการปลูกมาเป็นระยะหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ซื้อมาขายไป พร้อมกับต่อยอดด้วยการเป็นนักพัฒนา เพื่อให้เกิดลูกไม้ใหม่ๆ อยู่เสมอ จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางช่วยให้ทำตลาดได้ต่อเนื่อง และที่สำคัญเขายังทำไม้ส่งเข้าประกวดในงานต่างๆ จึงช่วยให้กล้วยไม้ช้างที่เขาพัฒนาเป็นการสร้างตัวตนที่มีรางวัลการันตี
ตั้งใจที่จะผลิตกล้วยไม้สกุลช้าง
คุณรีฟ เล่าให้ฟังว่า สมัยที่ยังทำงานประจำอยู่นั้น มีโอกาสได้เห็นกล้วยไม้สกุลช้างขายในงานต่างๆ เมื่อเกิดความชอบจึงมีโอกาสเข้าไปศึกษาในช่องทางออนไลน์ และเห็นราคาว่ามีการซื้อขายกันอยู่ที่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น จากนั้นเขาก็ได้ซื้อเข้ามาปลูกสะสมอยู่เป็นภายใน 3 เดือน มีถึง 150 ต้น และมองไปถึงอนาคตว่าอยากจะผลิตกล้วยไม้ในสายพันธุ์นี้เพื่อส่งเข้าประกวดตามงานต่างๆ จึงเรียนรู้กับการปลูกให้มากขึ้นเพื่อจะเป็นนักพัฒนาในวันข้างหน้า
“ช่วงแรกๆ นี่ ผมเองก็โดนไปเยอะ ในเรื่องของการซื้อไม้ที่ไม่ตรงปกมา เพราะไม้พวกนี้มันออกดอกปีละ 1 ครั้ง ก็เป็นธรรมดาที่ครั้งแรก ซื้อมามันยังไม่เห็นดอก แล้วพอออกดอกแล้วไม้มันก็ใช้ไม่ได้ แต่พอการค้าขายในออนไลน์เริ่มเข้ามา การซื้อขายแบบนี้ก็เริ่มหายไป พอผมมองไปถึงอนาคตว่าจะประกวด ต้นไหนที่ไม่น่าจะพัฒนาได้ ผมก็จะนำขายออกจากสวนไป จากการที่ได้ขายนี้เอง มันทำให้ผมได้รู้ถึงความต้องการของตลาด พอผมศึกษาไปเรื่อยๆ กล้วยไม้ช้างเป็นอะไรที่ต่อยอดไปได้อีกเรื่อยๆ และผมก็ผลิตไม้มาเป็นในแบบที่ผมจะพัฒนาในแบบของผมเอง”
หลังจากได้ทดลองอย่างจริงจังในเรื่องของการพัฒนากล้วยไม้ช้าง คุณรีฟ บอกว่า หลังจากที่ปลูกมาได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาทำสวนกล้วยไม้ช้างเพื่อเป็นอาชีพหลักเลี้ยงครอบครัวให้กับตัวเขาทันที
กล้วยไม้ช้างแดง เป็นสีที่ได้รับความนิยม
การพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้ช้างให้ได้คุณภาพ ทั้งการส่งเข้าประกวดและการขายทำตลาดนั้น คุณรีฟ บอกว่า การศึกษาในเรื่องของสีถือว่าสำคัญมาก เพราะนักพัฒนาจะต้องรู้ในเรื่องของพันธุกรรมพอสมควร เพราะกล้วยไม้ช้างบางสีเมื่อนำมาผสมเข้าด้วยกัน อาจไม่ได้สีในแบบที่จินตนาการ เพราะจะมีการข่มกันเกิดขึ้นในแต่ละสี แต่สีหลักแล้วที่ยังได้รับความนิยมอยู่ตลอดคือ กล้วยไม้ช้างแดง รองลงมาเป็นกล้วยไม้ช้างกระและกล้วยไม้ช้างเผือก
ต้นกล้วยไม้ช้างที่เหมาะสมนำมาทำเป็นพ่อแม่พันธุ์ต้องมีอายุอย่างต่ำ 5 ปีขึ้นไป เมื่อผสมติดแล้วจะรอเวลาให้เกิดฝักประมาณ 10 เดือน จากนั้นนำฝักที่เขียวสมบูรณ์ส่งไปที่ห้องแล็บเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อทำการขยายพันธุ์ให้เป็นไม้ขวดอยู่ประมาณ 9 เดือน หลังจากนั้นนำไม้ขวดมาพักอยู่ที่บ้านประมาณ 1-2 อาทิตย์ เมื่อครบกำหนดทำการทุบขวดและล้างวุ้นอาหารที่ติดอยู่กับรากของกล้วยไม้ออกให้หมด พร้อมกับนำไม้ใส่ตะกร้าผึ่งไว้ประมาณ 15-30 วัน จนกว่าตุ่มรากจะออกมาให้เห็น
“ช่วงผึ่งเราก็จะรดน้ำในช่วงเช้าอย่างเดียว พร้อมกับฉีดพ่นน้ำยาเร่งรากบี 1 บางๆ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง เมื่อไม้ครบอายุ 30 วันแล้ว จึงนำไม้ไปปลูกลงในถ้วยขนาด 1 นิ้ว ปลูกในวัสดุปลูกจำพวกใยมะพร้าว ดูแลในระยะนี้ต่อไปอีก 9 เดือน ในระหว่างนี้ก็จะใส่ปุ๋ยเกล็ดสูตรเสมอ 20-20-20 ละลายน้ำอัตราส่วน 3-4 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร เมื่อครบกำหนดดูแลแล้ว หากต้องการขายก็ขายให้สวนอื่นได้ แต่ถ้ายังไม่ขายก็จะย้ายไปปลูกลงในกระเช้าขนาด 4 นิ้ว หรือขอนไม้ที่ขนาด 7 นิ้ว จากนั้นดูแลต่อไปอีกประมาณ 1 ปีครึ่งถึง 2 ปี ไม้ก็จะเริ่มออกดอกในช่อแรก ช่วงนี้เราก็เตรียมขายได้”
ในเรื่องของการป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชนั้น คุณรีฟ บอกว่า ช่วงกลางปีที่ต้องระวังมากที่สุดจะเป็นพวกเพลี้ยไฟ ไรแดง การป้องกันคือต้องหมั่นฉีดพ่นยาทุก 7 วันครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กล้วยไม้ถูกทำลาย
การขายออนไลน์ ช่วยทำตลาดได้ดี
สำหรับในเรื่องของการทำตลาดเพื่อจำหน่ายกล้วยไม้ช้าง คุณรีฟ เล่าว่า ปัจจุบันช่องทางออนไลน์ถือว่าตอบโจทย์ในเรื่องของการทำตลาดเป็นอย่างมาก เพราะกิจกรรมต่างๆ ที่ทำในสวนลูกค้าสามารถเห็นได้อยู่เป็นประจำ และทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและเลือกซื้อไม้ต้นที่ชอบได้ทันที และการไปประกวดไม้ตามงานต่างๆ ก็สำคัญ จึงทำให้ไม้ภายในสวนของเขาเป็นที่รู้จักไปในวงกว้าง
โดยราคาขายตั้งแต่ไม้ขวดที่ออกจากแล็บ ราคาอยู่ที่ขวดละ 200-500 บาท ไม้ที่ปลูกในถ้วยนิ้วไม้พันกล้า ราคาอยู่ที่ 15-50 บาท ไม้ที่พร้อมออกดอกอายุไม่เกิน 5-6 ปี ราคาอยู่ที่ 60-10,000 บาท และไม้ที่ออกดอกช่อที่ 2 อายุ 6-7 ปี ราคาขายอยู่ที่ 300-10,000 บาทขึ้นไป และไม้ที่อายุมากกว่า 7-10 ปี มีลักษณะกอใหญ่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,500-50,000 บาท ซึ่งราคาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดและสายพันธุ์นั้นๆ
“การจะประสบผลสำเร็จในการทำกล้วยไม้ช้าง ผมก็จะแนะนำว่า ในเรื่องของเวลาถือว่าสำคัญ เพราะการดูแลต้องใช้เวลานาน รองลงมาก็เป็นเรื่องของการเลี้ยงต้องศึกษาอุปนิสัยต่างๆ ให้มาก พร้อมทั้งมีพื้นที่เลี้ยงที่เหมาะสม และการมีสายพันธุ์ที่ดีมาพัฒนาด้วย ก็จะช่วยให้การทำกล้วยไม้ช้างเพื่อสร้างรายได้ประสบผลสำเร็จ แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่ที่ตลาดด้วย การผลิตออกมาต้องมีตลาดรับซื้อที่แน่นอน อย่างผมจะมาถึงจุดนี้ได้ เพราะผมศึกษาตลาดอยู่ตลอด จึงทำให้รู้ว่าจะทำไม้แบบไหนออกมาขาย และจะเดินตลาดต่อไปยังไง”
สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของการปลูกกล้วยไม้สกุลช้าง หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณนัฏฐพงศ์ จินดาวนิช หรือ คุณรีฟ สวนตั้งอยู่ที่ ตำบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี หมายเลขโทรศัพท์ 092-381-7003 และ 089-488-4463