เผยแพร่ |
---|
“ฮอลแลนด์” เป็นพันธุ์มะละกอสุกที่มีลักษณะเด่นคือไม่มีกลิ่นยาง รูปลักษณ์ทรงกระบอกคล้ายผลฟักอ่อน เนื้อหนา มีสีแดงอมส้ม ไม่เละ เปลือกหนา ทนทานต่อโรค มีรสหวาน ทั้งยังสามารถปลูกได้ทุกสภาพพื้นที่ ยกเว้นพื้นที่น้ำขัง ใช้ได้ทั้งปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก และปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 7-8 เดือน น้ำหนักผลประมาณ 800-2,000 กรัม คุณสมบัติเช่นนี้จึงทำให้มะละกอฮอลแลนด์ได้รับความนิยมทั้งผู้ปลูกและผู้บริโภค และที่สำคัญมีตลาดรองรับแน่นอน
คุณพิพัฒน์ วิริวรรณ์ หรือ คุณโหน่ง อยู่บ้านเลขที่ 32/1 บ้านยางใหญ่ ตำบลยางใหญ่ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีอาชีพปลูก-ขายมะละกอฮอลแลนด์ส่งตลาดใหญ่เมืองกรุง รวมทั้งพ่อค้าแผงทั้งในพื้นที่และอีกหลายแห่ง
ปัจจุบันคุณโหน่งอายุ 27 ปี แม้จะเข้าสู่วงการอาชีพปลูกมะละกอมาได้เพียงไม่กี่ปี แต่หนุ่มอุบลราชธานีคนนี้มีต้นทุนวิชาเกษตรมาจากพ่อ-แม่ ที่มีอาชีพเกษตรกรรมผสมผสานทั้งพืชไร่ พืชสวนสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ทำให้คุณโหน่งมีโอกาสคลุกคลีกับกิจกรรมเกษตรมาตั้งแต่วัยเด็ก
ช่วงเวลาหนึ่งคุณโหน่งได้ออกไปผจญกับชีวิตการทำงานแบบมนุษย์เงินเดือน จนเมื่อความคิดที่ต้องการกลับมาปักหลักชีวิตที่บ้านเกิดกับงานเกษตรกรรมที่คุ้นเคยแต่ยังไม่ลงตัวเพราะเล็งผลต้องทำเกษตรกรรมที่มีความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตลาด
กระทั่งได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์เรื่องความสำเร็จจากการปลูกมะละกอสุกขายส่งตลาดใหญ่จนสร้างฐานะได้ดีจึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้คุณโหน่งในวัยตอนนั้นอายุเพียง 23 ปีเริ่มลงมือปลูกมะละกอในที่ดินของครอบครัวจำนวน 12 ไร่ตามกำลังทรัพย์ที่มี ซึ่งตอนนั้นในพื้นที่ยางใหญ่ยังไม่มีใครปลูกมะละกอสุกขายเลย
คุณโหน่งปลูกมะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์ เหตุผลที่เลือกพันธุ์นี้เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นเรื่องขนาดผล คุณภาพเนื้อ มีรสหวาน หอม เหมาะกับการปลูกเป็นมะละกอสุก และจากคุณลักษณะเด่นดังกล่าวเป็นที่สนใจของตลาดผู้บริโภคทั่วประเทศรับซื้ออย่างต่อเนื่อง
พื้นที่ใช้ปลูกมะละกอมีจำนวนทั้งหมด 40 ไร่ แบ่งออกเป็นโซนปลูกหมุนเวียนสลับกันแต่ละรอบ อีกทั้งในหมู่ญาติพี่น้องยังปลูกมะละกอในพื้นที่รวม 80 ไร่ มีเป้าหมายเพื่อรวบรวมผลผลิตทั้งหมดส่งขาย เพราะมะละกอสุกจากสวนคุณโหน่งและญาติมีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาดรับซื้อ นับว่าเป็นไม้ผลที่สร้างรายได้เป็นอย่างดีกว่าพืชอื่นหลายชนิด
ขั้นตอนปลูก
คุณโหน่งเริ่มเตรียมต้นกล้าด้วยการนำเมล็ดพันธุ์คุณภาพซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้นำมาแช่น้ำอุ่น 1 คืน แล้วนำห่อผ้าใส่กระติกนำไปตากแดดหรืออีกวิธีนำห่อผ้าฝังในดินที่มีความชื้นเล็กน้อย จากนั้นอีก 6 วันจะมีรากอ่อนงอกออกจากเมล็ดพันธุ์
ระหว่างที่รอเพื่อให้รากอ่อนงอกให้กรอกดินใส่ถุงดำขนาด 2 คูณ 6 นิ้ว ใส่ดินปริมาณ 3 ใน 4 ส่วนของถุง นำเมล็ดพันธุ์ที่มีรากอ่อนฝังลงถุงละ 3-4 เมล็ด กลบดินแล้วพรมน้ำเล็กน้อย ถุงดำที่เพาะต้นกล้าทั้งหมดไปตั้งกลางแจ้ง (ในกรณีที่ไม่ใช่ฤดูฝน) ปล่อยให้ต้นกล้าโตใช้เวลา 45 วันแล้วย้ายไปปลูกในหลุมจำนวนหลุมละ 3-4 ต้นเพื่อคัดเพศมะละกออีกครั้งหลังจากมีดอกในช่วง 2-3 เดือน
“ดอกมะละกอมีอยู่ 3 เพศหลัก คือดอกตัวผู้ ดอกตัวเมีย และดอกสมบูรณ์เพศหรือดอกกระเทย ทั้งนี้ ดอกที่ได้รูปทรงตามที่ตลาดต้องการคือดอกสมบูรณ์เพศหรือดอกกระเทย แต่เนื่องจากยังไม่ทราบว่าต้นไหนจะออกดอกชนิดใดจนกว่าเมื่ออายุ 2-3 เดือน ดังนั้น จึงต้องปลูกหลุมละ 3-4 ต้นก่อนเพื่อรอคัดเพศมะละกอ”
อยากให้มะละกอมีคุณภาพ
ต้องดูแลดิน ปุ๋ย น้ำ และฮอร์โมน สม่ำเสมอ
คุณโหน่ง บอกว่า การเริ่มต้นปลูกมะละกอควรเลือกพื้นที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากปัจจัยสำคัญ อาทิ แหล่งน้ำ น้ำท่วมขังหรือไม่ แล้งมากเกินไปหรือเปล่า สำหรับคุณภาพดินต้องปรับปรุงด้วย สำหรับแนวทางการเลือกทำเลพื้นที่ปลูกมะละกอของคุณโหน่งจะเลือกพื้นที่น้ำไม่ท่วม ไม่ขัง ไม่แล้ง และอยู่ใกล้แหล่งน้ำ
การปรับปรุงคุณภาพดินต้องไถพรวน 3 รอบ โดยรอบแรกใส่ปุ๋ยคอกปริมาณไร่ละ 1-1.5 ตัน พร้อมหว่านโดโลไมท์ไร่ละ 100-150 กิโลกรัม แล้วไถพรวนรอบ 2 เพื่อให้ดินฟู แล้วให้ไถอีกรอบ จากนั้นจึงเริ่มตั้งคันปลูก แล้วกำหนดระยะต้น 2.50 เมตร กับระยะแถว 3 เมตร โดยพื้นที่ 1 ไร่ปลูกได้ 200 ต้น คุณโหน่ง ชี้ว่า ระยะปลูกและจำนวนต้นเหมาะสมกันดี ช่วยเกื้อกูลเวลาทำงานในสวน แล้วยังช่วยทำให้ผลผลิตมีคุณภาพด้วย
เมื่อกำหนดระยะปลูกเรียบร้อยให้วางระบบน้ำเป็นมินิสปริงเกลอร์ ขึงเชือกตามแนวปลูก ขุดหลุมปลูกขนาดหน้าจอบ รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยสูตรเสมอสักกำมือคลุกกับดินแล้วค่อยนำต้นลงปลูก กดดินให้แน่น คลุมฟางแห้ง เมื่อทำเสร็จทั้งแปลงจึงเริ่มปล่อยน้ำ
หลังจากปลูก 7 วันจึงใส่ปุ๋ยสูตรเสมอสักกำมือเช่นเดิม ใส่ทุก 10 วันในช่วง 1-2 เดือน รดน้ำทุก 1-2 วัน เมื่อครบ 2 เดือนจึงเพิ่มปุ๋ยสูตร 8-24-24 เพื่อเร่งให้มีดอก อย่างไรก็ตาม ใช้ปุ๋ยสูตรเสมอเป็นตัวหลัก แล้วให้สลับเป็นสูตรอื่น อย่างแมกนีเซียม แคลเซียมตามระยะเวลาการเจริญเติบโต โดยมะละกอเริ่มออกดอกเมื่ออายุ 2 เดือนขึ้นไป แล้วจะมีดอกเต็มที่เมื่ออายุ 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องคัดเพศ
ภายหลังคัดต้นที่มีดอกกระเทยแล้วจึงเริ่มดูแลเรื่องปุ๋ยและน้ำอย่างเต็มที่ เป็นปุ๋ยเสมอสลับกับปุ๋ยสูตร 8-24-24 โดยเพิ่มปริมาณปุ๋ยมากขึ้นตามอายุต้น อย่างถ้าอายุมากกว่า 3 เดือน ใส่ปุ๋ยในปริมาณ 25 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วทยอยเพิ่มตามอายุต้นจนถึงปริมาณ 1 กระสอบต่อไร่ นอกจากนั้น ให้ใส่ขี้ไก่แกลบในช่วง 3 เดือน และ 5 เดือน
ขณะเดียวกัน ต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงและการตอบสนองกับการให้ปุ๋ยแต่ละครั้งด้วยเพื่อจะได้ปรับสูตรปุ๋ยให้เหมาะสมและถูกต้อง เมื่ออายุ 4 เดือน มะละกอเริ่มมีผลผลิตมากขึ้น ขนาดเท่ากับข้อแขน ในช่วงนี้ต้องคัดคุณภาพผลที่ไม่สมบูรณ์ออก เก็บผลที่มีขนาดสมบูรณ์ตามมาตรฐานไว้
สำหรับการใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มความหวานสวนคุณโหน่งไม่ได้ใส่ และให้เหตุผลว่าถ้าดูแลเอาใจใส่เรื่องดิน ปุ๋ย น้ำ และฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอครบถ้วนก็เพียงพอแล้ว เพราะธาตุอาหารหลายชนิดจะสะสมอย่างต่อเนื่องและควรปล่อยให้ต้นมะละกอดูดซึมธาตุอาหารเหล่านั้นไปตามธรรมชาติ เมื่อถึงเวลาเก็บผลผลิตจะได้มะละกอสุกที่มีรสหวาน ผิวเนียน ขนาดใหญ่ และเนื้อแน่นตามธรรมชาติด้วยเช่นกัน
เริ่มทยอยเก็บผลผลิตประมาณ 7-8 เดือน น้ำหนักผลรวมต่อต้นประมาณ 100 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักผลประมาณ 1.2-1.5 กิโลกรัม หลังจากเก็บผลผลิตแล้วจะแยกเป็นเกรดตามน้ำหนัก คุณภาพความสมบูรณ์ ออกเป็นจำนวน 5 เกรด ได้แก่ A, B, C, จิ๋ว และส่งโรงงาน โดยแต่ละเกรดมีขนาด ลักษณะผล และราคา ดังนี้
เกรด A ขนาดน้ำหนักผล 1.2-1.8 กิโลกรัม ราคาขายเฉลี่ย 25 บาทต่อกิโลกรัม มีรูปทรงกระบอก ผิวเนียน เนื้อแดง รสหวาน บางคราวถ้าพบว่าผลมีคุณภาพรสชาติมากกว่าเกรด A อาจเป็นเกรดพรีเมี่ยมที่มีราคาแพงขึ้น
เกรด B ขนาดน้ำหนักผล 0.9-1.2 กิโลกรัม ลักษณะผลโค้งเล็กน้อย ผิวเนียน รสหวาน เนื้อแดง ราคาขายเฉลี่ย 22 บาท
เกรด C ขนาดน้ำหนักผล 7-9 ขีด ลักษณะผลคล้ายเกรด B แต่มีขนาดเล็กกว่า ราคาขายเฉลี่ย 19 บาท
เกรดจิ๋ว ขนาดน้ำหนักผล 5-7 ขีด ทรงหัวแหลม ก้นแหลม ลักษณะผลไม่เป็นทรง แต่ผิวเนียน ราคาขายเฉลี่ย 13-15 บาท
เกรดโรงงาน ลักษณะผลไม่สวยเลย ผิวไม่เรียบ ขี้เหร่ ราคาขายไม่แน่นอน
คุณโหน่ง ชี้ว่า ราคาซื้อ-ขายมะละกอมีการปรับขึ้น-ลงตามกลไกตลาด เช่นเดียวกับไม้ผลชนิดอื่น สำหรับสวนคุณโหน่งปลูกมะละกอสุกเพื่อขายส่งตามตลาดขนาดใหญ่ อย่างตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท นอกจากนั้น มีพ่อค้าแผงมารับซื้อที่สวน
จุดเด่นมะละกอสวนคุณโหน่งอยู่ที่ทุกกระบวนการปลูกเอาใจใส่อย่างเต็มที่ ดูแลใกล้ชิด ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีตามความเหมาะสมและจำเป็น ยึดหลักการปลูกแบบมีคุณภาพ ตามมาตรฐาน พยายามปลูกตามธรรมชาติมากที่สุด ตัดเก็บเมื่อผลผลิตได้ตามอายุ
ทุกผลที่ขายออกไปผ่านการคัดเลือกความสมบูรณ์เพื่อต้องการให้ลูกค้าได้รับประทานผลไม้อร่อย มีคุณภาพ เพราะไม่เพียงต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสวน แต่ยังต้องการสร้างชื่อให้กับจังหวัดด้วย โดยมีความหวังให้มะละกอสุกที่อุบลราชธานีมีคุณภาพเหมือนกับแหล่งปลูกดังหลายแห่งด้วย ทั้งยังมั่นใจว่ามะละกอฮอลแลนด์ของสวนตัวเองและสมาชิกล้วนมีคุณภาพ เพราะมีลูกค้าสั่งซื้อมาตลอดและต่อเนื่องหลายปี
เจ้าของสวนชี้ว่า มะละกอที่ปลูกในพื้นที่บ้านยางใหญ่มีคุณภาพและรสชาติความสมบูรณ์ทัดเทียมกับแหล่งปลูกชื่อดัง เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะในพื้นที่บ้านยางใหญ่ ตำบลยางใหญ่ มีภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมโดยรวมดี สภาพเนื้อดินมีสีแดง คล้ายกับทางวังน้ำเขียว โคราช ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ไม้ผลหลายชนิดมีคุณภาพดีแล้วยังสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดอย่างเห็นชัดเจนคือทุเรียนภูเขาไฟ
“นอกจากข้อดีในเรื่องสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศทำให้ในหน้าแล้งไม่ค่อยเดือดร้อนแม้จะมีน้ำน้อยหรือฝนทิ้งช่วง แต่ดินยังมีความชุ่มชื้นอยู่ ดังนั้น ในหน้าแล้งพื้นที่ตำบลยางใหญ่จึงสามารถปลูกมะละกอได้เรียกว่า “มะละกอผ่าแล้ง” โดยไม่เดือดร้อน ขณะที่หลายพื้นที่หลายจังหวัดประสบปัญหาขาดน้ำ เหตุนี้จึงทำให้มะละกอมีราคาดีกว่าช่วงอื่นเพราะปริมาณมะละกอในตลาดมีไม่มาก ทำให้ชาวบ้านมีความสุขไปด้วย”
ตอนนี้ทั้งสวนคุณโหน่งและเครือญาติสมาชิกมีพื้นที่ปลูกมะละกอรวมทั้งสิ้นกว่า 200 ไร่ มีปริมาณผลผลิตเพียงพอส่งขายให้กับตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง และพ่อค้าแผงในพื้นที่และต่างพื้นที่ได้ต่อเนื่อง และกำลังอยู่ระหว่างการเพิ่มพื้นที่ปลูกเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น หากผู้ค้าท่านใดสนใจต้องการซื้อมะละกอฮอลแลนด์ติดต่อได้ที่คุณโหน่ง โทรศัพท์ 063-449-0896 เฟซบุ๊ก โหน่ง ตำนานสิงบิ๊กไบค์