เกษตรกรดีเด่นด้านประมง จังหวัดราชบุรี เพาะปลาคาร์พคุณภาพ ส่งขายทั่วประเทศ

ปลาคาร์พ ปลาสวยงามที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้เลี้ยงมีความเชื่อว่านอกจากเลี้ยงเป็นปลาสวยงามแล้ว ยังเป็นปลาแห่งโชคที่ช่วยเสริมฮวงจุ้ยให้กับบ้านและธุรกิจการงานเจริญก้าวหน้า จึงทำให้ในประเทศไทยมีการพัฒนาเป็นอาชีพที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรในหลายพื้นที่ อย่างเช่น คุณปกรณ์ วงศ์มโนพณิช หรือ คุณตุล ที่สนใจปลาคาร์พด้วยการนำเข้าสายพันธุ์จากประเทศญี่ปุ่นมาเพาะพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ฟาร์มของเขามีความโดดเด่น ส่งผลให้ตัวเขาเองได้เป็นเกษตรกรดีเด่นด้านการประมงระดับชาติ ประจำปี 2566 ด้านสาขาอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำ

คุณปกรณ์ วงศ์มโนพณิช หรือ คุณตุล 

มองว่าปลาคาร์พเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน

คุณตุล เล่าว่า เดิมทีครอบครัวทำฟาร์มสุกรเป็นอาชีพหลัก ต่อมาเมื่อราคาไม่แน่นอนจึงทำให้สุกรที่เลี้ยงไม่เกิดรายได้เท่าที่ควร มีแต่ขาดทุน จึงได้ปรับเปลี่ยนเลี้ยงปลาสวยงามซึ่งปลาคาร์พในช่วงปี 2552 ถือว่าได้รับความนิยม เขาเกิดความสนใจและหาซื้อสายพันธุ์จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามา พร้อมทั้งนำปลาออกประกวดตามงานต่างๆ เป็นการสร้างตัวตนเพื่อให้ลูกค้ารู้จัก

การคัดคุณภาพปลาคาร์พ

“ช่วงแรกที่จะเลี้ยงปลาคาร์พ ผมต้องตามหาสายพันธุ์เด่นมาตั้งสายพันธุ์ หลักๆ เน้นเป็นสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ตอนนั้นรู้สึกว่าตื่นตาตื่นใจมาก เพราะต้องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ เพื่อไปคัดสายพันธุ์และดูว่าจะซื้อปลาคาร์พแบบไหน ลักษณะอย่างไรเข้ามาไว้ในฟาร์มของเรา พอไปเรียนรู้อยู่นานก็ได้ปลาคาร์พมาเป็นพ่อแม่พันธุ์ในฟาร์ม จากนั้นก็พัฒนาสายพันธุ์มาเรื่อยๆ จนประสบผลสำเร็จและทำเป็นอาชีพมาถึงทุกวันนี้” คุณตุล บอก น็น

จากจุดเริ่มต้นที่ได้ศึกษาในวันนั้น คุณตุล บอกว่า คิดไม่ผิดที่เลือกปลาคาร์พมาทำเป็นอาชีพสร้างรายได้ เพราะปลาคาร์พถือว่าเป็นปลาที่ค่อนข้างมีราคาแพง และเป็นปลามีมูลค่าที่ไม่มีกลไกของตลาดเข้ามาควบคุมตายตัว ผู้เลี้ยงสามารถกำหนดในเรื่องของราคาได้คล้ายๆ กับการเช่าบูชาพระเครื่อง

คัดปลาสวยที่ได้คุณภาพส่งลูกค้า 

เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาอยู่ในบ่อปูนเป็นหลัก

การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาคาร์พที่ใช้เพาะพันธุ์ให้ได้ลูกปลาคุณภาพนั้น คุณตุล เล่าว่า เลี้ยงไว้ในบ่อปูนซีเมนต์ขนาด 4×6 เมตร มีความลึกอยู่ที่ 2.50 เมตร และขนาดบ่อปูซีเมนต์ 5×5 เมตร ความลึก 2.50 เมตร ซึ่งภายในบ่อทั้ง 2 ขนาดจะมีการบำบัดน้ำครบวงจร ซึ่งการปล่อยพ่อแม่พันธุ์เลี้ยงในแต่ละบ่อจะปล่อยตัวผู้และตัวเมียเลี้ยงแยกเพศกันอย่างชัดเจน

คัดปลาเฉพาะเพศเมีย ขุนต่อไปเพื่อใช้เป็นแม่พันธุ์

ปลาคาร์พที่นำมาผสมพันธุ์ต้องมีอายุขั้นต่ำ 3 ปีขึ้นไป การผสมพันธุ์สามารถผสมได้ตลอดทั้งปี มีการวางแผนผสมพันธุ์ที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเพาะแม่พันธุ์ปลาคาร์พ 1 ตัวต่อ 1 สัปดาห์ หลักการเลือกพ่อแม่พันธุ์จะดูตามจินตนาการเป็นหลัก ว่าต้องการปลาคาร์พสีไหนออกตลาดในช่วงไหนของปี ซึ่งการผสมหลักๆ ก็จะดูในเรื่องของโครงสร้างและสีของปลาให้ออกมาตามที่ตลาดต้องการ

คุณตุลสมัยไปที่ประเทศญี่ปุ่น เรียนรู้การเลี้ยงปลาคาร์พ

“การเพาะพันธุ์ปลา ในทุกวันอังคารจะเช็กแม่ปลาคาร์พก่อน เพื่อดูความสมบูรณ์ของไข่ ถ้าเห็นว่าตัวเมียตัวนี้มีความสมบูรณ์แล้ว จะหาพ่อพันธุ์ที่เหมาะสมมาผสม โดยรีดน้ำเชื้อผสมกับไข่แม่พันธุ์ ซึ่งที่ฟาร์มการผสมพันธุ์จะทำด้วยกัน 2 แบบ คือผสมเทียมกับผสมจริง ถ้าการผสมจริงหลังจากฉีดฮอร์โมนแล้วก็จะปล่อยให้พ่อพันธุ์ 2 ตัว ไล่ผสมกับแม่พันธุ์ 1 ตัวในบ่อปูนที่เตรียมไว้” คุณตุล บอก

หลังจากได้ไข่ออกมาแล้วรอฟักประมาณ 48 ชั่วโมง ลูกปลาคาร์พจะเริ่มฟักออกจากไข่ จากนั้นเลี้ยงอยู่ในบ่อฟักประมาณ 7 วัน จึงย้ายลงมาอนุบาลในบ่อดินขนาด 15×30 เมตร ปล่อยลูกปลาคาร์พเลี้ยงอยู่ที่ 20,000 ตัวต่อบ่อ อาหารที่ใช้เลี้ยงในระยะนี้จะเป็นลูกไร พร้อมทั้งทำแพลงตอนน้ำให้กับลูกปลาในบ่อด้วยการทำฟางหมักลงไปในบ่อ เพื่อที่จะได้มีอาหารลดต้นทุนให้กับปลาภายในฟาร์ม

ปลาบางสายพันธุ์อายุเพียง 2 ปี ขนาดไซซ์ได้ถึง 70 เซนติเมตร

เมื่อลูกปลาคาร์พอนุบาลจนได้อายุครบ 45 วัน นำลูกปลาทั้งหมดขึ้นมาจากบ่อเพื่อคัดความสวย โดยแยกปลาพิการและไม่มีลวดลายออกให้หมด หลังจากได้ปลาที่สวยทรงดีแล้วจึงนำมาปล่อยเลี้ยงในบ่อดินเพื่อเลี้ยงให้มีขนาดที่ใหญ่ต่อไป ปล่อยเลี้ยงอยู่ที่ 3,000 ตัวต่อบ่อ อาหารที่ใช้เลี้ยงในระยะนี้เป็นอาหารที่มีโปรตีนอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ ให้กินเช้าเย็นอยู่ประมาณ 2 เดือน จากนั้นจึงปรับสูตรอาหารเลี้ยงด้วยอาหารกบที่มีโปรตีนอยู่ที่ 32-35 เปอร์เซ็นต์

บ่อผสมพันธุ์ เพื่อทำการทดลองปรับปรุงพันธุ์ปลา

“หลังจากที่เราคัดในครั้งแรกแล้ว และนำมาเลี้ยงในระยะนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 เดือน ลูกปลาคาร์พทั้งหมดก็จะเริ่มมีขนาดไซซ์อยู่ที่ 4-5 นิ้ว จากนั้นก็นำมาคัดให้เป็นเกรดเอและเกรดบี ซึ่งใน 1 แม่จะมีเกรดพวกนี้ประมาณหลักร้อยตัว เราต้องเก็บมาทำไซซ์ต่อด้วยการเลี้ยงต่อไปอีกสักระยะ ให้มีขนาด 30-35 เซนติเมตร ส่วนตัวไหนที่ตกจากเกรดเอบี ก็สามารถขายได้ตั้งแต่ไซซ์ 4-5 นิ้วได้เลย” คุณตุล บอก

 

ทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ในเรื่องของการทำตลาดเพื่อขายปลาคาร์พ คุณตุล บอกว่า การทำตลาดไม่ได้ส่งขายให้กับลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาซื้อเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการสร้างเพจเพื่อขายแบบออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม จึงช่วยให้การขายเป็นไปได้ง่ายและลูกค้ารู้จักได้ในวงกว้าง พร้อมทั้งทางฟาร์มรับจัดทำบ่อให้กับลูกค้าด้วย หากลูกค้าท่านใดสนใจที่อยากจะเลี้ยงแต่ยังไม่มีบ่อเลี้ยง ทางฟาร์มมีบริการทุกขั้นตอน

ปลาคาร์พตกเกรดเอบีขนาดไซซ์ 4 นิ้ว ราคาอยู่ที่ตัวละ 80-100 บาท ถ้าขนาดไซซ์ 30-35 เซนติเมตร ราคาขายอยู่ที่ตัวละ 800-1,500 บาท และสำหรับปลาคาร์พเกรดเอบีขนาดไซซ์ 30-35 เซนติเมตร ราคาขายอยู่ที่ตัวละ 1,500-3,000 บาท

“การเลี้ยงปลาคาร์พให้ประสบผลสำเร็จได้ การศึกษาสายพันธุ์และการดูแลถือว่าสำคัญมาก เพื่อเวลาที่ทำเป็นการค้าจะไม่เกิดการสูญเสีย สำหรับมือใหม่ถ้าทำการศึกษาแบบรู้จริงรู้ลึกแล้ว รู้สึกว่าเกิดความชำนาญ จึงค่อยมามองเรื่องการทำตลาด จากนั้นก็พัฒนาการเลี้ยงไปเรื่อยๆ ให้มีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ก็จะช่วยให้วงการปลาคาร์พบ้านเราเติบโต และลูกค้าจากต่างประเทศยอมรับปลาคาร์พไทยมากขึ้น” คุณตุล บอก

สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของการเลี้ยงปลาคาร์พ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณปกรณ์ วงศ์มโนพณิช หรือ คุณตุล หมายเลขโทรศัพท์ 095-827-9898