ฟาร์มแอนด์ฟู้ดบายสวนผักคุณตู๋

การปลูกผักในเมืองส่วนใหญ่จะทำเพื่อการบริโภคภายในบ้าน เพราะต้องการให้คนในครอบครัวบริโภคผักที่ปลอดภัย ส่วนใหญ่คนในครอบครัวหรือตัวเองมักจะเป็นโรคภัยกันแล้ว จึงแสวงหาผักอินทรีย์ที่แท้จริงเนื่องจากการซื้อหาผักอินทรีย์ในปัจจุบันไม่สามารถเชื่อถือได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพื่อลดความเสี่ยงนี้ เลยมีแรงบันดาลใจที่จะต้องปลูกผักกินเอง

คุณชลธิชา เหลืองทองคำ หรือ คุณตู๋ เชฟและเจ้าของร้าน

คุณชลธิชา เหลืองทองคำ หรือ คุณตู๋ จบการศึกษาปริญญาตรีด้านวิศวกรรมเกษตร จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ทำงานเกี่ยวกับงานวิศวกรรมอยู่หลายบริษัท ทำงานอยู่ได้ประมาณ 15-16 ปี รู้สึกถึงความไม่มั่นคง ด้วยเห็นว่ารุ่นพี่ที่ทำงานก่อนเธอ ด้วยอายุงานและเงินเดือนที่มากกว่าถูกกดดันจากการทำงาน โดยรับเด็กรุ่นใหม่ที่เงินเดือนน้อยกว่าแต่กลับมอบหน้าที่การงานที่สำคัญกว่าคนรุ่นพี่ หลายครั้งและหลายบริษัททำแบบนี้ คุณตู๋มีความรู้สึกว่าไม่มั่นคง และคิดว่าถ้าเราตั้งใจทำงานในหน้าที่ของเราเหมือนกับที่เราตั้งใจทำงานให้บริษัท แต่เรามาทำงานของตัวเอง กิจการของเราก็จะประสบผลสำเร็จเหมือนกันแต่ดีกว่า เพราะสุดท้ายทุกสิ่งอย่างก็จะเป็นของเรา

เพาะในถาดหลุม
ผักในโรงเรือนเพาะ

ก่อนลาออก 2 ปี คุณตู๋ได้ทดลองไปเช่าที่ดินใกล้ที่ทำงานประมาณ 2 ไร่ โดยใช้วิธีดูจากสื่อออนไลน์และได้ไปดูงานที่สวนจริงๆ ที่ทำแบบอินทรีย์ แต่การไปดูและสอบถามเจ้าของสวนต่างๆ จริงๆ แล้วเขาไม่สามารถบอกเราได้หมดเพราะมีเวลาที่จำกัด แต่เราก็สามารถเอามาทดลองทำได้ ในช่วงแรกไม่ประสบผลสำเร็จ ล้มลุกคลุกคลานมาระยะหนึ่ง สวนที่ดูจะทำได้เฉพาะเวลาเย็นและวันหยุดงานวันเสาร์อาทิตย์ แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะทำให้สำเร็จให้ได้ จนกระทั่งสามารถทำผลผลิตได้พอสมควร ก็เลยลาออกจากงานมาตอนปี 2561

ลงแปลง 

ไม่ยอมเป็นนกในกรง

หลังจากนั้นก็นำผลผลิตไปขายเพื่อนๆ ในบริษัท อะไรก็โพสต์ในกลุ่มเพื่อให้เพื่อนๆ เห็นเขาจะสั่งมาแล้วก็จะนำไปให้ที่บริษัท เพื่อนๆ ที่บริษัทเห็นว่าการทำงานของส่วนตัวเป็นอิสระมากต้องการมาทำแบบนี้หลายราย แต่มันไม่เป็นความจริงอย่างที่เห็นเพราะการจับจอบจับเสียมกลางแดดไม่ใช่เรื่องที่ทำง่ายๆ สำหรับพนักงานบริษัทที่เคยทำงานอยู่แต่ในห้องแอร์ แต่การออกมาทำงานเป็นเจ้าของกิจการเองมีความอิสระในการทำมาหากินต่างกัน เหมือนนกอิสระกับนกที่อยู่ในกรง ทำให้เราแข็งแรงขึ้นเยอะทั้งร่างกายและจิตใจ นี่เป็นคำบอกเล่าของคุณตู๋

คลุมฟางเพื่อรักษาความชื้น
บัตเตอร์เฮด

ต่อมามีความคิดว่าที่ที่เราเช่าทำสวนไม่ได้เป็นของเรา การลงทุนทำอะไรลงไปก็กลายเป็นของเขาหมดจึงคิดจะหาซื้อที่สักแปลง ได้มาเจอที่ดินขนาด 2 ไร่ ที่หมู่บ้านเขาหินปูน ตำบลเขาดินพัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี เป็นที่ดินมีโฉนด ดินค่อนข้างดี น้ำบาดาลที่เจาะก็ดีสามารถมาใช้ได้ตลอดปี ปกติชาวบ้านแถบนี้นิยมทำไร่ข้าวโพดกัน

ผักเติบโตได้ดี
ดูก็รู้ว่ากรอบ

เมื่อได้ที่ดินถูกใจก็เริ่มพัฒนาโดยเจาะน้ำบาดาลก่อน ได้ปรับปรุงดิน ยกร่องแปลงปลูกไปพร้อมกัน สลัดหลายสายพันธุ์ สิบกว่าสายพันธุ์ได้ถูกเพาะกล้าแล้วนำมาปลูกโดยไม่ได้ใช้ซาแรนมุงเลย ในช่วงฤดูหนาวก็จะปลูกกะหล่ำปลีหรือผักฤดูหนาวเพิ่มขึ้นอีกหลายชนิด ทุกๆ วันพุธก็จะนำผักไปส่งลูกค้าในเมือง และเมื่อมีผักหลากชนิดก็เริ่มคิดทำเป็นอาหารกล่องสำหรับมื้อกลางวันของพนักงานออฟฟิศ เช่น สลัดม้วน สลัดกล่อง ข้าวหน้าหมูทอดต่างๆ รายได้พอเลี้ยงตัวเองได้ แต่ก็มาคิดอีกว่าจะทำอย่างไรให้คนมากินที่สวนโดยเราไม่ต้องออกไป คิดว่าถ้าเราอยู่บ้านแล้วมีคนเอาเงินมาให้ที่บ้านจะดีไม่น้อย ก็เลยกลายมาเป็นร้านอาหาร ที่เปิดเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น เพราะช่วงวันธรรมดาจะต้องทำงานในสวน นอกจากผักที่ปลูกแล้วดอกไม้ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในสวน การกินอาหารที่สัมผัสรสชาติแล้วจะต้องสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามดูแล้วผ่อนคลายสำหรับคนมาเยือนด้วย

ผักหลากหลายชนิดที่ปลูก

เนื่องจากสวนมีแฟนคลับในสื่อออนไลน์จำนวนหนึ่งแล้ว จากรูปสวนหรือผักที่โพสต์ไปทำให้คนที่เห็นอยากมาเที่ยวมากินที่สวน จำนวนคนก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่น่าพอใจ ส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัวมากินอาหารอร่อยๆ และผ่อนคลายในบรรยากาศบ้านทุ่ง ซึ่งไม่ค่อยเจอในเมืองแล้ว อาหารที่ทำก็เป็นอาหารที่ใช้พืชผักสวนครัวในสวนที่ปลูกเอง ทำให้เรารู้สึกถึงอาหารปลอดภัย คุณตู๋ได้แกะตำราอาหารชาววังของท่านผู้หญิงเปลี่ยนมาทดลองทำ ปรากฏว่าเป็นเมนูยอดนิยมไปแล้ว

น้ำพริกกับผัก
สลัดสีสวย 

ต้มโคล้งปลาสลิดชาววัง

จากตำราแม่ครัวหัวป่าก์ เล่มที่ 3 ของ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกร อธิบายเครื่องปรุงว่า “หัวหอมหนัก 2 บาท เยื่อเคยหนักสลึงเฟื้อง เกลือหนัก 1 สลึง พริกไทยหนัก 1 สลึง น้ำเชื้อหนัก 20 บาท ปลาสลิดแห้งหนัก 15 บาท กุ้งสดหนัก 2 บาท เนื้อหมูมันสามชั้นหนัก 10 บาท มะขามเปียกคั้นเอาแต่น้ำหนัก 8 บาท น้ำปลาหนัก 4 บาท น้ำตาลหม้อหนัก 1 บาท หัวหอมสดหนัก 3 บาท ใบหอมหนักสามสลึง

ร้านริมสวน

วิธีทำ เอาเยื่อเคย หัวหอมพริกไทยลงครกโขลกให้ละเอียด เอาน้ำเชื้อเทใส่ในครกละลายให้เข้ากัน ตักลงหม้อปิดฝาขึ้นตั้งไฟไว้จนเดือด เอากุ้งสดมาชักหัวชักไส้ออกปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาดเอาแต่เนื้อมาหั่นเป็นชิ้นๆ ปลาสลิดแห้งผ่าสองชิ้นแกะก้างออกเอาแต่เนื้อล้างน้ำ เมื่อแกงเดือดแล้ว เปิดฝาละมีเอาของสามสิ่งนี้เทลง ปิดฝาละมีไว้ เมื่อเดือดอีกครั้งหนึ่ง เอาส้มมะขามเปียกคั้นเอาแต่น้ำ น้ำปลาดี น้ำตาลหม้อเหยาะลง เอาหัวหอมสดฝานตามศีรษะเป็นชิ้นบางๆ ใบหอมตัดเป็นท่อนยาวองคุลีหนึ่ง ล้างน้ำให้สะอาดเทลงหม้อแกงชิมดูจืดเค็มตามชอบ เมื่อสุกดีแล้วปลงหม้อลง ตักลงชามยกไปตั้งให้กิน”

ลูกค้ามาชิม

การทำงานในสวนของคุณตู๋จะใช้คนงานสูงวัยทำงานเฉพาะครึ่งวันเช้าในวันจันทร์ถึงศุกร์ เพื่อทำงานสวน เพราะในช่วงเที่ยงถึงบ่ายร้อนมากเกินไปและมีคุณตู๋กับคู่ชีวิตช่วยกันทำด้วย ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ซึ่งเป็นวันเปิดร้านอาหารก็จะมีน้องๆ ที่ทำงานประจำหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะมาเป็นแรงงานช่วยงานในร้านอาหารกันทั้งวัน ส่วนคุณตู๋จะแปลงร่างจากชาวสวนมาเป็นแม่ครัวเอง

ต้มโคล้งชาววัง เมนูเด็ด

การทำเมนูอาหารคุณตู๋จะมักนำเอาอาหารที่หายสาบสูญจากวงการนำมาปรับปรุงใหม่เพื่อให้เข้ากับสมัยปัจจุบัน และเน้นที่จะใช้วัตถุดิบที่ปลูกเองในสวนเพราะมั่นใจว่าไม่มีสารเคมีปนเปื้อนเด็ดขาด เพราะฉะนั้นลูกค้าจึงมีความมั่นใจในอาหารทุกจานที่เสิร์ฟ

หน้าร้านอาหาร

ร้านอาหารสไตล์บ้านทุ่งที่มีแต่ความสุข มีธรรมชาติที่งดงาม พร้อมกับพืชผักที่ปลูกขึ้นมาด้วยความรักและใส่ใจในระบบเกษตรอินทรีย์หาได้ไม่ง่ายนัก แต่ที่นี่มีพร้อมเพื่อความผ่อนคลายในภารกิจหน้าที่การงาน สามารถมาชิมอาหารและเสพสุขกับธรรมชาติได้ที่นี่ สามารถติดต่อที่ เพจบ้านสีเขียวฟาร์มแอนด์ฟู้ดบายสวนผักคุณตู๋ แค่สระบุรีไม่ไกลกรุงเทพฯ

 

 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2566