เที่ยวกลางดง-ปากช่อง

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักและคิดถึงทุกท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างหนอกับสภาพอากาศร้อนแบบนี้ ร้อนมากๆ ร้อนสุดๆ ร้อนแบบที่ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน อย่าถามถึงค่าไฟ เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวกันเลยเชียว ทำให้คิดถึงความชุ่มเย็นของสายฝนที่โปรยปราย หมู่ไม้ก็สดชื่น เหล่าสรรพสัตว์ก็พลอยมีชีวิตชีวา อย่างหนึ่งที่ต้องมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือการปลูกต้นไม้ครับ ใช้ต้นไม้เพิ่มความเขียวและลดความร้อนจากแดดที่แผดจ้า ปลูกไปเถอะ ไม้อะไรก็มีประโยชน์ทั้งนั้น

กับคุณหน่อย แห่ง Berry CU

สัปดาห์นี้ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวกลางดงแล้วเลยไปปากช่องครับ จากแผนที่วางไว้คือแวะไปเรื่อย แต่พอคำนึงถึงความเป็นจริงงั้นขอไปไกลก่อนดีกว่า จึงขับรถเลยไปที่ปากช่องก่อนครับ มีนัดที่สวน Berry CU กับ คุณหน่อย-อนุรีย์ ณ สงขลา เลขที่ 248 หมู่ที่ 11 บ้านนิคมลำตะคอง ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

เดิมเมื่อปี 2564 คุณหน่อยเคยลงในหนังสือเทคโนโลยีชาวบ้านมาแล้ว (ผมเองอยากไปชมแต่ยังไม่มีจังหวะสักครั้ง ช่วงนี้พอได้เดินทางไปกลางดงก็เลยนัดเข้าชมเสียเลย) นั่นเป็นช่วงแรกที่เริ่มลงมือสร้างสวนผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป บางส่วนก็ลดจำนวนลง และเพิ่มผลไม้ชนิดอื่นลงไป คุณหน่อย บอกว่า อยากกินอะไรก็ปลูกไป ทั้งเป็นการทดลองและเพื่อเป็นการสร้างแหล่งผลไม้ที่ตัวเองชอบ แถมยังเป็นส่วนหนึ่งของรายได้เมื่อแปรรูปมาจำหน่าย ถึงวันนี้ อะบิว ลำไยคริสตัล แอปเปิ้ล หว้าสีชมพู ฯลฯ เริ่มได้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง ไม่นับตระกูลเบอร์รี่ที่มีทั้งผลสดและแปรรูปต่างๆ

เครื่องดื่มหลากหลายจากสวน

เริ่มต้นจากความชอบส่วนตัวของครอบครัว เริ่มหักร้างถางพงมาปลูกไม้ผลที่ตัวเองชอบ จากสวนที่มีแต่หินเต็มพื้นที่ ค่อยขยับ ค่อยปรับกันไป จากเพิงที่ตั้งใจไว้หลบแดดและพักผ่อนบ้าง ถึงวันนี้ก็กลายเป็นร้านอาหารเล็กๆ ในสวนผลไม้ มีสระว่ายน้ำ มีผลไม้สดและแปรรูปจำหน่ายให้ลูกค้าเก็บเองอีกด้วยนะ ดังนั้น ลูกค้าส่วนมากจะมากันเป็นกลุ่ม เป็นครอบครัว มีพื้นที่ให้เด็กๆ และสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่น มาทำกิจกรรมกันได้หลากหลาย เรียกว่าตอบโจทย์คนทำสวนสมัยใหม่ได้ไม่น้อย

ผมได้ชิมหลากหลายเมนูของที่นี่ ประทับใจที่สุดคือเสาวรสแปรรูป มีการนำผลเสาวรสไปปอกเปลือกนอกออก เหลือเปลือกเนื้อในพร้อมรกและเมล็ดนำมาแช่อิ่ม เป็นเมนูเสาวรสลอยแก้วที่เย็นชื่นใจ มีกลิ่นหอม รสหวานเจอเปรี้ยวอย่างเหมาะสม แยมเบอร์รี่ก็อร่อย เครื่องดื่มสายชาก็ต้องชาในฟิกส์ กลิ่นหอมชื่นใจ กาแฟมีให้เลือกมากมายหลากรส หากท่านใดสนใจอยากไปสัมผัสเองก็ติดต่อไปได้ที่โทร. 065-669-7969 และ 061-289-3562 ที่สำคัญสุด ตอนนี้คุณหน่อยเขียนหนังสือขึ้นมา 1 เล่ม เป็นเรื่องราวของการทำสวนเบอร์รี่ล้วนๆ สนใจสอบถามได้เลยครับ

พี่บุญลือพาลุยสวนบุญบันดาล

ออกจากสวนคุณหน่อยผมก็มาต่อที่สวนบุญบันดาลของ พี่ลือ-บุญลือ สุขเกษม เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งสวนที่สะสมไม้ผลไม้แปลกมากมาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่เด่นๆ ในช่วงนี้ก็คือมะไฟทองสยาม มะไฟหวานที่มีรสหวานตั้งแต่ยังไม่สุกเต็มที่ อายุปลูกเพียง 2 ปีก็ติดผลดกอะร้าอร่ามพราวเต็มต้นทุกกิ่ง เพียงไปถ่ายรูปก็สวยงามแล้วครับ ยิ่งพอได้ชิมก็จะลืมมะไฟทุกสายพันธุ์ที่เคยชิมมา ราคาขายผลสดจากสวนก็เพียงกิโลกรัมละ 50 บาทเท่านั้น ดูเหมือนจะมีแผนกส่งออนไลน์ให้ด้วยนะครับ ลองสอบถามน้องเปิ้ลดูนะครับ โทร. 093-005-5573

เซียนท้อไต้หวันก็มีอยู่หลายสายพันธุ์ ที่ผมได้ชิมแล้วก็คือพันธุ์ซาลาเปาและรักบี้ ทั้งสองสายพันธุ์มีความแตกต่างอย่างโดดเด่นและชัดเจน รูปลักษณ์ของท้อซาลาเปาก็จะกลม ผลใหญ่ขนาด 500 กรัมได้ เนื้อเนียนละเอียด เปลือกบางมาก สามารถกินเปลือกได้เลย ส่วนพันธุ์รักบี้ก็มีทรงเหมือนลูกรักบี้เลย ขนาดผลที่เจอมาแล้วผลละกว่า 1 กิโลกรัม เนื้อเนียนละเอียดเช่นกัน มีความหอม รสหวานละมุน ที่ดีกว่านั้นคือกินแล้วไม่เกาะติดฟันเหมือนเซียนท้อทั่วไป เรียกว่าใครได้ชิมแล้วยังไงก็ต้องถามหาต้นพันธุ์ไปปลูกแน่ๆ และไม่ต้องกลัวนะครับ น้องเปิ้ลมีจำหน่ายและส่งให้ได้ด้วยครับ

เซียนท้อรักบี้ผลนี้เกินกิโลกรัม

อีกหนึ่งที่โดดเด่นของสวนนี้ในตอนนี้ก็คืออะบิวครับ ใช้สายพันธุ์ไต้หวันและล้างรากนำเข้ามาปลูก ข้อดีของสายพันธุ์นี้ก็คือผลเพียงห่ามก็มีรสหวานไม่ติดฝาดแล้ว ยิ่งลูกสุกเหลืองจะยิ่งหวาน ไม่มียางติดปากเลยสักนิด เป็นอีกหนึ่งไม้ผลที่ใครได้ชิมก็วางไม่ลง ต้องถามหาต้นพันธุ์ไปปลูกอีกเช่นกัน โทร.หาน้องเปิ้ลได้ครับ คนนี้เป็นแผนกการตลาดของสวนนี้เลย

รอบนี้ผมไปชิมแค่ 3 ชนิดเท่านั้น แต่สวนนี้มีอีกสารพัดเลยนะครับ บางอย่างยังไม่ได้ขยายพันธุ์ไว้ก็ขออุบไว้ก่อน แต่ที่ทำพันธุ์ไว้มีมากมายจริงๆ น้อยหน่าก็ดี ลำไยก็แจ่ม ชมพู่ก็ไม่น้อยหน้าใคร หากมีโอกาสขอเชิญทุกท่านไปที่สวนบุญบันดาลสักครั้งครับ พื้นที่สวนอยู่ริมเขา บรรยากาศสวยงามมาก ที่สำคัญ เตรียมพื้นที่ว่างในรถเพื่อไปขนต้นไม้มาปลูกด้วยนะครับ ผมบอกเลยว่าใครที่ไปถึงสวนนี้แล้ว รับรองว่าท่านจะไม่ได้กลับมือเปล่าแน่นอน

อีลอกหางวัวสวนคุณชาตรี

ปิดท้ายด้วยสวน คุณชาตรี-สุธิชาญ สุขจันทา แห่งกลางดง สวนนี้เดิมจะเป็นสะเดาดอกทอง (ชื่อพันธุ์นี้ผมตั้งให้เอง เนื่องจากเป็นสะเดามันทะวายออกดอกตลอดทั้งปี ช่วงนอกฤดูจะราคาดีมาก ก็เลยเป็นเงินเป็นทองแบบนั้น) แต่มาวันนี้ที่สวนได้เพิ่มผลผลิตขึ้นมาอีกในพื้นที่เดิม โดยการปลูกพืชใต้ดิน นำเมล็ดพันธุ์และหัวฝังดินเอาไว้ ที่เห็นแล้วตอนนี้ก็คือกระเจียวหวานและอีลอกพันธุ์หางวัว ซึ่งทางสวนก็มีกล้าพันธุ์จำหน่ายด้วยนะครับ ทั้งสะเดาทะวายพันธุ์ดอกทอง กระเจียวหวาน อีลอกพันธุ์หางวัว แถมยังมีกล้าไม้อีกหลายชนิดที่กำลังขยายปริมาณ ทั้งเลม่อน ชมพู่ อะโวกาโด ฯลฯ สนใจก็ลองโทร.สอบถามกันได้ครับ 094-878-7700

สะเดาที่เสียบยอดเข้าถุงอบรอส่งลูกค้า

ทั้งสามสวนต้องเรียกว่าเป็นสวนที่มีชื่อเสียง มีผลผลิตจากสวนที่เป็นสายพันธุ์แท้ เคยลงสื่อมาแล้ว และครั้งนี้ก็เหมือนผมได้ไปเยี่ยมไปเยือนสวนของเกษตรกรที่ยังเดินหน้ากันอยู่เช่นนี้ อยากให้ท่านผู้อ่านได้ไปพบไปเรียนรู้กันครับ แต่ละสวนยินดีให้คำแนะนำอย่างดีที่สุด ที่สำคัญ มีผลผลิตให้ได้ชิมด้วยนะ ขอเพียงไปให้ตรงช่วงที่มีผลผลิตเถิด

นี่แหละครับ 1 วันสำหรับการเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ได้เที่ยว 3 สวนและโบกมือลากันก็เมื่อตะวันจะลาลับขอบฟ้าแล้ว ได้เวลากลับเข้าสู่เมืองฟ้าอมรเพื่อเดินหน้าทำงานกันต่อไป ขอแนะนำครับ หากมีเวลาก็ไปตามลายแทงผมนี้ได้เลย ติดต่อไปหาแต่ละสวนตามที่ผมแจ้งไว้ได้เลยครับ ท้ายนี้ขอขอบคุณเจ้าของสวนทุกท่าน และขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านครับ พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ สวัสดีครับ