เกษตรที่ดีต้องมีเครือข่าย

มีคำถามหลายคำถามเกิดขึ้นในวงเสวนาเกี่ยวกับการเกษตรหลายครั้ง ที่บางครั้ง ต้องตอบตามทฤษฎี หรือโมเดลที่ตั้งไว้ แต่ไม่ได้ปฏิบัติอย่างแท้จริง ตอบไปอย่างนั้น อย่างนี้ เพื่อให้ผ่าน แต่เกษตรกรผู้นั่งฟังก็ยังสับสน เพราะคำถามที่ได้ยินประจำ ปลูกแล้วขายให้ใคร เลี้ยงแล้วขายให้ใคร ลงทุนแล้วจะได้กำไรไหม ราคานี้มีจริงใช่ไหม ข้อมูลคำถามเหล่านี้ ถ้าได้ลงมือทำจริงก็จะตอบอย่างมั่นใจ และผู้รับฟังก็จะมีความสุข วันนี้มีการตื่นตัวเรื่องการทำเกษตรเป็นจำนวนมาก ทั้งแปลงใหญ่ แปลงเล็ก หรือการทำแบบวิถีพอเพียง

พืชเติบโตเจริญวัยขึ้นทุกวัน บางชนิดออกผลิตผลภายใน  40-45 วัน ออกมาถ้าปลูกแล้วพออยู่พอกินไม่เป็นปัญหา ปลูกแล้วเป็นธุรกิจ จะต้องมีการวางแผนการตลาดที่ดี นี่แหละคือปัญหาใหญ่ เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงไว้ในคอก ก็ต้องดูแลเรื่องโรคต่างๆ ที่มาตามฤดูกาล การวางแผนที่ดี เพื่อทำให้เกิดการตลาดที่ยั่งยืนก็ควรจะต้องมี ต้องศึกษาให้ละเอียด มิเช่นนั้นจะมีปัญหาตามมา ผมมั่นใจนะครับว่าคุณผู้อ่านทุกท่านคือเกษตรกรมืออาชีพ เรียนผิดเรียนถูก ผิดเป็นครูก็มีมาให้เห็นเยอะมาก บางจุดยังมีร่องรอยของโรงเรือนที่ร้างไม่มีการเพาะปลูกต่อ เกษตรกรส่วนใหญ่จะกล้าลงทุนก้อนแรกแล้วเห็นผลเลย ซึ่งทุกคนก็ต้องการอย่างนั้น

มาที่การทำเกษตรให้ยั่งยืนทำอย่างไรดีกว่าครับพี่น้องเกษตรกร ระบบการเกษตรที่เน้นความยั่งยืนทั้งทางสิ่งแวดล้อม ทางสังคม และเศรษฐกิจ โดยเน้นการปรับปรุงบํารุงดินที่ดี เคารพต่อศักยภาพทางธรรมชาติของพืช สัตว์ และนิเวศเกษตร จะเป็นเกษตรอินทรีย์จึงต้องลดการใช้ปัจจัยการผลิตจากภายนอก ปุ๋ยมีไหม และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ขณะเดียวกัน ประยุกต์ใช้ธรรมชาติในการเพิ่มผลผลิต และพัฒนาการต้านทานโรค ที่สำคัญต้องมีเรื่องการตลาดที่ยั่งยืน

ก่อนที่จะเข้าการตลาดที่ยั่งยืน ต้องมีสูตรและเทคนิคพิเศษ เกษตรกรต้องเรียนรู้ไปด้วยกันครับ ในท้องทุ่งกว้างจะต้องมีพันธุ์พืชที่ดี เพื่อที่จะขยายพันธุ์ต่อ แต่ละตำบล แต่ละอำเภอ แต่ละจังหวัด ก็มีต้องมีเกษตรกรที่มีคุณสมบัติ ที่เป็นเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ปลูกเป็นใช่ว่าจะแปรรูปเก่ง แปรรูปเก่ง ไม่ใช่ว่าจะขายของได้ดี แต่ถ้านำบุคคลที่เกี่ยวข้องมาอยู่รวมกัน มาระดมสมองกัน มาสร้างเป็นเครือข่าย ที่ทำให้เกิดประโยชน์มากมาย ต่อการเป็นเกษตรกรที่ยั่งยืน

การวางแผนที่ดีคือการวางแผนเพื่อลดต้นทุนการผลิต ไม่มีเกษตรกรท่านไหนอยากจ่ายเงินเยอะๆ แล้วผลผลิตออกมาน้อยๆ ออกมาแล้วขาดทุน เกษตรกรต้นน้ำ จึงต้องวางแผนให้ดี เงินเมื่อลงทุนไปแล้วจะเห็นผลก็ต่อเมื่อมันกลับมาหาที่กระเป๋าเรา ในรอบของการเก็บเกี่ยวผลผลิต เคยสังเกตไหมครับเวลาตั้งใจทำอย่างจริงจัง บางครั้งก็มีปัญหา เรื่องของแมลง เรื่องปัญหารอเวลาผลผลิตตอนเก็บเกี่ยว เราจะทำอย่างไร เกษตรกรส่วนใหญ่ ปลูกแล้วก็ทิ้งไปทำงานอย่างอื่น วนไปดูการเจริญเติบโตของพืชเหล่านั้น เกษตรกรจึงไปหาพืชโตไว ทิ้งระยะห่างกันสัก 2 สัปดาห์ พอโตมาจะออกผลออกลูกไล่เลี่ยกันไป หรือจะปลูกข่า ปลูกมะกรูด ปลูกตะไคร้ ปลูกพริก ไว้เพื่อรอพืชชนิดอื่น

การรู้จักเครือข่ายก็คือเรื่องสำคัญอย่างอยาก ถ้าเอาพี่น้องเกษตรกรมาอยู่รวมกันเยอะๆ รู้จักเจ้าของชาวนาแปลงใหญ่ รู้จักเจ้าของโรงสี รู้จักเจ้าของฟาร์มวัว รู้อะไรไม่สู้รู้จักกัน การมีเครือข่ายที่ชำนาญหลายเรื่อง มันจะทำให้เกิดไอเดีย เกิดธุรกิจ ต่อยอดไปถึงเรื่องการตลาดในที่สุด

มีเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จหลายท่าน ใช้เวลาว่างช่วงรอผลผลิต ก็จะหาเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ไปหาเพื่อนๆ ในกลุ่มเกษตรกรต่างๆ เพื่อไปเพิ่มพูนความรู้ ไปตามสมาชิกสหกรณ์ หาข้อมูลในการลดต้นทุนการผลิต หาสายพันธุ์พืชต่างๆ เพื่อนำไปสู่การหารายได้ในเรื่องใหม่ๆ ในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อไม่ให้กลุ่มไม่หวังดี ไปหลอกลวงถึงในสวนในไร่ เราจึงต้องมีเครือข่าย แลกเปลี่ยนและเรียนรู้ ไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง เกษตรกรท่านนี้ ชำนาญเรื่องพืชชนิดนี้ บางคนก็ชำนาญเรื่องนั้น บางท่านก็เจอปัญหามาแล้ว จะได้จดได้จำ รวมไปถึงตั้งเป็นชมรม ตั้งกลุ่มช่วยเหลือกันเรื่องการตลาด ของอย่างนี้ ถ้าไม่เจอหน้าตาก็ไม่มีความไว้ใจ เมื่อมีความไว้ใจกันแล้วข้อมูลต่างๆ ที่ไม่อยากบอกกันก็จะทยอยออกมา สร้างเป็นกลุ่มที่เข้มแข็ง ได้คุยได้ประสานงานหน่วยงานของรัฐ

ความรู้เรื่องเกษตรก็จะก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น การสื่อสารก็จะกล้าพูดกล้าคุยมากขึ้น ปัญหาก็จะไม่ไปอยู่ในสวนหรือท้องไร่ท้องนาต่อไป มีการปรึกษา มีการหารือ ถกกันในห้องกาแฟ คุยกันกับหน่วยงานของรัฐ รู้เขารู้เรา วางแผนทำอะไรก็จะได้ผลตามที่เราวางเป้าหมายไว้ เมื่อเรามีของดีไม่มีโชว์ ไม่มีคนรับรู้ก็จะเก็บเก่าลืมไปตามกาลเวลา ของดีต้องบอกต่อ โชว์แล้วเพื่อนเห็น เพื่อนทดลองใช้ ก็จะบอกต่อกันไป ความรู้ก้าวหน้า เมื่อเรียนรู้จนถ่องแท้ เราก็พัฒนาเครือข่ายต่อไป

เกษตรทางรอดในยุคใหม่ อย่าอยู่อย่างโดดเดี่ยว ต้องรวมกลุ่มรวมตัวเป็นเครือข่าย แต่ละคนก็มีของมารวมมาโชว์ ถึงเวลานั้น การตลาดที่ยั่งยืนจะตามมา การวางแผนที่ดี คิดไว้ก่อน แล้วลงมือทำ รับรองเห็นผลแน่นอน