ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
การเกษตรเป็นงานที่หลายคนให้ความสนใจ โดยเริ่มทำจากความรักความชอบก่อน เมื่อลงมือทำยิ่งมีประสบการณ์เกิดความสนุก และสิ่งที่ตามมาคือเรื่องของตลาดเพื่อขาย ทำให้เกิดเป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้ไม่น้อยทีเดียว
เหมือนเช่น คุณปรมพร สีเหนี่ยง หรือ คุณแจง ทำสวนผักเกษตรอินทรีย์ โดยใช้เวลาว่างจากงานประจำมาทำสวนผักเกษตรอินทรีย์ในแบบที่ชอบ โดยใช้พื้นที่ว่างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาสร้างเป็นสวนเกษตรในแบบที่ต้องการ ทำให้ในทุกวันหลังเลิกงานและวันหยุด ใช้เวลาให้มีความสุขในสวนเกษตรอินทรีย์อันเป็นที่รัก
ชอบกินผัก จึงคิดทำแปลงผักอินทรีย์
คุณแจง เล่าให้ฟังว่า สนใจในเรื่องของสุขภาพมาก โดยแต่ละวันในมื้ออาหารของคุณแจงจะต้องมีผักร่วมอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังปั่นน้ำผักน้ำผลไม้ดื่มเองอยู่เป็นประจำ ซึ่งการนำพืชผักเหล่านี้มาบริโภคนั้น ต้องเลือกผักที่ไร้สารพิษจริงๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจปลอดภัยในทุกมื้อ คุณแจงจึงได้ปรึกษากับแฟน และเริ่มต้นมาปลูกผักอินทรีย์ เพื่อใช้บริโภคในครัวเรือนและต่อมาสามารถสร้างรายได้ด้วยเช่นกัน
“ประมาณปี 2559 คุยกับแฟนเรื่องการทำเกษตร ว่าน่าจะปลูกผักอินทรีย์ไว้กินเอง เพราะเรายังมีพื้นที่ว่างอยู่ พื้นที่ที่ทำเกษตรก็อยู่ภายในกรุงเทพฯ ไม่ต้องเดินทางออกไหนไกล เริ่มแรกไม่ได้คิดว่าจะขาย เพียงแต่จะไว้กินในครัวเรือนเท่านั้น แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ ก็มีเพื่อนๆ เข้ามาติดต่อขอซื้อ คนก็เริ่มบอกกันไปปากต่อปาก พร้อมกับพืชที่เราปลูกเริ่มมีจำนวนมากขึ้น จึงเป็นโอกาสทำให้เราเริ่มที่จะทำการค้าขาย โดยมีการออกจำหน่ายตามตลาดต่างๆ ผลตอบรับดี” คุณแจง บอก
มีพื้นที่น้อย แบ่งโซนชัดเจน ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด
คุณแจง เล่าถึงการจัดสรรเนื้อที่ของการทำเกษตรอินทรีย์ บนเนื้อที่ 4 ไร่ ให้ฟังว่า คุณแจงและแฟนไม่ได้มีองค์ความรู้การทำเกษตรมากนัก เพราะที่ดำเนินการนั้นก็เกิดจากความชอบล้วนๆ จึงทำให้ได้มีเวลาศึกษาข้อมูลการทำเกษตรในที่ต่างๆ ยิ่งทำให้ได้รับความรู้มากขึ้น โดยทางรอดที่จะช่วยให้สวนสามารถอยู่ได้ คือต้องมีพืชผักหลายๆ ชนิด และเน้นทำสวนเกษตรอินทรีย์เป็นการปลูกพืชผสมผสาน ทำให้มีผลผลิตที่แตกต่างแต่แบบครบวงจร
การแบ่งเนื้อที่สำหรับทำเกษตรอินทรียนั้น มีการขุดบ่อน้ำขึ้นมาใหม่ใช้รดน้ำให้พืชผักภายในสวน พร้อมทั้งวางระบบน้ำให้ง่ายต่อการทำงานมากขึ้น เนื่องจากสวนของคุณแจงเน้นในเรื่องของการทำเกษตรอินทรีย์เป็นหลัก การใช้ดินปลูกจึงสำคัญ ต้องมีการปรับปรุงบำรุงดินให้เหมาะสม ส่วนพืชที่เน้นปลูกมีตั้งแต่ผักสวนครัว อย่างเช่น ถั่วฝักยาว มะเขือ คะน้า เป็นต้น ส่วนผักสลัดจะปลูกให้มีความหลากหลาย เป็นชนิดที่เหมาะสมกับการนำมาทำเป็นน้ำผักปั่น
“หลังได้ผลผลิตจะเน้นบริโภคในครอบครัว ต่อมาพอผลผลิตเริ่มมากขึ้น จะแจกจ่ายเพื่อนบ้าง ทีนี้เริ่มมีคนสนใจมากขึ้น ก็เลยวางแผนการผลิตเพื่อทำขายบ้าง ทำให้ต่อมาสินค้าก็บอกกันไปปากต่อปาก ทำให้ผักอินทรีย์เราขายได้อย่างต่อเนื่อง บางช่วงก็ผลิตไม่ทัน เพราะการทำเกษตรอินทรีย์ ค่อนข้างที่จะทำได้ลำบากหน่อย เรื่องดินต้องปลอดสารพิษจริงๆ” คุณแจง บอก
ซึ่งการปรับปรุงบำรุงดิน คุณแจง บอกว่า จะมีการเลี้ยงไส้เดือน เพื่อเป็นการสร้างปุ๋ยจากธรรมชาติ ส่วนในเรื่องของโรคและแมลง คุณแจงจะไม่มีการใช้สารเคมี เน้นใช้สารชีวภัณฑ์ให้เหมาะสมกับการทำเกษตรอินทรีย์ เพราะแปลงผักได้รับการรับรองมาตรฐานการทำเกษตรอินทรีย์ เรื่องการผลิตเราจึงต้องใส่ใจ
ส่งขายผลผลิตอินทรีย์ เน้นกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ
การทำตลาดเพื่อขายผลผลิต คุณแจง บอกว่า ช่วงแรกที่มีผลผลิตจำนวนมากขึ้น จะสร้างเป็นสินค้าออกสู่ตลาดที่ได้มาตรฐานโดยใส่บรรจุภัณฑ์ที่ดี เพื่อนำไปจำหน่ายยังตลาดสดต่างๆ พร้อมทั้งทำตลาดออนไลน์โดยสร้างเพจเฟซบุ๊กที่เป็นของสวนเองโดยเฉพาะ จึงทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อมาซื้อขายได้ง่ายขึ้น
โดยราคาผักอินทรีย์ที่ขายเป็นราคาที่แพงว่าท้องตลาดทั่วไป แต่เนื่องจากสินค้าที่ผลิตเป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์จริงๆ เพราะใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การเตรียมแปลง การดูแล ที่ทำด้วยใจรัก และอยากให้ลูกค้าได้กินผลผลิตที่ปลอดภัย จึงทำให้ในเรื่องของราคาขายสูงกว่าพืชผักสวนครัวทั่วไป
“ราคาที่ตั้งไว้ค่อนข้างที่จะสูงพอสมควร มีการแพ็กใส่ถุงสำหรับคนที่ซื้อจำนวนน้อยถุงละ 20-30 บาท โดยผักใบอย่างผักสลัด จะขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท และพืชผักสวนครัวทั่วไปราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 160-170 บาท ลูกค้าที่ซื้อจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ชอบผักอินทรีย์จริงๆ ลูกค้าทุกคนค่อนข้างที่จะพอใจ และยังกลับมาซื้อซ้ำๆ อยู่เสมอ” คุณแจง บอก
สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของการปลูกผักอินทรีย์ คุณแจงแนะนำจากประสบการณ์ที่ทำมาว่า ต้องเรียนรู้ที่จะปลูกผักแบบมีใจรักก่อน แล้วสิ่งที่ได้รับจากการทำเกษตรก็คือความสุขและผลพลอยได้ที่ตามมาในเรื่องของรายได้จะตามมาเอง
หากสนใจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณปรมพร สีเหนี่ยง หรือ คุณแจง ฟาร์มตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 3 ซอยสวนสยาม 16 แยก 3 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ 062-789-7456
เผยแพร่ครั้งแรก วันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ.2567