ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
กล้วยไม้สกุลหวาย ในประเทศไทยมีความต้องการดอกอยู่มาก เพราะด้วยความเชื่อและความศรัทธาที่มีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืองานประเพณีต่างๆ ตามเทศกาล กล้วยไม้ตัดดอกถูกนำมาใช้ประโยชน์อยู่ตลอดทั้งปี ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด จึงเกิดเป็นรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไม้ได้เป็นอย่างดี
คุณจตุพร ศรีวารีรัตน์ เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรรุ่นใหม่ที่รับช่วงต่อการปลูกกล้วยไม้ตัดดอกจากครอบครัว พร้อมทั้งมีการแบ่งขายไม้ขวดและไม้นิ้วให้กับเกษตรกรรายอื่น จึงเกิดเป็นรายได้หลากหลายช่องทางสามารถทำรายได้ให้กับเธอได้เป็นอย่างดี
คุณจตุพร เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนครอบครัวของเธอทำอาชีพทางการเกษตรหลากหลาย เช่น การปลูกผักตลอดจนถึงสวนผลไม้ ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับยังไม่ดีมากนัก ทำให้คุณพ่อคุณแม่ของเธอตัดสินใจมองหาพืชชนิดอื่นมาปลูกแทน จึงได้หันมาทำสวนกล้วยไม้เพื่อตัดดอกส่งขายในเวลาต่อมา ซึ่งพันธุ์กล้วยไม้ที่นำเข้ามาปลูกทั้งหมดภายในสวนบางส่วนได้มาจากสวนกล้วยไม้ของคุณลุง และมีบางสายพันธุ์ซื้อเข้ามาปลูกภายในสวน เพื่อให้ผลผลิตมีความหลากหลายมากขึ้น
“ช่วงประมาณปี 2547 คุณแม่เห็นพี่ชายคือคุณลุงทำสวนกล้วยไม้อยู่ รายได้ก็ค่อนข้างดี คุณลุงก็เลยแนะนำให้มาลองทำสวนกล้วยไม้ดู เพราะว่าตลาดยังต้องการดอกกล้วยไม้ตัดดอกอย่างต่อเนื่อง ครอบครัวจึงคิดที่จะเปลี่ยนจากทำสวนผักสวนและผลไม้ มาปลูกสวนกล้วยไม้สกุลหวาย โดยผลิตสินค้าตามที่ตลาดต้องการเป็นหลัก”
การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้เพื่อผลิตเป็นกล้วยไม้ตัดดอกนั้น ขั้นแรกจะนำไม้ออกจากขวดเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ที่ทางสวนของคุณจตุพรจ้างห้องแล็บขยายพันธุ์ไว้ และนำไม้เหล่านั้นมาปลูกเลี้ยงให้เจริญเติบโตจนออกดอก ซึ่งไม้ที่ส่งเข้าห้องแล็บบางตัวเกิดจากสวนผสมขึ้นมาเอง เมื่อเห็นว่ามีสายพันธุ์ที่นิ่งและมีดอกสวยตามที่ต้องการแล้ว จากนั้นจะส่งหน่อไปขยายพันธุ์ในระบบเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้ทางแล็บดำเนินการขยายพันธุ์ ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ไม้ในขวดทั้งหมดก็จะโตเต็มที่ พร้อมให้นำกลับมายังสวน เพื่อนำออกจากขวดปลูกผลิตดอกต่อไป
การนำกล้วยไม้ออกจากขวดเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อนั้น คุณจตุพร บอกว่า จะใช้เหล็กขอเขี่ยกล้วยไม้ออกมาแต่ถ้าบางสวนคิดว่าเสียเวลาก็จะทุบขวดให้แตก จากนั้นนำกล้วยไม้มาล้างรากให้สะอาด จากนั้นนำกล้วยไม้มาห่อโคนต้นด้วยกาบมะพร้าว ในลักษณะที่เป็นตุ่มวางให้อยู่ในถาดหลุมประมาณ 5 เดือน ดูแลรดน้ำในช่วงเช้า แต่ถ้าเห็นว่าระหว่างวันมีสภาพอากาศที่ร้อนเกินไป จะรดน้ำให้กับกล้วยไม้ในช่วงเย็นอีก 1 ครั้ง
“ไม้ที่ปลูกในถาดหลุม ใช้เวลาดูแลประมาณ 5 เดือน ไม้ก็จะโตขึ้นมาพอสมควร จากนั้นย้ายไปปลูกลงในกระบะปลูกที่ทำจากกาบมะพร้าว และส่วนที่เหลือจากใช้เองภายในสวนก็จะขายให้กับเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจ ขายเป็นไม้นิ้วราคาอยู่ที่ต้นละ 10 บาทโดยประมาณ”
ในขั้นตอนการนำกล้วยไม้ลงปลูกในกระบะกาบมะพร้าว จะใช้ไม้เสียบลูกชิ้นเสียบยึดไว้ให้ต้นติดกับกาบมะพร้าวให้แน่น ดูแลด้วยการใส่ปุ๋ยและฉีดพ่นยาเพื่อป้องกันโรคและแมลง ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 20-20-20 ในอัตราส่วนปุ๋ย 500 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ดูแลเช่นนี้จนกล้วยไม้มีอายุ 8 เดือน ถึง 1 ปี ไม้ก็จะเริ่มให้ช่อดอกออกมาให้เห็น จากนั้นเปลี่ยนปุ๋ยเป็นสูตรตัวท้ายสูง เช่น ปุ๋ยสูตร 5-30-30 ในอัตราส่วนเท่าเดิมฉีดพ่นแทน
“พอไม้เริ่มให้ดอกตัดขายได้ ช่วงนี้ต้องระวังโรคและแมลงให้มากๆ โดยเฉพาะจำพวกเพลี้ยไฟ และก็ตัวบั่ว จะเข้ามาเจาะดอกเพื่อวางไข่ใส่ในดอกกล้วยไม้ ส่งผลให้ดอกเน่า ส่วนฤดูฝนต้องระวังเรื่องเชื้อรา ซึ่งการฉีดพ่นยาเราก็จะดูแลตามอาการที่เกิด ป้องกันให้ทันท่วงที”
การทำตลาดส่งกล้วยไม้ตัดดอก คุณจตุพร บอกว่า ตั้งแต่สมัยครอบครัวทำสวนใหม่ๆ ได้ทำการติดต่อซื้อขายกับบริษัทที่รับซื้อไว้หลายที่ ซึ่งบริษัทเหล่านั้นจะเป็นผู้นำกล้วยไม้ทั้งหมดส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยสีของกล้วยไม้ตัดดอกที่ตลาดต้องการส่วนใหญ่ คือ สีขาว สีแดง และสีชมพู โดยที่สวนของเธอจะเน้นปลูกกล้วยไม้จำพวกสกุลหวายและสกุลม็อคคาร่าเป็นหลัก
“กล้วยไม้ที่สวนจะตัดทุกวัน เว้นวันอังคารวันเดียว ทางบริษัทที่ส่งออกเขาก็จะออร์เดอร์มา ซึ่งออร์เดอร์ก็อยู่ที่เมืองนอก ว่าช่วงนี้งานเทศกาลอะไร ต้องการดอกกล้วยไม้สีไหน บางช่วงต้องการเยอะก็ตัดขายได้หมด บางช่วงมีไม่พอขาย การปลูกไม้ที่ดี ควรเลือกปลูกแบบที่ได้ราคาดี เป็นไม้ที่มีไม่มากตามท้องตลาด ดอกสีสวยแปลกตา ก็จะช่วยส่งผลให้กำหนดในเรื่องของราคาเองได้ ส่วนไม้ที่เป็นไม้ทั่วไป ราคาก็จะอยู่ที่กลไกตลาด”
ราคาดอกกล้วยไม้ที่ส่งขายมีตั้งแต่ช่อละ 40 สตางค์ ไปจนถึงช่อละ 10 บาท ซึ่งราคาสามารถขึ้นลงได้ตามกลไกตลาด ส่วนดอกกล้วยไม้ตกเกรดจะส่งขายเป็นไม้ตลาด เพื่อให้แม่ค้านำไปทำเป็นกำสำหรับบูชาพระ จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางทำให้ดอกกล้วยไม้ภายในสวนขายได้ทั้งหมด
สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ตัดดอกขาย คุณจตุพร แนะนำว่า สิ่งแรกที่ต้องหาไว้ก่อนที่จะเริ่มทำสวนคือตลาด รองลงมาคือการเลือกสายพันธุ์ของกล้วยไม้ที่จะนำมาปลูก ว่ามีความแปลกใหม่มากน้อยแค่ไหน เพราะจะส่งผลในเรื่องของราคาขายตามมา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณจตุพร ศรีวารีรัตน์ ณ ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ที่หมายเลขโทรศัพท์ 089-522-2978