กรมวิชาการเกษตร ประกาศแผนคุมคุณภาพทุเรียนส่งออกไปจีน พร้อมจัดชุดปฏิบัติการกว่า 180 คน อำนวยความสะดวกจนสิ้นสุดฤดูกาลส่งออก

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้แทนกรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย สมาคมผู้ประกอบการพืชผักผลไม้ไทย สมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออก สมาคมการค้าธุรกิจเกษตรไทย-จีน สมาคมทุเรียนไทย รองประธานคณะกรรมการเพิ่มมูลค่าพืชเกษตร และผู้ส่งออก ประชุมหารือเตรียมความพร้อมการส่งออกทุเรียนไปจีนของภาคตะวันออกฤดูกาลส่งออกปี พ.ศ. 2567 ภายใต้นโยบายของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการเพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่าภายใน 4 ปี โดยทุเรียนเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญที่จะขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวได้
การประชุมในครั้งนี้เพื่อสร้างแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ควบคุมคุณภาพทุเรียนส่งออกไปจีนตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่การกำหนดนโยบาย สวน โรงคัดบรรจุ การส่งออก การขนส่ง การตลาด การแปรรูป และการเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการ ที่มีการบูรณาการของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนในแต่ละขั้นตอนเชื่อมโยงกัน ภายใต้ “จันทบุรีโมเดล” พร้อมขยายผลไปทุกภูมิภาคที่ผลิตทุเรียนส่งออกทั่วประเทศ ทำให้มั่นใจได้ว่าการส่งออกทุเรียนไทยไปจีนในปี พ.ศ. 2567 จะยังคงสดใส ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับการแข่งขันจากประเทศคู่แข่งในตลาดจีนก็ตาม
 
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า แผนปฏิบัติการนี้จะมีประโยชน์อย่างมากต่อการกำหนดทิศทางในการทำงาน การควบคุมคุณภาพทุเรียนส่งออกไปจีนตลอดทั้ง Supply chain กรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลทั้งการขึ้นทะเบียนสวน GAP การขึ้นทะเบียน โรงคัดบรรจุ GMP-DOA การตรวจวิเคราะห์น้ำหนักเนื้อแห้งของทุเรียนตาม มกษ.3-2557 การตรวจสอบศัตรูพืชและการปฏิบัติตามพิธีสารไทย-จีน ณ โรงคัดบรรจุ การออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (PC) โดยด่านตรวจพืช รวมถึงประสานแก้ไขปัญหาในการส่งออกต่างๆ โดยในฤดูกาลส่งออกทุเรียนภาคตะวันออกปี 2567 นี้ กรมวิชาการเกษตรได้เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ สวพ.6 และศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรีกว่า 180 คน สลับเปลี่ยนหมุนเวียนทำหน้าที่ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนสิ้นสุดฤดูกาลส่งออก และได้ให้ด่านตรวจพืชเพิ่มผู้จัดการเขตพื้นที่ทุเรียนจากเดิม 6 คน เป็น 9 คน เพื่อให้ครอบคลุมไปยังพื้นที่ผลิตทุเรียนในจังหวัดอุตรดิตถ์ ศรีสะเกษ กาญจนบุรี และยะลา และเพิ่มกำลังนายตรวจพืชจากเดิม 44 คน เป็น 60 คน พร้อมให้บริการ อำนวยความสะดวกในการส่งออกแก่ผู้ประกอบการ
 
ขณะนี้สำนักงานศุลกากรของจีน (GACC) ขึ้นทะเบียนสวนทุเรียน GAP จำนวน 76,948 สวน (ข้อมูล ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567) ในจำนวนนี้อยู่ในภาคตะวันออก จำนวน 30,809 สวน และโรงคัดบรรจุ GMP-DOA จำนวน 1,926 แห่ง อยู่ในภาคตะวันออกจำนวน 875 แห่ง เฉพาะในจังหวัดจันทบุรี จำนวน 801 แห่ง จึงมั่นใจได้ว่าจำนวนใบรับรอง GAP ทุเรียนมีอย่างเพียงพอแน่นอน และกรมวิชาการเกษตรจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดหากพบการสวมสิทธิ์ใบรับรอง GAP หรือการให้เช่าโรงคัดบรรจุพร้อมกับใบรับรอง GMP-DOA” สำหรับสถิติการส่งออกทุเรียนส่งออกไปจีนในปี 2566 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกทุเรียนไปจีนทั้งหมด 57,000 ตู้ต่อชิปเม้นท์ ปริมาณสูงถึง 945,900 ตัน มูลค่า 120,469.34 ล้านบาท โดยส่งออกทางรถยนต์มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 63.90 รองลงมาคือทางเรือ ร้อยละ 31.72 ทางอากาศ ร้อยละ 3.21 และทางรถไฟ ร้อยละ 1.17 ส่งออกจากประเทศไทยจากด่านนครพนมมากที่สุด รองลงมาคือด่านเชียงของ และด่านท่าเรือแหลมฉบัง
 
“ในการประชุมครั้งนี้ยังได้มีการหารือถึงแผนรองรับเมื่อมีการประกาศใช้มาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ.9070-2566 เรื่อง “กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร: หลักปฏิบัติในการตรวจ และรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุ” โดย มกอช. และ สวพ.6 มีแผนที่จะจัดประชุมทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ขณะที่กรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตรยังเห็นชอบร่วมกันที่จะให้เชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรกับฐานข้อมูล GAP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบย้อนกลับ รวมทั้งจัดตั้งกองทุนทุเรียนเพื่อนำรายได้จากการส่งออกมาสนับสนุนการควบคุมคุณภาพทุเรียนทั้งระบบ” อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าว