3สมาคม MOU ซื้อหัวมัน1.90บาท สมาคมแป้งอ้างกลไกตลาดเมินเข้าร่วม

3 สมาคมมันเส้น จับมือ MOU ประกันราคารับซื้อมันเส้นส่งออกช่วยชาวไร่ กก.ละ 1.90 บาท ขณะที่กรมการค้าต่างประเทศ พร้อมออกมาตรการให้ผู้ประกอบการแจ้งวัตถุประสงค์การนำเข้ามัน เพื่อรับทราบข้อมูลและหามาตรการดูแลราคาไม่ให้ตกต่ำ ส่วนสมาคมแป้งมันไม่ยอมร่วมเซ็น MOU ด้วย อ้างมีผู้เล่นมากราย ราคาต้องเป็นไปตามกลไกตลาด

นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา กรมได้ประชุมร่วมกับ 3 สมาคมมันสำปะหลัง (สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย-สมาคมโรงงาน

ผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย) ถึงมาตรการนำเข้าและส่งออกมันสำปะหลัง เพื่อดูแลไม่ให้ราคามันสำปะหลังปี 2560/2561 ตกต่ำ โดยเบื้องต้นที่ประชุมเห็นชอบแนวทางมาตรการการนำเข้ามันสำปะหลังจากต่างประเทศ โดยเพิ่มมาตรการให้ผู้นำเข้ามันสำปะหลังต้องแจ้งวัตถุประสงค์การนำไปใช้ ก่อนการนำเข้าและการขนย้าย เพื่อให้สามารถกำกับดูแลสินค้ามันสำปะหลังได้ โดยมาตรการกำกับดูแลนี้จะเสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) และคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบต่อไป

“เดิมทีเรามีมาตรการดูแลการนำเข้าด้วยการขึ้นทะเบียน แต่ไม่ได้ระงับหรือห้ามนำเข้า สามารถนำเข้ามันสำปะหลังเข้ามาใช้ได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องเพิ่มการแจ้งวัตถุประสงค์การใช้เท่านั้น เพื่อกรมจะสามารถนำข้อมูลไปใช้กำหนดแนวทางดูแลราคาสินค้ามันสำปะหลัง อย่างไรก็ดี การเพิ่มมาตรการแจ้งวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้นั้นต้องมีการทำระบบไอทีเพื่อรองรับมาตรการใหม่นี้ด้วย” นายกีรติกล่าว

ประกันราคา – ผลหารือ 3 สมาคมระหว่างสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย-สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย มีข้อสรุปร่วมกันว่าดูแลราคารับซื้อมันสำปะหลังปี 2560/2561 โดยกำหนดราคาส่งออกมันเส้นขั้นต่ำตันละ 175 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นหัวมันกก.ละ 1.90 บ.

สำหรับแนวโน้มการส่งออกมันสำปะหลังในปี 2560 นี้ คาดว่า “จะขยายตัว” โดยเฉพาะมันเส้น เนื่องจากตลาดจีนมีความต้องการนำเข้าเพิ่มขึ้น 20% ในปีนี้ อีกทั้งจีนเชื่อมั่นคุณภาพมันสำปะหลังไทย ซึ่งการนำเข้าส่วนใหญ่ 90% จีนนำเข้าจากไทยเพื่อนำไปผลิตแอลกอฮอล์ คาดว่าผลผลิตมันสำปะหลังจะเริ่มออกในช่วงเดือนตุลาคม 2560 นี้ และจะออกมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม 2560 ถึงเดือนมกราคม 2561 ขณะที่คาดการณ์ผลผลิตนั้นยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากต้องดูผลกระทบจากน้ำท่วมด้วย

แหล่งข่าวจากสมาคมมันสำปะหลังกล่าวภายหลังการประชุมร่วมมีข้อสรุปว่า ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ทาง 3 สมาคมจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ส่งออกมันเส้นดูแลรับซื้อหัวมันสำปะหลังจากเกษตรกรในฤดูการผลิตปี 2560/2561 ในราคาเฉลี่ย (เปอร์เซ็นต์แป้ง 25%) กก.ละ 1.90 บาท เพื่อช่วยเหลือไม่ให้เกษตรกรขาดทุน โดยราคาดังกล่าวเมื่อนำมาแปรรูปเป็นมันเส้น ต้นทุนราคา กก.ละ 5.30-5.40 บาท หมายถึงภาคเอกชนต้องส่งออกในราคา FOB ไม่ต่ำกว่าตันละ 175 เหรียญสหรัฐ จากปัจจุบันที่ราคา 165 เหรียญ โดย

ผู้ส่งออกต้องแจ้งให้เกษตรกรรับทราบและทบทวนราคาทุก 2 สัปดาห์ ให้เป็นไปตามกลไกตลาดแต่ละช่วงด้วย ขณะที่กรมการค้าต่างประเทศจะออกมาตรการดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังจากเพื่อนบ้าน

“ปัจจุบันชาวไร่มันขาดทุนติดต่อกันมา 2 ปีแล้ว ทั้งที่ปลายทางมันเส้นไทยโรงงานแอลกอฮอล์ในจีนผุดขึ้นหลายแห่ง ดังนั้นราคาก็ควรเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่เพิ่ม เราจึงมากำหนดราคาส่งออกที่เหมาะสม 175 เหรียญ คำนวณว่าส่งออกไปขายเพื่อผลิตเป็นแอลกฮอล์ในจีนตันละ 4,580 หยวน มีกำไรอีก 200-300 หยวน ถือว่าต่ำแล้ว เพราะถ้าไปขายเท่ากับราคาแอลกอฮอล์ปัจจุบันสูงถึงตันละ 5,720 หยวน” แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของชาวไร่กังวลว่า แม้ว่าจะมีการตั้งราคาส่งออกขั้นต่ำมันเส้น “แต่ก็อาจไม่ได้ทำให้ราคาหัวมันสูงขึ้น” เพราะสัดส่วนการใช้หัวมันสดเพื่อผลิตมันเส้นมีเพียง 20-30% ส่วนอีก 70-80% ใช้ผลิตแป้งมัน ซึ่งในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กำหนดราคารับซื้อหัวมันขั้นต่ำครั้งนี้ “ทางสมาคมแป้งมันสำปะหลังไม่ยอมเซ็น MOU ด้วย”

ด้านนายบุญมี วัฒนเรืองรอง เลขาธิการสมาคมแป้งมันสำปะหลัง กล่าวว่า สมาคมแป้งฯได้เข้าร่วมหารือและรับทราบมาตรการกำหนดราคาส่งออกมันเส้นขั้นต่ำ แต่เนื่องจากลักษณะธุรกิจของโรงแป้งมีผู้ซื้อ-ผู้ขายจำนวนมาก การกำหนดราคาเป็นไปตามกลไกตลาด “ต่างจากมันเส้นที่มีผู้ซื้อ-ผู้ขายน้อยราย” มีการแข่งขันลดราคาส่งออกระหว่างผู้ส่งออกด้วยกันเอง ในช่วงที่ผ่านมาราคาส่งออกแป้งมัน FOB อยู่ที่ตันละ 320-330 เหรียญ หรือลดลงต่ำสุดในรอบหลาย ๆ ปี เพราะ “มีการแข่งขันสูง” ดังนั้นผู้ส่งออกแป้งจึงไม่สามารถจะกำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำได้ แต่ยืนยันว่า “โรงแป้งเป็นผู้ซื้อหัวมันหลัก 80-90% มีการแข่งขันราคากันและจะไม่กดราคาเกษตรกร โดยขณะนี้ราคาเฉลี่ยรับซื้อที่ กก.ละ 1.80 บาท” นายบุญมีกล่าว

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์