กรมส่งเสริมสหกรณ์ ปลื้ม 118 สหกรณ์เข้าร่วมโครงการปลูกพืชหลังนากว่าแสนไร่

กรมส่งเสริมสหกรณ์ปลื้ม 118 สหกรณ์ สนใจเข้าร่วมโครงการปลูกพืชหลังนากว่าแสนไร่ ส่วนใหญ่เลือกปลูกข้าวโพดเพราะเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ตลาดต้องการสูงปีละ 8 ล้านตัน 

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ในปีนี้ประเทศไทยเสี่ยงประสบภาวะภัยแล้ง ปริมาณน้ำโดยรวมในประเทศอาจจะไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก ทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหาย เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยแล้ง จึงต้องลดปริมาณการใช้น้ำ ลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง และหันมาส่งเสริมปลูกพืชทดแทนที่มีศักยภาพ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปัจจุบันไทยผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้เพียงปีละ 4-5 ล้านตันเท่านั้น จึงต้องนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และพืชชนิดอื่นในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นจำนวนมาก ดังนั้น กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นพืชทางเลือกหลังฤดูการทำนา ปีการผลิต 2566/67 เพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพียงพอกับความต้องการของตลาด และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง

โดยสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับการสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเป็นเงินหมุนเวียนเพิ่มสภาพคล่องให้กับสหกรณ์ในการรวบรวมผลผลิต และจัดหาปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช ฯลฯ ตลอดจนมีโอกาสเข้าร่วมโครงการจำหน่ายปุ๋ยในราคาพิเศษ โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของ ธ.ก.ส. ขณะเดียวกัน กรมส่งเสริมสหกรณ์มีการประชาสัมพันธ์โครงการและประสานเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันเชื่อมโยงเป้าหมายสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการในการเตรียมความพร้อมด้านการรับซื้อ การจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ และผลักดันให้เกิดการทำ MOU ระหว่างสหกรณ์กับคู่ค้า รวมทั้งกำกับดูแลในระดับพื้นที่ เพื่อร่วมวางแผน ติดตามและสะท้อนปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

นายวิศิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปีนี้มีสหกรณ์ทั่วประเทศสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลังนา จำนวน 30 จังหวัด 118 สหกรณ์ พื้นที่เพาะปลูก 109,881 ไร่ แบ่งเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ใน 25 จังหวัด 97 สหกรณ์ พื้นที่รวม 92,577 ไร่ และพืชอื่นๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ใน 16 จังหวัด 26 สหกรณ์ พื้นที่รวม 17,324 ไร่ โดยสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ กพส. วงเงินรวม 129 ล้าน จำนวน 20 จังหวัด สหกรณ์ 60 แห่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการเพาะปลูกและรอเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลังนาผ่านระบบสหกรณ์ สอดรับกับนโยบาย “การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นการจัดการผลผลิตทางการเกษตรให้เกิดความสมดุลทั้งด้านปริมาณและราคา เชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างเกษตรกรผู้ผลิต หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเกษตรอย่างยั่งยืน”

ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนให้สหกรณ์เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวโพดหลังนาอย่างต่อเนื่อง โดยปีการผลิต 2565/2566 มีเกษตรกรสมาชิกสมัครเข้าร่วมโครงการสูงขึ้นกว่าปีการผลิต 2564/2565 เป็นจำนวนมาก จากเดิมที่มีสหกรณ์เข้าร่วมจำนวน 48 สหกรณ์ ในพื้นที่ 17 จังหวัด ขยายเป็น 75 สหกรณ์ ในพื้นที่  23 จังหวัด พื้นที่เพาะปลูกจากเดิม 30,145 ไร่ เพิ่มเป็น 89,012 ไร่ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 42.9 เท่า โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์สนับสนุนวงเงินกู้กองทุนพัฒนาสหกรณ์จำนวน 165.92 ล้านบาท เพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตและรวบรวมผลผลิต โดยปีการผลิต 2565/2566 สามารถรวบรวมข้าวโพดหลังนาได้เพิ่มขึ้นจากปี 2564/2565 จากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบฝัก จำนวน 714 ตัน มูลค่า 4,219,700 บาท เพิ่มเป็น 1,687 ตัน มูลค่า 11 ล้านบาท และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบเมล็ด จำนวน 31,300 ตัน มูลค่า 255 ล้านบาท เพิ่มเป็น 133,274 ตัน มูลค่า 1,242 ล้านบาท

“วัตถุประสงค์สำคัญของโครงการนี้คือ ต้องการส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชชนิดเดียว เป็นการปลูกพืชหลากหลาย และเพื่อช่วยเหลือสมาชิกให้มีรายได้ มีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน โดยการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต บูรณาการร่วมกับเอกชนและหน่วยงานต่างๆ ขณะเดียวกัน ลดปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาผลผลิตตกต่ำ รวมถึงสร้างรายได้เพิ่มให้กับสมาชิกสหกรณ์ ดำเนินการผ่านระบบสหกรณ์ โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะทำให้สมาชิกสหกรณ์ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง มาปลูกพืชหลังนามากขึ้น เพื่อตัดวงจรแมลงและโรคระบาดในนาข้าว ลดปัญหาการขาดแคลนน้ำจากการปลูกพืชใช้น้ำน้อย ลดต้นทุนการผลิต ในด้านค่าใช้จ่ายในการเตรียมแปลง ค่าเก็บเกี่ยว ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น รักษาเสถียรภาพผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร ขณะเดียวกัน สมาชิกสหกรณ์ได้รับสนับสนุนปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ ส่งผลให้คุณภาพการผลิตของสหกรณ์สูงขึ้นในอนาคต” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวในที่สุด