สรท.คงเป้าส่งออกปีนี้โต 5% ไม่ตาม “พณ.” มอง 7% ทำได้ยาก ชี้บาทแข็งโป๊กรายได้หดแล้ว 2%

สรท.คงเป้าส่งออกปีนี้โต 5% เจอปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า มองบวก 7% ยาก ร้องภาครัฐเร่งแก้”บาท”แข็งไม่หยุด ทำรายได้ผู้ส่งออกหายไปแล้ว 2% ออเดอร์หด กระทบถึงเกษตรกร-ลูกจ้างอดโอที

นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ยังคงคาดการณ์การขยายตัวของการส่งออกทั้งปีนี้ที่บวก 5% จากปัจจัยบวกคือการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนที่กระทรวงพาณิชย์ปรับเพิ่มเป้าทำงานการส่งออกปีนี้จะบวก 7% มองว่าเป็นเรื่องยากเพราะยังมีปัจจัยลบอีกมาก ได้แก่ สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ เช่น ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี อัตราแลกเปลี่ยนที่มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล หากยังแข็งค่าต่อจะกระทบต่อการส่งออกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และไตรมาสแรกของปีหน้าได้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวจะกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และปริมาณตู้บรรจุสินค้านำเข้าลดลง อาจส่งผลต่อการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และกระทบต่อการส่งออกในไตรมาส 4 และอาจส่งผลในระยะยาว “ช่วงที่เหลือของปีนี้จะต้องส่งออกเฉลี่ยให้ได้ไม่ต่ำกว่า 18,720 ล้านเหรียญ/เดือน จึงจะทำให้ทั้งปีนี้บวก 5% หากจะบวก 7% ค่าเฉลี่ยต้องไม่ต่ำกว่า 19,600 ล้านเหรียญ/เดือน ถือเป็นตัวเลขที่สูงเพราะ 2 เดือนสุดท้ายของปีคำสั่งซื้อจะลดลงเป็นปกติอยู่แล้ว ถือว่าต้องทำงานกันอย่างหนัก” น.ส.กัณญภัค กล่าว

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธาน สรท.กล่าวว่า การส่งออกเดือนกรกฎาคม 2560 มีมูลค่า 18,852 ล้านเหรียญ บวก 10.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ส่งออก 7 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่า 132,399 ล้านเหรียญ บวก 8.2% นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเงินบาทแข็งค่า เมื่อทอนรายได้ส่งออกจากเหรียญสหรัฐเป็นบาท รายได้หายไปแล้วเฉลี่ย 2% ส่งผลต่อทั้งห่วงโซ่การผลิต กดดันเกษตรกรมีรายได้ลดลง ราคาพืชผลทรงตัวระดับต่ำ และภาคผลิตแทบไม่จ้างแรงงานทำงานล่วงเวลา (โอที) เพราะคำสั่งซื้อล่วงหน้าลดเหลือเฉลี่ย 6 เดือนล่วงหน้า บางรายเหลือ 3 เดือนล่วงหน้า จากปกติ 1 ปี

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ค่าเงินแข็งขึ้น 7.42% นับว่าแข็งค่ามากสุดในภูมิภาค หากลดลงมาที่ 3% ยังสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ จึงอยากเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รักษาเสถียรภาพของเงินบาทในระดับที่แข่งขันได้ สนับสนุนการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนของเอสเอ็มอี บริหารจัดการแรงงานให้เพียงพอต่อความต้องการในภาคอุตสาหกรรมและการเกษตร เร่งยกระดับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศให้แล้วเสร็จใน 1 ปี และสนับสนุนการลงทุนของเอกชนไทยในต่างประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน