คนเกษตรเล่าเรื่อง : ลอสแองเจลิส (ตอนที่ 4)

ความคิดก่อนหน้านี้ที่จะเดินทางมาที่นี่ ได้ตัดใจมานานแล้วว่า คงไม่ได้มาอีก เพราะไกล และค่าใช้จ่ายสูง แต่พอเห็นรูปหลานๆ ทางอินเตอร์เน็ต ก็อดไม่ได้ที่จะต้องตัดสินใจมา เพราะหลานๆ โตขึ้นทุกๆ วัน อยากจะกอดจะปล้ำหลานตอนขณะยังเล็กๆ อยู่ และตอนนี้ได้อยู่ใกล้ชิด เล่นกับหลาน กระเซ้าเย้าแหย่สมใจแล้ว คราวนี้ เมื่อถึงวันจะกลับ คงจะทำใจลำบากแน่นอน

ที่อเมริกานี้ ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไร สมัยที่ทำงานอยู่ เคยมาบ่อยๆ ก็จริง แต่มาแบบไม่นาน ทำธุระเสร็จก็กลับบ้าน เคยแต่มาอยู่กับครอบครัวเกษตรกร ที่เป็นการเดินทางครั้งแรกในชีวิตที่อยู่นานหน่อย ไม่เหมือนกับเพื่อนๆ ที่มาเรียนต่อที่นี่ อยู่หลายๆ ปี และหลายๆ คนก็อยู่อย่างถาวรจนถึงปัจจุบัน ซึ่งวันนี้ จะได้พบกับพวกเขาบางคนด้วย

การที่มาใช้ชีวิตในต่างแดนนานๆ มีคุณค่ามหาศาล อย่างน้อยก็เห็นข้อแตกต่างระหว่าง เขากับเรา ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ คุณค่าของการเรียนรู้ชีวิตที่แตกต่าง ทำให้เห็นปัญหา และข้อที่น่าจะทำของชีวิต และการทำงานของตัวเอง ในสมัยที่ทำงาน ผมจึงกระตุ้นให้เพื่อนๆ ร่วมงานได้เดินทางกัน เริ่มต้นสงสัยไหมว่า ในศตวรรษที่ 15 ทำไมเขาถึงคิดต่อเรือลำใหญ่ๆ วิ่งไปทั่วโลก โดยไม่มีแผนที่ชัดเจน แค่คาดหวังว่าจะมีแผ่นดินอยู่ข้างหน้า ทั้งนี้ เนื่องจากการคาดหวังว่าจะพบสิ่งที่ดีกว่านั่นเอง เมื่อโคลัมบัส ค้นพบอเมริกา โดยขึ้นฝั่งทางตะวันออกที่ใกล้ทางยุโรป แล้วต่อมามีการเคลื่อนย้าย อพยพมาฝั่งตะวันตก ดังปรากฏตามเรื่องเล่าใน pocket book เชิงประวัติศาสตร์ และภาพยนตร์ ซึ่งชาวยุโรปก็ไปเอเชีย และออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ด้วยความมุ่งหมายเดียวกันด้วย

ตามที่ค้นหาใน google เห็นข้อมูล พอจะสรุปได้ว่า ขณะที่ชาวอเมริกันพื้นเมือง หรืออินเดียนแดง มารวมอาศัยอยู่ที่ California หลายๆ เผ่าเป็นเวลานาน จนกระทั่งชาวยุโรปได้เดินทางมาสำรวจเมื่อศตวรรษที่ 16-17 โดยได้ชื่อว่าเป็นชุมชนชาว Spain แห่งใหม่ ในปี 1821 พื้นที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเม็กซิโก แล้วมาเป็นของอเมริกาเมื่อปี 1848 โดยเป็นรัฐที่ 31 ของอเมริกา ในวันที่ 9 กันยายน 1850 California เป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นที่ 6 ของโลก และประชาชนหนาแน่นในอันดับที่ 35 เป็นแหล่งที่เริ่มต้นมีชื่อเสียงทางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ อินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และกลุ่มพวกฮิปปี้ ที่ San Francisco Bay เป็นแหล่งที่มีรายได้ต่อครัวเรือนค่อนข้างสูง และบริษัทที่มีชื่อเสียงที่อยู่ที่นี่คือ Chevron, Apple, และ McKesson และที่สำคัญที่สุดคือการเกษตร โดยเป็นแหล่งผลิตอาหารเลี้ยงประชาชนในสหรัฐอเมริกา เคยทราบมาว่า มีส่วนแบ่งการผลิตอาหารของประเทศ ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์

เมื่อวานนี้ไปเดินที่ศูนย์การค้า Mall ที่ใกล้ๆ บ้าน ซึ่งก็เหมือนกับที่เคยพูดไว้ว่า Mall ที่ไหนๆ ก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน ยกเว้น Mall ใหญ่ๆ เช่น Mall of America ปกติจะเป็นตึกใหญ่ๆ 2-3 ชั้น ถ้ามี 3 ชั้น หมายความว่ามีชั้นใต้ดิน ร้านที่อยู่ใน Mall ก็คล้ายๆ กัน โดยเฉพาะร้านขายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และสิ่งของใช้ประจำวัน คือ Sears, J C Penny หรือ Macy’s และร้านประกอบอื่นๆ ตามทางเดินชั้นล่างจะมีการจัดพื้นที่ให้เป็นลานเด็กๆ มีเครื่องเล่นหลายชิ้นให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นกัน ร้านอาหารมีประปราย

ปัจจุบันมีอาหารไทย อาหารจีนเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย สำหรับร้านอาหารแบบศูนย์อาหารนี้ สะอาดมากๆ อาหารรสอร่อย (แบบฝรั่ง) และมีคุณภาพ ห้องน้ำสะอาด กินแล้วต้องเก็บทำความสะอาดเอง ซึ่งล้วนแต่คนกินที่มีความรับผิดชอบ เก็บภาชนะ (ที่เป็นแบบใช้แล้วทิ้ง) และทำความสะอาดโต๊ะให้คนต่อไปได้ใช้ ปกติ ที่ Mall นี้ อยู่นอกเมืองและผู้คนไม่แน่น มีที่จอดรถกว้างขวางมาก ไปมาสะดวก หน้า MALL นั้นการจราจรไม่ติดขัดแต่อย่างใด

ก่อนกลับบ้าน ไปแวะที่ ROSS ซึ่งอยู่ใกล้ๆ บ้าน ที่นั่นขายเสื้อผ้าทั้งหญิง ชาย และเด็ก แต่เน้นทางผู้หญิงเป็นของถูก ที่มีคนมาซื้อเยอะ ได้เดินดูลาดเลา แต่คิดว่าคงไม่ได้ซื้ออะไร เพราะถ้าซื้อเสื้อผ้า ของใช้ ไปใส่ ทั้งๆ ที่ของเดิมก็มีอยู่มาก จะไม่จำเป็น ใส่ๆ อะไรไป หน้าตาก็เหี่ยวย่นเหมือนเดิม และที่นี่คงไม่ใช่ร้านซื้อของฝาก เพราะของใช้ไม่ต่างกับที่บ้านเราที่มีทั่วไป

จนถึงตอนเย็น ประมาณ 2 ทุ่มที่ยังไม่มืด กินข้าวกันแล้ว ไปเดินออกกำลังกัน อากาศดีมาก เมื่อวานนี้ เป็นวันอาทิตย์ที่สบายๆ เป็นการพักผ่อนกับลูกหลานที่หาโอกาสแบบนี้ไม่ได้มากนัก และเราจะมาอยู่ให้นานๆ ก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่คนที่นี่ ต้องกลับบ้านเรา ด้วยภารกิจที่ทำมานาน สวัสดีครับ