“กรมส่งเสริมสหกรณ์” สร้างความเข้มแข็งยกระดับสหกรณ์พร้อมสางปัญหา

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการยกระดับความเข้มแข็งของสหกรณ์ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก โดยสามารถยกระดับชั้นสกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจระดับมาตรฐานขึ้นไป หรือ ชั้นที่ 1 จำนวน 3,096 แห่ง

และสกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจระดับต่ำกว่ามาตรฐาน หรือชั้น 2 จำนวน 3,646 แห่ง เพิ่มขึ้นจากเดิม 77% ขึ้นเป็น 85% ส่วนสหกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจระดับต้องได้รับการปรับปรุงหรือชั้น 3 ปัจจุบันมีจำนวน 788 แห่ง และสกรณ์ทนายทะเบียนสั่งยกเลิกกิจการ อยู่ในระหว่างการชำระบัญชี หรือ ชั้น 4 จากเดิม 23% ลดลงเหลือ 15%

นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งแก้ไขปัญหาสหกรณ์ที่มีข้อบกพร่อง อาทิ การทุจริต การบกพร่องทางการเงินและทางบัญชี การดำเนินนอกกรอบวัตถุประสงค์ เป็นต้น จำนวนทั้งสิ้น 1,228 สหกรณ์ มูลค่าความเสียหาย 43,000 ล้านบาท

โดยตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบันสามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งสิ้น 1,125 สหกรณ์ มูลค่าความเสียหายลดลง 29,975 ล้านบาท เหลืออีกราว 100 สหกรณ์ มูลค่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่เกิดจากการทุจริต 500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการติดตามทรัพย์สินกลับคืนมา

นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ในปี 2561 แผนการขับเคลื่อนสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็งประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ 1.สร้างความเข้มแข็งของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยสหกรณ์จะต้องมีการกำกับและตรวจสอบอย่างเข้มข้นและแก้ปัญหาได้ทันท่วงที โดยวางเกณฑ์กำกับเจ้าหน้าที่รัฐ ให้บริหารงานอย่างโปร่งใส ไร้การทุจริต

2.ส่งเสริมสหกรณ์และกลุ่มเกษตร ให้มีบทบาทขับเคลื่อนนโยบายรัฐ โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการช่วยเหลือสหกรณ์ และส่งเสริมสหกรณ์ให้มีบทบาทในระบบการเกษตรแบบแปลงใหญ่โดยการเป็นผู้รับผลิตของเกษตรกรเพื่อกระจายไปสู่ตลาด จำนวนทั้งสิ้น 584 สหกรณ์

3.ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้า สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร และ4.พัฒนาบุคลากร โดยการอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่บุคลากรของสหกรณ์ ด้านการบริหารจัดการ ความเป็นผู้นำ