ท่าเรือประมงถก22พ.ย.แก้ปมไอยูยู

พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรป (อียู) ได้เดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) ของไทยเมื่อต้นสัปดาห์ได้ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว จากนี้เจ้าหน้าที่อียูกำลังอยู่ในระหว่างการรวบรวมและสรุปข้อมูล เพื่อเสนอสำนักงานใหญ่ของอียู ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม และฝ่ายรัฐบาลไทยมีกำหนดการจะเดินทางไปชี้แจงถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาไอยูยูให้อียูได้รับทราบในเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของอียู ประเมินว่าน่าจะเป็นที่พอใจของทางอียู เนื่องจากระบบตรวจสอบย้อนกลับของไทย มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก และเริ่มมีการปฏิบัติงานที่เห็นผลชัดเจน

นายมงคล สุขเจริญคนา นายกสมาคมประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของอียูได้เดินทางเข้ามาตรวจระบบการตรวจสอบย้อนกลับอุตสาหกรรมประมงของไทย ให้เป็นไปตามแผนการแก้ไขไอยูยู ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และคณะกรรมการชุดใหญ่ได้เดินทางมาสมทบเมื่อวันที่ 13-15 พฤศจิกายน โดยได้ตรวจสอบท่าเทียบเรือทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็กของเอกชนด้วย เบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ในระดับเป็นที่พอใจ เนื่องจากทุกท่าเทียบเรือได้ปรับตัวเพื่อให้เข้ากับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แม้จะไม่แล้วเสร็จ 100% เพราะต้องใช้เวลา ซึ่งสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุน โดยวันที่ 22 พฤศจิกายน ทั้ง 273 ท่าเรือประมงทั่วประเทศ จะหารือร่วมกัน เพื่อชี้แจงแนวทางปฏิบัติและปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นายมงคล กล่าวว่า การปฏิบัติตามกฎหมายในปัจจุบันยังมีปัญหา เนื่องจากการตรวจสอบตามท่าเรือต่างๆ กรมประมงได้ประสานให้ตำรวจทำหน้าที่แทน ทำให้เกิดความสับสนในการชั่งน้ำหนักปลา ที่ตามกฎหมายสามารถผ่อนผันให้ชั่งได้ที่ตลาดปลาแทนการชั่งที่หน้าท่าเรือได้ ในกรณีปลาดังกล่าวไม่ได้ส่งออกในทันที จึงอยากให้เจ้าหน้าที่กรมประมงเข้ามาทำหน้าที่แทน ในส่วน พ.ร.ก.การประมง 2558 มีการปรับปรุงบ่อยครั้ง เพื่อให้เหมาะสมกับการทำประมงของไทยและสอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาไอยูยู แต่การประกาศใช้กฎหมายกระชั้นชิดชาวประมงปรับตัวไม่ทัน จึงอยากให้ภาครัฐพิจารณาเรื่องนี้และเปิดโอกาสให้ชาวประมงปรับตัวก่อน

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน