กระทรวงทรัพย์ฯ ผนึกกยท. แก้บุกรุกผืนป่า โซนนิ่งพื้นที่ปลูกยาง หวังคุมลดผลผลิต

นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งดำเนินการแก้ปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่า เพื่อปลูกยางพารา และลดปริมาณน้ำยางพาราจากพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก ทั้งในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตป่าอนุรักษ์ เพื่อนำมาฟื้นฟูให้กลับเป็นป่าที่มีสภาพสมบูรณ์ดังเดิมโดยเฉพาะกลุ่มนายทุน ดังนั้น เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วนในการควบคุมปริมาณน้ำยางพาราจำนวนประมาณ 300,000 ตัน/ปี ควบคู่การแก้ไขปัญหากลุ่มราษฎรผู้ยากไร้ จึงได้ประสานงานกับการยางแห่งประเทศไทย สำรวจการถือครอบครอง เพื่อจะนำข้อมูลไปจัดสรรที่ดินทำกิน ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)

ด้าน ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการ กยท. เผยว่า การดำเนินการร่วมกันระหว่าง กยท. และกระทรวงทรัพยากรฯ เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่จะต้องมีการทำโซนนิ่งพื้นที่ปลูกยางที่เหมาะสม เพราะสถานการณ์ราคายาง ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการส่งออกยางพาราในรูปวัตถุดิบ ซึ่งระดับราคาถูกกำหนดจากความต้องการซื้อ-ขาย และความต้องการใช้ยางพาราของโลก ซึ่งเราไม่สามารถไปกำหนดความต้องการใช้ได้ เพราะเป็นตัวแปรที่ขึ้นอยู่กับการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการขยายตัวของประเทศผู้ใช้ แต่สิ่งที่ประเทศไทยสามารถดำเนินการได้ คือ การสร้างสมดุลของปริมาณผลผลิตให้มีความเหมาะสม จากการพยากรณ์การใช้ยางพาราของโลก แต่ละปีจะเติบโตประมาณ 3-4 เปอร์เซ็นต์ แต่การเพิ่มของปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่า เนื่องจากในช่วงปี 2553 ยางพารามีราคาสูงมาก ชาวสวนยางทั้งไทยและต่างประเทศที่สามารถปลูกยางได้ ก็หันมาปลูกยางเป็นจำนวนมาก และช่วงเวลานี้มีที่ผลผลิตออกมาพร้อมกันมากจึงมีผลต่อราคา

“นโยบายที่รัฐบาลได้มอบไว้ คือ ทำอย่างไรให้สามารถสร้างสมดุลของผลผลิตและความต้องการใช้ให้ได้ และการดูแลเกษตรกรให้ทั่วถึง ส่วนในเรื่องพื้นที่ปลูกยางที่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของราชการ เช่น ป่าไม้หรืออุทยาน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 ล้านกว่าไร่ จึงเป็นเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องเข้าไปดำเนินการควบคุม ซึ่งคาดว่าจะมีผลต่อปริมาณของผลผลิตในแต่ละช่วงปีได้” ผู้ว่าการ กยท. กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา ประชาชาติ