ลอสแองเจลิส (ตอนที่ 9)

มีท่านผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ และเพื่อนๆ แนะนำให้ไปเที่ยวมากๆ โดยเฉพาะลาสเวกัส และยังมีจุดต่างๆในลอสแองเจลิส ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็อยากจะไป และยังมีเพื่อนๆ ที่ยินดีบริการพาเที่ยว แต่การเดินทางมาเที่ยวนี้ คงไม่สามารถจะไปได้ ตั้งใจอยากมาเจอหลานๆ และอยู่กับหลานๆ ให้นานๆ เท่านั้น อีกไม่นาน หลานก็จะโต เราก็แก่ แล้วก็ต้องจากตามสัจธรรมของชีวิต ถ้าครั้งต่อไป มีโอกาส และมีใครไปเป็นเพื่อน คงไม่รีรอที่จะหนีลูก หลานๆ ไปเที่ยวด้วยแน่

เมื่อสมัยยังทำงานที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และเคยรับผิดชอบงานวิชาการมาเป็นเวลานาน จึงได้มีโอกาสเดินทางไปประชุมเพื่อเสนอรายงานทางวิชาการ ไปร่วมในการจัดดูงานวิจัยทางเทคโนโลยีใหม่ๆ และการประชุมประจำปีขององค์การนานาชาติ เช่น FAO, WFO เป็นต้น ทำให้ในช่วงทำงาน ได้เดินทางเป็นว่าเล่น ในสถานการณ์ต่างๆ กัน เมื่อมาถึงตอนเกษียณอายุนี้ ได้แต่คิดถึงความหลัง ไม่มีโอกาสแบบเก่าๆ อีกแล้ว

เมื่อวานนี้ ไปเที่ยว mall กันเหมือนเคย แม่เขาพาลูกๆ ไปเล่นของเล่นกัน คือเป็นที่ปีนป่ายไปมาเหมือนทุกแห่ง ที่บ้านเราก็มี แต่ที่นี่ ราคาที่เข้าไปเล่นจะสูงหน่อยคือ คนละ 9 เหรียญ แล้วขอสัญญากับลูกๆ ว่า เมื่อเล่นของเล่นแล้วจะไม่ขอกินอะไร พอเสร็จแล้ว เมื่อเห็นไอศกรีม เด็กๆ ก็อยากกิน แต่ก็ติดที่สัญญา แต่เขาก็มีวิธีเลี่ยง ถามแม่เขาว่า แล้วตากับยายมีเงินไหม สัญญากับแม่แต่ไม่ได้สัญญากับตายาย ก็เลยได้กินไอศกรีมกันสมอยาก

เหมือนตอนก่อนที่ตากับยายจะมา เห็นแม่เขาเล่าให้ฟังว่า เวลาไปไหน ก็ขอสัญญาว่าจะไม่ซื้อของเล่น พอไปถึงจริงๆ ด้วยความอยากได้ คนโต น้องเลียม เขาถามแม่ว่า เราขอยืมไปเล่นที่บ้านได้ไหม แล้วเอามาคืนแบบที่เคยไปห้องสมุด ไปยืมหนังสือ สำหรับคนที่ 2 แอนดรู ถามแม่ว่า แบบนี้ ที่บ้านเรายังไม่มีใช่ไหม ความน่ารักของเด็กๆ ก็คือความช่างคิดในการเจรจา แต่หลานคนที่ 3 โนแลน อายุเพิ่ง 16 เดือน มีแต่ร้อง ให้ปล่อยเดินเตาะแตะ

ผมค่อนข้างโชคร้าย ที่อุตส่าห์ถนอมตัวเองมาว่าจะกอดรัด ฟัดกับหลานๆ ให้เต็มที่ แต่มาถึงไม่กี่วัน เกิดเป็นหวัดอย่างรุนแรง ตั้งแต่เจ็บคอเมื่อวันจันทร์ ต่อมาลามเป็นน้ำมูก และไอมาก ตาก็แฉะๆ มีน้ำตาและขี้ตาไหลตลอดเวลา ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 6 แล้ว ยังไม่รู้ว่าจะหายเมื่อใด ตอนนี้ก็ได้แต่อยู่ห่างๆ อุ้มบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ให้ใกล้นัก ที่เป็นหวัดนี้ เนื่องจากในช่วงที่มาถึง ที่นี่มีอากาศเย็นอยู่ 2-3 วัน พักผ่อนน้อย นอนไม่หลับ เพราะเปลี่ยนเวลา ทำให้ปรับตัวไม่ทัน นอนน้อย

วันนี้ได้ไปเดินห้าง Target ซึ่งเทียบได้กับ Big C หรือ Tesco Lotus ที่บ้านเรา ซื้อแต่ผลไม้ เพราะเสื้อผ้าของใช้ไม่มีอะไรแตกต่างจากบ้านเรา ถ้าซื้อไป ก็มีแต่รกบ้าน วางไว้ไม่กี่วันก็ต้องทิ้ง สิ่งที่น่าสังเกต คือคุณภาพของของใช้ที่นี่ ดูดีและทนทาน ไหมขัดฟัน (dental foss) ยี่ห้อ Oral B ที่นี่ราคา 60 บาท ในขณะที่บ้านเรา ราคากว่า 100 บาท และหาซื้อไม่ค่อยมี เมื่อเดินจนเมื่อยแล้ว ได้ไปกินอาหารที่ Subway สังเกตดูอาหารที่อเมริกาทั่วๆ ไป อร่อย เช่น ขนมปังที่ Subway กรอบ เช่นเดียวกับ pizza ที่กินเมื่อ 2 วันก่อน ทำให้ผู้คนที่นี่ ทั้งหญิงชายอ้วนท้วนสมบูรณ์ทั่วหน้ากัน

อย่าดูถูกข้าวไข่ดาว ที่ทำให้หลานกินตอนเช้าๆ ซึ่งจะอร่อยกว่า cereal ใส่นม หลานทั้ง 2 กินข้าวไข่ดาวจนหมดจาน เพราะนานๆ เจอที อย่าว่าแต่หลานเลยครับ เวลาผมไปต่างจังหวัด แล้วเข้าห้องอาหารตอนเช้าๆ ถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจก็ข้าวไข่ดาวน้ำปลาพริกนี่แหละ อิ่มเต็มที่ และอร่อยน้ำปลาพริกด้วย

เห็นตำรวจขับรถวนไปมาตามถนน รู้สึกศรัทธาที่ตำรวจได้ทำหน้าที่ ซึ่งเหมือนกับในภาพยนตร์ที่เคยดู เพราะถ้ามีเหตุร้ายอะไร ก็สามารถเข้าถึงได้เร็ว เมื่อ 7 ปีก่อน ตอนที่หลานคนโตเกิด ผมได้มาที่นี่ครั้งหนึ่ง ลูกพานั่งรถไปกินข้าวที่ร้านอาหาร นั่งรถเกิน 5 คน ถ้านับหลานที่เพิ่งเกิดอายุ 1 เดือนด้วย เป็น 6 คน ตำรวจขับรถแซง เห็นรถเราก็เรียกจอดทันที แล้วออกใบสั่ง ลูกก็ห้ามไม่ให้ผมพูดอะไร ซึ่งก็คงไม่มีประโยชน์ จะต้องไปเสียค่าปรับที่ศาล คิดว่าประมาณ 50 เหรียญ ซึ่งเป็นความผิดทุกคนต้องยอมรับ เพียงแต่ว่า ขอให้กฎที่ออกมาปฏิบัติได้เหมาะกับสภาพความเป็นจริงเท่านั้น เช่น กำหนดความเร็วรถที่นี่ ยอมได้ถึงประมาณ 80 ไมล์ หรือประมาณ 128 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ซึ่งปกติก็ขับไม่ถึงอยู่แล้ว เพราะขับเกินนี้ อุบัติเหตุแน่นอน ยกเว้นทางยาวเรียบ ที่รถอื่นๆ ไม่มี                     

(โปรดติดตามตอนต่อไป)