ดอยม่อนจอง แหล่งทะเลหมอก ช้างป่า กวางผา แห่งเดียวของไทย

ดินแดนมหัศจรรย์          แหล่งชีวิตกวางผา 

ช้างป่ามากมาย              ดงกุหลาบพันปี 

ดงสมุนไพรนานาชนิด    เต้นจะคึอลังการ

 

นี่คือ คำขวัญของบ้านมูเซอปากทาง ที่บ่งบอกถึงสรรพสิ่งที่มีอยู่ เกิดขึ้นตามธรรมชาติ การอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าและพรรณพืช การอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาเผ่าลาหู่ หมู่ที่ 5 ตำบลม่อนจอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่

ดอยม่อนจอง ได้เริ่มต้นเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วไป ตั้งแต่ ปี 2555 จากพื้นที่เดิมเคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นเป็นพื้นที่กว้างหลายพันไร่ กองทัพภาคที่ 3 มีนโยบายที่จะลดพื้นที่ปลูกฝิ่น ฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่บ้านมูเซอปากทาง บ้านมูเซอหลังเมืองและหมู่บ้านใกล้เคียง มอบหมายให้ที่ว่าการอำเภออมก๋อยแต่งตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ศูนย์พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (เดิมคือ ศูนย์สงเคราะห์ชาวเขา) ผู้ใหญ่บ้านมูเซอปากทาง นายก อบต. ม่อนจอง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาการอำเภออมก๋อย โดยมีศูนย์ กศน. อมก๋อย เป็นกรรมการและเลขานุการ มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกป่า สร้างงานสร้างอาชีพ ให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืน สร้างจิตสำนึกให้มีส่วนร่วมในการรักษาป่าไม้ ปัจจุบัน เกษตรกรยึดอาชีพการปลูกพืชผักปลอดสารเคมี ปลูกกาแฟใต้ร่มเงาของป่าไม้ อนุรักษ์ต้นมะขามป้อมและเก็บผลผลิตจำหน่าย

อีกกิจกรรมหนึ่งคือ การเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งที่ยอดดอยมูเซอและดอยม่อนจอง

ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่บนเทือกเขาถนนธงชัย ครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก

คำว่า “ม่อน” หมายถึง เนินเขา คำว่า “จอง” หมายถึง ภูเขาที่เป็นรูปสามเหลี่ยมและลาดชัน รวมความแล้วหมายถึง ยอดเนินเขาที่มีลักษณะสามเหลี่ยม บนยอดดอยสูงสุดเรียกว่า ดอยหัวสิงห์ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตร สัตว์ป่าที่มีอยู่บนดอยม่อนจอง เช่น โขลงช้างป่า ที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีมากกว่า 300 ตัว กวางผาหรือมีฉายาว่า ม้าเทวดา กวางผาเป็นสัตว์ที่หายาก ใช้ชีวิตอย่างอิสระตามไหล่เขา กินอาหารจากธรรมชาติที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์

นกชนิดที่หายากจะพบได้ที่ดอยม่อนจอง เช่น เหยี่ยวนกเขาท้องขาว นกอินทรีปีกแถบดำ นกอินทรีเล็ก นกเปล้าทองขาว นกมุ่นรกคอแดง นกเดินดงคอดำ เป็นต้น ในด้านพรรณพืชนั้น นักท่องเที่ยวจะได้พบต้นกุหลาบพันปีที่เกิดตามธรรมชาติ ลำต้นใหญ่ คาดว่ามีอายุมากกว่า 100 ปี ช่วงฤดูหนาวจะออกดอกสีแดงใหญ่สวยงามมาก พบต้นชาป่าทั้งใหญ่และเล็กขึ้นอยู่ทั่วไป

สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากคือ ดอยม่อนจองเป็นแหล่งพืชสมุนไพรหลายชนิดและมีปริมาณมาก ที่ชาวไทยภูเขานำมาใช้ในชีวิตประจำวัน บางชนิดที่คนพื้นราบยังไม่รู้จัก เช่น หญ้าเอ็นยืด หรือผักกาดน้ำ มีสรรพคุณในการแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เคล็ดขัดยอก ไขข้ออักเสบ ฯลฯ หญ้าดอกขาวม่อนจอง ใช้ป้องกันและรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ฯลฯ พืชสมุนไพรเหล่านี้ ดร. จิระศักดิ์ สาระรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และทีมงานวิจัย ได้ศึกษาวิจัยเพื่อนำไปแปรรูปให้เพิ่มมูลค่าและสะดวกต่อการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรดอยม่อนจอง

 

กฎระเบียบการเที่ยวดอยม่อนจอง

ดอยม่อนจอง จะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศดินแดนมหัศจรรย์ ระหว่าง วันที่ 1 พฤศจิกายน-15 กุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยจะต้องมีเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทางไปทุกครั้ง ระยะเวลาที่เหมาะสมประมาณ 2 วัน 1 คืน นักท่องเที่ยวจะต้องมาติดต่อที่ศูนย์ท่องเที่ยวดอยม่อนจอง ก่อนเวลา 12.00 น. เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งในด้านจำนวนคน สถานที่พัก เต็นท์นอน ถุงนอน เสบียงอาหารที่นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมมาเอง ชั่งน้ำหนักสัมภาระ ติดต่อจำนวนลูกหาบให้เหมาะสมกับสัมภาระที่ต้องเดินทาง ติดต่อรถยนต์นำเที่ยวในท้องถิ่น ซึ่งรถยนต์ส่วนบุคคลจะไม่อนุญาตให้นำขึ้นไปเอง จะต้องเดินด้วยเท้าเป็นเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระยะทาง 6-7 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวจะต้องนำขยะกลับลงมาด้วย โดยใส่ในถุงดำแล้วให้ลูกหาบนำกลับลงมา จะต้องไม่รบกวนสัตว์ป่า ล่าสัตว์ เก็บของป่า หรือนำพันธุ์พืชใดๆ ออกจากพื้นที่โดยเด็ดขาด

 

การเดินทางสู่ ดอยม่อนจอง

ออกเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหลวง หมายเลข 108 ผ่านอำเภอหางดง สันป่าตอง จอมทอง ฮอด เลี้ยวขวาที่อำเภอฮอด เพื่อเดินทางไปทางอำเภอแม่สะเรียง ผ่านสวนสน พบทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1099 เพื่อเดินทางเข้าสู่อำเภออมก๋อย ถึงสี่แยกหอมด่วนใกล้ตลาดอมก๋อย เลี้ยวซ้ายจะเห็นป้ายบอกไปตำบลแม่ตื่น ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร จะพบจุดท่องเที่ยวแห่งแรกที่ดอยมูเซอ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงาม ยามเช้าจะพบทะเลหมอกท่ามกลางสวนสนทั้งสองด้านของยอดดอยมูเซอ เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปจตุรทิศ มิ่งมุ่งเมืองนันทมุนี พุทธสถานดอยหลวงก๊องคำ และน้ำเต้าทองคำ เอกลักษณ์ของชนเผ่าลาหู่

จุดนี้ยามเช้าจะเห็นทะเลหมอกกว้างใหญ่ 360 องศา จากนั้นเดินทางต่อไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร จะพบป้ายบอกทางเข้าบ้านมูเซอปากทางอยู่ทางด้านซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายเข้าไปผ่านหมู่บ้านตลอดสองข้างทาง ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบที่ทำการศูนย์ท่องเที่ยวดอยม่อนจอง ติดต่อประสานงานที่จุดนี้ มีค่าใช้จ่ายคือ ค่าเช่ารถยนต์รับจ้างขับเคลื่อน 4 ล้อ 2,500-3,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยว หรือจะให้นำท่องเที่ยวแหล่งอื่นๆ ตามแต่ตกลงแบบเช่าเหมาก็ได้ สำหรับค่าบริการแบกสัมภาระ ลูกหาบ 1 คน จะแบกสัมภาระไม่เกิน 20 กิโลกรัม ค่าบริการ วันละ 300 บาท

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว จึงเริ่มต้นเดินทางด้วยรถยนต์รับจ้างของกลุ่มมัคคุเทศก์ของชุมชนบ้านมูเซอปากทาง ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าอุ้มหลวง ขออนุญาตผ่าน ตรวจนับจำนวนนักท่องเที่ยว รับแจกถุงดำเพื่อใช้แล้วนำขยะกลับลงมาพื้นราบ เดินทางต่อจนถึงจุดจอดรถยนต์ตีนดอยที่รถยนต์ไม่สามารถเดินทางขึ้นไปได้

จากจุดนี้นักท่องเที่ยวและลูกหาบจะต้องเดินเท้าขึ้นไป ประมาณ 6-7 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง เป็นเส้นทางเดินป่าทั้งขึ้นเนินและลงเขาสลับกันไป จุดพักการเดินทางจุดแรกคือที่ ลานหินช่อ เป็นลักษณะทางธรณีวิทยาที่หินถูกกัดเซาะจากลมและน้ำมาเป็นเวลาหลายล้านปี จนเกิดเป็นปฏิมากรรมทางธรรมชาติที่แปลกตา จุดนี้สูงจากระดับน้ำทะเล 1,300 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์เพื่อชมควายป่า ชะนี กวางผา ออกมากินอาหารที่มีอย่างสมบูรณ์อยู่เบื้องล่าง

จุดพักที่สองคือ ก่อนขึ้นดอยหมาหอบหรือเนินสไลเดอร์ ลักษณะเป็นป่าโล่งแจ้ง ส่วนใหญ่จะเป็นหินสลับกับดินเหนียว ต้นไม้ใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้ จึงมีต้นหญ้าธรรมชาติที่มีกลุ่มรากหญ้าเหนียวยึดก้อนหิน จึงเป็นที่ยึดเหนี่ยวฝ่าเท้าของนักท่องเที่ยวที่จะต้องเดินตามโคนกอหญ้าเหล่านี้ ลาดชันมาก ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ เมื่อเดินพ้นจากจุดดอยหมาหอบอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงที่พักตามธรรมชาติใกล้ธารน้ำ เป็นพื้นที่ราบอยู่ด้านล่างของยอดดอย เพื่อเป็นการหลบกระแสลมที่พัดแรงมาก เมื่อนักท่องเที่ยวจัดการกางเต็นท์ เตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว อาจจะเดินขึ้นไปท่องเที่ยวบนยอดดอย ถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามมาก

หลังจากนอนหลับพักผ่อนยามค่ำคืนที่มีอากาศหนาวเย็นแล้ว รุ่งเช้า ประมาณ 04.00-05.00 น. เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของการมาท่องเที่ยวครั้งนี้คือ การเดินขึ้นไปบนยอดดอยถ่ายภาพดอยหัวสิงโต เดินต่อขึ้นไปจนถึงยอดดอย ถ่ายภาพทะเลหมอกที่มองเห็นรอบทิศทาง ที่เรียกว่ามองเห็นทะเลหมอก 360 องศา เลยทีเดียว

บริเวณนี้จะพบต้นดอกขาวม่อนจอง เป็นพืชสมุนไพรที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ชาวบ้านแถบนี้จะเก็บไปต้มกินใบสดและทำเป็นใบชา ป้องกันและรักษาโรคความดันสูง เบาหวาน และอื่นๆ ได้ดีมาก ท่องเที่ยวถ่ายภาพความประทับใจได้เวลาอันเหมาะสม จึงเดินทางกลับลงมาพื้นราบ จะใช้เวลาน้อยกว่าการเดินขึ้น แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่บ้านมูเซอปากทาง

นอกจากจะได้ชมและท่องเที่ยวดอยม่อนจองแล้ว สามารถไปเที่ยวได้อีกหลายแห่ง เช่น วิถีชีวิตชาวไทยภูเขาบ้านอมแพม บ้านมูเซอหลังเมือง เขานางนั่ง สนามกอล์ฟช้าง ป่าดิบเขา ป่าสวนสน ดอยหัวสิงห์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาหลายวัน อาจจะเดินทางมาพักผ่อนในหมู่บ้านมูเซอปากทาง ชมการแสดงการละเล่นเต้นจะคึ รับประทานอาหารพื้นบ้าน ผ้าฝ้ายทอมือของชนเผ่า ศึกษาชีวิตความเป็นอยู่วิถีชนเผ่ามูเซอ เดินชมสวนกาแฟอินทรีย์ที่ใช้เครื่องหมาย “กาแฟอินทรีย์ดอยม่อนจอง” ได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่พักแบบสบายๆ ที่บ้านพักนะปีรีสอร์ท

สอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง โทร. (080) 133-3970, (081) 026-3399, (061) 313-8808 ที่พักในหมู่บ้าน โทร. (093) 037-4472