ผู้ส่งออกข้าวโวยบาทโป๊กชวดแชมป์ ปีนี้เหลือแค่ 9.5 ล้านตัน-คลังแจกปลายปีอ่อนค่าลง

คลังแจกบาทแข็งยังไม่สะเทือนส่งออก คาดปลายปีมีแนวโน้มอ่อนลง แบงก์ชาติทำถูกต้องปรามแบงก์เก็งกำไรค่าเงิน ส่วนผู้ส่งออกข้าวไทยโวยส่งออกข้าวชวดแชมป์เจออินเดียแซงหน้า เพราะพิษบาทแข็งเป็นเหตุ ทำต้นทุนสูงกว่าเพื่อนบ้าน ปีนี้คาดส่งออกแค่ 9.5 ล้านตัน

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำถูกต้องที่ออกมาเตือนและกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ ที่มีการทำธุรกรรมการทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งขัดกับมาตรการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทของ ธปท.

“ธปท.ต้องออกมาเตือนแบงก์ที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งไม่ถูกต้อง ส่วนการแข็งค่าของค่าเงินบาทน่าเป็นห่วงหรือไม่ ต้องถามผู้ว่าฯ ธปท. ที่เป็นผู้ดูแล” นายอภิศักดิ์ กล่าว

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง และโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าตอนนี้อยู่ต่ำกว่า 32 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ มาจากการอ่อนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีต่อเนื่อง แต่การแข็งค่าของเงินบาทก็ยังเป็นไปทิศทางเดียวกันสกุลอื่นในภูมิภาค คลังมองว่าตอนนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 31 บาทกว่า ต่อดอลลาร์สหรัฐ เชื่อว่าปลายปีค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงบ้าง และเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 32.25 บาทท ต่อดอลลาร์สหรัฐ

นางสาวกุลยา กล่าวว่า ค่าเงินบาทยังไม่ส่งผลกระทบกับการส่งออกมาก ดูจากการส่งออกปี 2560 ขยายตัวได้ถึง 10% และในปี 2561 คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 6.6% ซึ่งการส่งออกต้องดูทั้งค่าเงินบาท และการซื้อสินค้าของ

ประเทศคู่ค้าที่ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผลมากกว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่การขายสินค้าก็ยังขายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า

ด้าน นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย แถลงว่า ในปีนี้การส่งออกข้าวจะทำได้ประมาณ 9.5 ล้านตัน มูลค่า 4,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อนที่เคยส่งออกข้าวได้มากกว่า ซึ่งไทยส่งออกได้ถึง 11.6 ล้านตัน มากสุดเป็นประวัติการณ์ หรือเพิ่มขึ้น 17.5% เป็นอันดับ 2 รองจากอินเดีย ที่ส่งออกได้มากสุดถึง 12.4 ล้านตัน

ปัจจัยสำคัญที่ฉุดให้การส่งออกข้าวลดลงคือ ค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่แข่งโดยเฉพาะเวียดนาม อาจส่งผลให้ราคาข้าวไทยแพง ซึ่งทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น จะส่งผลให้ข้าวไทยแพงขึ้น ประมาณ 12 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อตัน ภาครัฐจึงควรเข้ามาควบคุมดูแลด้วย เพราะที่ผ่านมาค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ากว่าคู่แข่ง อย่างเวียดนาม ถึง 9% ซึ่งหากปล่อยให้แข็งค่าขึ้น โดยที่รัฐไม่มีมาตรการดูแลอาจทำให้สินค้าส่งออกอื่นๆ ได้รับผลกระทบด้วย

ขอบคุณข้อมูลจากข่าวสด